รู้จักบานเกล็ด อีกหนึ่งรูปแบบของหน้าต่างที่ทำให้บ้านน่าอยู่

บานเกล็ด เป็นรูปแบบบานหน้าต่างที่คุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นการใช้งานของคนไทยมานานแสนนาน นั่นก็เพราะความสะดวกหลายประการที่เหมาะกับบ้านของคนไทย จวบจนถึงปัจจุบัน บานเกล็ดถูกพัฒนารูปลักษณ์ให้ดูสวยงามโมเดิร์นเหมาะกับงานตกแต่งสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น

เช่นเดียวกันกับบานเกล็ดของทอสเท็ม ที่พัฒนาทั้งเรื่องความงามของกรอบบาน ไปจนถึงคุณสมบัติที่ตอบทั้งเรื่องการใช้งาน ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยระหว่างการใช้งานหัวใจของบ้านระบายอากาศ

หน้าที่หลักของบานเกล็ด เพื่อถ่ายเทอากาศจากภายนอกไหลเวียนสู่ภายในได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับบ้านในเขตเมืองร้อนแบบบ้านเรา นั่นก็เพราะอากาศร้อนจะถูกระบายออกด้านนอก และตัวบานที่เปิดออกสามารถป้องกันฝนสาดเข้าสู่ภายในบ้านได้ในระดับหนึ่งแม้จะเปิดบานหน้าต่าง เราจึงมักติดตั้งหน้าต่างบานเกล็ดในพื้นที่ที่ถูกปิดไว้ตลอดอย่างห้องเก็บของ หรือห้องที่ต้องการสุขลักษณะอย่างมาก เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัวเปิดบานได้ ไม่ต้องเผื่อ

ข้อดีที่เห็นได้เด่นชัดอีกประการหนึ่งของบานเกล็ดคือ ประหยัดพื้นที่ระยะเปิดปิด เพราะบานเกล็ดใช้เพียงการเปิดหมุนบานก็สามารถเปิดออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอกได้ และยังปลอดภัย เพราะไม่มีการกีดขวางขณะเปิดใช้งานหน้าบาน จึงสามารถติดได้ในส่วนที่เป็นทางสัญจร พร้อมกันนี้ หน้าต่างบานเกล็ดยังสามารถใช้งานร่วมกับมุ้งลวด หรือเปลี่ยนสีเป็นกระจกทึบแสงได้เช่นเดียวกับบานหน้าต่างชนิดอื่นปรับองศาการเปิดได้อย่างใจต้องการ

จุดเด่นอีกอย่างของบานเกล็ดคือ สามารถปรับระยะการเปิดได้อย่างที่ต้องการ สำหรับส่วนที่ไม่เป็นอันตรายต่อการบุกรุกมากอย่างชั้นใต้ฝ้าเพดานหรือชั้นบน สามารถเปิดบานเกล็ดได้สุดสำหรับการระบายอากาศ หรือหากต้องการเปิดออกเพื่อระบายอากาศเพียงเล็กน้อย ก็สามารถบิดหมุนแง้มได้ตามระยะความกว้างที่ต้องการข้อควรเข้าใจของบานเกล็ด

บานเกล็ดจะมีข้อจำกัดในเรื่องของความกว้างเนื่องมาจากน้ำหนักของกระจก ยิ่งบานกว้างมาก น้ำหนักยิ่งมาก อุปกรณ์ประกอบต่างๆ ก็จำเป็นจะต้องแน่นหนาตามไปด้วย บานเกล็ดส่วนใหญ่จึงถูกจำกัดไม่ให้กว้างกว่า 90 เซนติเมตรต่อหนึ่งหน้าบาน เพราะจะทำให้บานแอ่นเนื่องจากต้องรับน้ำหนักมากบานเกล็ดของทอสเท็ม

บานเกล็ดของทอสเท็ม อยู่ในรุ่น WE70 ซึ่งมีความหนาของวงกบให้เลือกสองแบบ คือ 72 มม. สำหรับ 2 บานเลื่อน และ 104 มม. สำหรับ 3 บานเลื่อน โดยมีความสูงของขอบธรณีล่างอยู่ที่ 35 มม. มีสีมาตรฐานให้เลือกทั้งหมด 6 สี และกระจกมีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 5, 6 และ 8 มม. ซึ่งหน้าต่างบานเกล็ดของทอสเท็มมีคุณสมบัติเด่นที่ประสิทธิภาพการป้องกันน้ำรั่วตามมาตรฐาน JIS : W-1 อยู่ที่ 100 ปาสคาล

เจาะดีเทลฟีเจอร์เด็ดของรั้วและประตูรั้วอะลูมิเนียมของทอสเท็ม

นอกเหนือจากกรอบบานประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนคุ้นเคยกัน ทอสเท็มยังมีผลิตภัณฑ์จากอะลูมิเนียมอีกประเภทที่เติมความงามให้กับพื้นที่หน้าบ้านจากสีสันบนผิวอะลูมิเนียมอะโนไดซ์ที่เลือกได้อย่างใจต้องการ มาพร้อมกับรายละเอียดจุดเล็กน้อยที่เติมให้การใช้งานทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ วันนี้ ทอสเท็มจึงอยากชวนคุณเจาะลงไปดูรายละเอียดชัดๆ ของรั้วและประตูรั้วของทอสเท็ม ที่เราคิดค้นและสร้างสรรค์เพื่อตอบคุณสมบัติทุกประการสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว

ซี่รั้ว – Fence Pipe จุดเด่นแรกสุดอยู่ที่วัสดุอะลูมิเนียมอะโนไดซ์ที่แข็งแรง ทนทาน ได้มาตรฐาน โดยซี่รั้วของรั้วและประตูรั้วของทอสเท็มเป็นทรงสี่เหลี่ยม และสำหรับรั้วอะลูมิเนียมแบบฟิกซ์ ซี่รั้วรูปทรงเพรียวบางแบบมินิมอล แต่ยังคงความแข็งแรงทนทานตามคุณสมบัติดั้งเดิมทุกประการ และตัวยึดกำแพงสามารถปรับระยะได้มากถึง 7.5 มิลลิเมตร

ลูกล้อ-รางสเตนเลส-สต๊อปเปอร์ Stainless-steel wheel, track and wheel stopper สำหรับประตูรั้วแบบเลื่อน หัวใจสำคัญคือระบบราง ประตูรั้วของทอสเท็มติดตั้งลูกล้อและรางสเตนเลสที่ทนทานแข็งแรง ให้การเลื่อนได้อย่างเบาแรง เรียบลื่นไม่มีสะดุด ขณะเดียวกัน ระหว่างรางก็มีสต็อปเปอร์สำหรับหยุดการเลื่อนของบาน เพื่อป้องกันบานหลุดตกจากรางเวลาเลื่อนปิด

ตัวประคองบาน – Panel Guide เพื่อความปลอดภัยขณะใช้งานเลื่อนเปิดปิดของประตูรั้วแบบเลื่อน ทอสเท็มติดตั้งตัวประคองบานทั้งกรอบบนและกรอบล่างของบานประตูรั้วแบบรางเลื่อน ทั้งแบบบานเดี่ยวและบานคู่ สำหรับบังคับบานให้ตั้งตรง และป้องกันอุบัติเหตุรางล้ม นับเป็นการใช้งานดีไซน์ในการออกแบบเพื่อความปลอดภัย

ข้อต่อรั้ว – Fence Jointer รั้วที่เชื่อมต่อกันยาวต่อเนื่องโอบล้อมรอบบริเวณบ้านเอาไว้ ข้อต่อของรั้วอะลูมิเนียมทอสเท็มมีให้เลือกทั้งข้อต่อแบบตรง และข้อต่อแบบเข้ามุม รองรับดีไซน์การเข้ามุมได้หลากหลายแบบ ตั้งแต่ตั้งฉาก 90 องศา เรื่อยไปจนถึงเรียงขนานกันแบบ 180 องศา

เสารั้ว – Fence Post เสารั้วของรั้วอะลูมิเนียมทอสเท็ม มีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ เสารั้วแบบมีฐานยึดกับคอนกรีตที่เตรียมเสาคอนกรีตรองรับรอไว้ก่อนแล้ว โดยจะมีฝาปิดครอบให้เรียบร้อยสวยงาม และเสารั้วแบบฝังในคอนกรีต สามารถฝังลงไปในเนื้อคอนกรีตพร้อมกับขั้นตอนการก่อสร้าง

ความเหมือนที่แตกต่าง ระหว่างกรอบบานทอสเท็มและกรอบบานอะลูมิเนียมทั่วไป

การเลือกสรรส่วนประกอบสำหรับการก่อสร้างและตกแต่งบ้าน สิ่งสำคัญคือการตรวจสอบคุณสมบัติและรายละเอียดของอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ต้องการติดตั้งในบ้าน เพื่อให้สามารถเสาะหาวัสดุที่ตอบกับโจทย์ความต้องการมากที่สุดทั้งเรื่องการใช้งานและความงาม ส่งต่อไปถึงวิธีการบำรุงรักษาและความทนทานตลอดอายุการใช้งาน ให้คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปครั้งนี้เราจึงขอชวนคุณมาลงลึกถึงรายละเอียดของกรอบบานและโปรไฟล์ของทอสเท็ม ที่คงคุณภาพมาตรฐาน ตอบความสวยงามของบ้าน พร้อมกับการใช้งานได้อย่างสบายใจ

Frame Thickness อย่างที่ทราบกันดีว่า อะลูมิเนียมมีความหนาหลายขนาด ตั้งแต่ 1 มม. ไปจนถึง 2.5 มม. การนำมาใช้ประกอบเป็นกรอบบานก็ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานในแต่ละส่วน สำหรับกรอบบานของทอสเท็ม ทุกส่วนประกอบมีมาตรฐานที่แน่นอน ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์ของโครงสร้างกรอบบานที่ต่างกันไปในแต่ละรุ่น เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของอาคารแต่ละแบบ โดยเฉพาะประสิทธิภาพด้านการต้านทานแรงลม ที่ต้องการกรอบบานที่แข็งแรงแตกต่างกัน ตั้งแต่รุ่น GRANTS ที่สามารถต้านทานแรงลมได้สูงสุด เหมาะสำหรับการใช้งานบนอาคารสูง และลดหลั่นลงไปจนถึงรุ่น WE 40 ที่เหมาะกับการใช้งานกับบ้านทั่วไป ซึ่งเจ้าของโครงการและผู้ออกแบบสามารถเลือกรุ่นให้เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณได้อย่างคุ้มค่า

Meeting Stiles จุดที่ต้องให้ความสำคัญสำหรับกรอบบานหน้าต่าง คือโปรไฟล์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักและเป็นโครงสร้างของกรอบบาน ซึ่งต้องการความแข็งแรงที่แตกต่างกันไปตามพื้นที่ใช้งาน ยิ่งอาคารสูงมาก ยิ่งต้องการความแข็งแรงมาก แค่ความหนาของเนื้ออะลูมิเนียมยังไม่พอ ยังอยู่ที่การออกแบบตัวบานให้มีทั้งความแข็งแรงคงทน โดยที่ผู้ใช้งานยังสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับกรอบบานของทอสเท็มแต่ละรุ่น ผ่านการดีไซน์รายละเอียดเพื่อให้ตอบรับความต้องการของบานแต่ละรุ่นได้อย่างมีมาตรฐาน ยกตัวอย่างโปรไฟล์คู่ชนบานกลางสำหรับบานเลื่อน ถูกออกแบบเพื่อต้านทานแรงลม หรือฟังก์ชั่นพิเศษที่คิดมาแล้วอย่างการ Overlapping สำหรับบานเลื่อนแบบ 4 บาน คู่ชนกลางบานเลื่อนซ้อนตัวเข้าหากันแบบสลิม ทำให้โปรไฟล์บางลง แต่ยังคงความแข็งแรงได้ตามมาตรฐานการใช้งาน และจับใช้งานถนัดมือ

Watertight Sill น้ำฝนคือสิ่งแวดล้อมที่กรอบบานหน้าต่างจะต้องปะทะอยู่เสมอ หากโครงสร้างเฟรมไม่สามารถรับน้ำฝนและระบายทิ้งได้ทัน น้ำฝนจะล้นรางและไหลเข้าทำความเสียหายภายในห้องได้ กรอบบานของทอสเท็มออกแบบโปรไฟล์กรอบล่างของบานหน้าต่างและประตูให้สามารถรับน้ำฝนได้และระบายทิ้งผ่านวาล์วระบายน้ำ

Conceal Panel Design กรอบบานหน้าต่างและประตูแบบที่คุ้นชินกันดี คือกรอบบานกับกรอบวงกบแยกกัน แม้กระทั่งเรื่องความสวยงามที่อาจจะทำให้ดีไซน์ดูหนาหนัก ไม่โมเดิร์นเท่าที่ใจคิด สำหรับกรอบบานของทอสเท็มผ่านการออกแบบสำเร็จรูปมาตรฐานเดียวกันทุกชุดจากโรงงาน การประกอบและรอยต่อต่างๆ จึงปิดสนิทแนบแน่นตามต้องการ รวมทั้งดีเทลเล็กน้อยที่ทอสเท็มออกแบบให้ อย่างดีไซน์ซ่อนกรอบบานภายในวงกบ ทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานเรื่องการปิดเปิดทำได้สนิทแนบแน่นสวยงาม

ระบบพรีเอ็นจิเนียร์ของทอสเท็ม ช่วยลดเชื้อเพื่อชาติได้อย่างไรบ้าง

เมื่อพูดถึงกรอบบานประตูหน้าต่างของทอสเท็ม อันดับแรกที่ทุกคนคิดถึงคือเรื่องของคุณภาพมาตรฐานระดับนานาชาติ ทั้งกับตัวสินค้าที่มีความสวยงามสม่ำเสมอทุกชิ้น ไปจนถึงบริการการติดตั้งที่มีระบบเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งหมดนี้นับเป็นการส่งต่อความสุขถึงลูกค้าผู้ใช้งานทอสเท็มทุกคน แม้ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ ระบบพรีเอ็นจิเนียริ่งและระบบการทำงานของทีมงานทอสเท็มก็เป็นหนึ่งในบทบาทของสายการผลิตและติดตั้งที่ช่วยลดเชื้อเพื่อชาติได้เช่นกัน

รู้จักระบบพรีเอ็นจิเนียร์ นิยามของคำว่า “ระบบพรีเอ็นจิเนียร์” ของทอสเท็ม คือผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนา ออกแบบ ผลิต และประกอบเสร็จภายใต้การควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดตลอดกระบวนการโดยทอสเท็ม ตั้งแต่การผลิตแม่พิมพ์และบิลเล็ตอะลูมิเนียม การรีดขึ้นรูป ชุบสี ตัดอะลูมิเนียมเส้น ประกอบ ไปจนถึงการติดตั้งหน้างานโดยช่างผู้ชำนาญการ ทั้งหมดมีระบบเป็นขั้นตอน ส่งผลให้การติดตั้งหน้างานทำได้อย่างง่ายดายด้วยไขควงเพียงหนึ่งอัน

ติดตั้งรวดเร็ว ใช้งานได้ทันใจ เพราะกรอบบานทั้งหมดถูกสั่งผลิตในระบบด้วยมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด จึงช่วยลดปัญหาการทำงานหน้างานไปได้ และเมื่อกรอบบานที่ผ่านการผลิตมาถึงพื้นที่หน้างาน ช่างผู้ชำนาญการของทอสเท็มก็สามารถประกอบหน้าบานเพื่อติดตั้งหน้างานได้ทันที ด้วยระยะเวลาการติดตั้งที่รวดเร็วและเรียบร้อยตามมาตรฐานของทอสเท็ม จึงช่วยลดเวลาการทำงานหน้างาน ตอบสนองนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ลูกค้าก็ได้ใช้งานพื้นที่ของครอบครัวอย่างมีความสุขในเวลาเดียวกัน

ผลิตเสร็จจากโรงงาน เพราะใช้เครื่องจักรมาตรฐานในระบบอุตสาหกรรมในการผลิตกรอบบานด้วยระบบพรีเอ็นจิเนียร์ จึงลดการสัมผัสจากมือผู้ผลิตบนพื้นผิวของกรอบบานได้มากกว่าการผลิตกรอบบานแบบดั้งเดิม และเมื่อผลิตเสร็จก็พร้อมส่งมาประกอบและติดตั้งที่หน้างานได้เลยในเวลาอันสั้น มาตรฐานของระบบที่ผลิตเสร็จตั้งแต่โรงงานเช่นนี้ จึงช่วยลดการแพร่ระบาดผ่านทางการสัมผัส ส่งผลต่อถึงการลดอัตราการขยายตัวของเชื้อได้อีกระดับ

มาตรฐานในทุกดีเทล ด้วยระบบการผลิตแบบพรีเอ็นจิเนียร์ ทำให้ทีมของทอสเท็มสามารถวิจัยและพัฒนารายละเอียดจุดเล็กน้อย เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของทอสเท็มตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานได้ทุกประการ และตอบกับความมุ่งมั่นของทอสเท็มที่ต้องการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าผู้ใช้งานทุกท่าน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่สั่งสมมากว่า 50 ปี ในวงการกรอบบานประตูหน้าต่าง ทำให้กรอบบานที่ได้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด หมดห่วงเมื่อสินค้ามาถึงหน้าบ้าน ก็พร้อมประกอบหน้าบานได้เลยอย่างรวดเร็ว

การระบายอากาศก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็นแม้จะอยู่ในบ้าน กรอบบานประตูหน้าต่างของทอสเท็มถูกออกแบบให้เปิดใช้งานได้อย่างสะดวก ปิดเมื่อไม่ใช้งานได้อย่างแนบแน่นสนิท รวมทั้งการออกแบบประตูหน้าต่างเพื่อการระบายอากาศ ทั้งหมดก็เพื่อสุขภาวะที่ดีของการใช้ชีวิตภายในบ้าน เพื่อให้การอยู่บ้านยาวๆ ในครั้งนี้ ช่วยทั้งคุณและช่วยชาติได้อย่างแท้จริง

เทรนด์สถาปัตยกรรมโลกยุคหลังโควิด-19

การเกิดอุบัติการณ์ครั้งใหญ่แต่ละครั้ง มักเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ทุกคนได้กลับมาหวนคิดถึงความเป็นอยู่แท้จริงที่มนุษย์ต้องการ หลังจากที่เราต่างก็ทุ่มเทใช้เวลานอกบ้าน ทำงานหามรุ่งหามค่ำกันเสียเป็นส่วนมาก

กับยุคโควิด-19 ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่เห็นได้ชัดเจนคือ จากมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมทำให้เราได้กลับมาอยู่บ้านมากขึ้น ให้ความเอาใจใส่กับพื้นที่อยู่อาศัยกันมากยิ่งขึ้น ด้วยการเติมสิ่งที่สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้สีเขียว หรือการจัดสรรพื้นที่ที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากบ้านแต่ละหลังสู่ภาพรวมของชุมชน สถาปนิกและภูมิสถาปนิกเองก็ได้ทบทวนถึงรูปแบบอาคารที่ความต้องการใช้สอยตอบรับกับพฤติกรรมมากยิ่งขึ้น โดยเน้นที่ความปลอดภัย และสุขภาวะสร้างสรรค์เพื่อสุขภาวะ

เพราะไวรัสตัวร้ายเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น การรักษาร่างกายให้แข็งแรงจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะต่อสู้กับโรคร้ายเหล่านี้ให้ได้ คีย์เวิร์ดสำคัญของงานสถาปัตยกรรมในยุคหลังโควิด-19 จึงเป็นเรื่องของการสร้างสุขภาวะที่ดีในทุกพื้นที่ที่เราต้องการใช้งาน ด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์พร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อสร้างการใช้งานพื้นที่ที่ปลอดภัย และเสริมสร้างร่างกายที่แข็งแรง

เครดิตภาพ : Photo by Paige Cody on UnsplashTouchless Technology

ประเด็นสำคัญที่ได้รับการพูดถึงเป็นอันดับต้นๆ หลังจากเกิดปรากฏการณ์โควิด-19 ซึ่งติดต่อจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส นั่นคือการลดการสัมผัสกับสิ่งของรอบตัวให้ได้มากที่สุด เทคโนโลยีอัตโนมัติต่างๆ จึงถูกนำมาใช้งาน จากเดิมอาจจะเพียงใช้งานเพื่อเพิ่มความสะดวก แต่มาถึงปัจจุบัน จุดประสงค์สำคัญของการไม่ต้องแตะต้องพื้นผิวของวัสดุจึงเป็นเรื่องของการป้องกันการติดเชื้อไวรัสแบบไม่รู้ตัว

จากเดิมที่เราคุ้นเคยกับก๊อกน้ำแบบไม่ต้องสัมผัส ประตูเซ็นเซอร์อัตโนมัติ หรือการสั่งการเปิดปิดระบบไฟด้วยสมาร์ทโฟนภายในบ้าน เหล่านี้จะถูกขยายขอบเขตออกสู่การใช้งานให้ครอบคลุมกับการใช้งานวัสดุอุปกรณ์ที่แต่เดิมต้องใช้การสัมผัส โดยเฉพาะกับพื้นที่สาธารณะ ตัวอย่างเช่น ลิฟต์สั่งการด้วยเสียง การใช้เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยในการเปิดปิดอุปกรณ์ หรือการควบคุมการปิดเปิดระบบจากส่วนกลางเพื่อลดการสัมผัสให้ได้มากที่สุด

เครดิตภาพ Photo by Sergey Zolkin on UnsplashSelf-Cleaning Space

วัสดุของอนาคตคือ Self-Cleaning Materials หรือวัสดุที่ทำความสะอาดตัวเองได้ ที่มีการพัฒนานวัตกรรมด้านวัสดุในหัวเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และยิ่งเข้มข้นอีกในยุคที่ทุกคนต้องรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ

มองตั้งแต่ภาพรวมขนาดใหญ่ ยกตัวอย่างห้องน้ำทำความสะอาดตัวเองได้ กำลังมีการพัฒนาห้องน้ำที่ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทันทีหลังการใช้งานทุกครั้ง เพื่อเพิ่มความสะอาดและปลอดภัยโดยเฉพาะกับพื้นที่สาธารณะ อย่างในโรงแรม ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งเพิ่มการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการสัมผัสเชื้อโรค อย่างที่เราเคยต้องสกรีนเครื่องตรวจสอบโลหะก่อนเข้าห้างสรรพสินค้าทุกครั้ง ก็จะมีการเพิ่มเติม Temperature Screening การสกรีนตรวจสอบอุณหภูมิร่างการ หรือการฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตก่อนเข้าสู่พื้นที่ปิดที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก

ลึกลงไปจนถึงภาพรวมของงานวัสดุที่ผู้ผลิตหลายรายต่างก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาดตัวเองได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องทำความสะอาดง่าย เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของความสะอาดให้มากขึ้น ยกตัวอย่างผู้ผลิตผืนผ้าและฟินนิชชิ่งหลายรายกำลังพัฒนาพื้นผิวสัมผัสด้วยการผสมสารเคมีลงในเส้นใยที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย

เครดิตภาพ Photo by Tedward Quinn on UnsplashSmall and Vertical Solutions

เพราะการต้องกลับมาทำงานที่บ้าน ทำให้หลายคนกลับมาดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อมภายในบ้านมากขึ้น หลักการง่ายๆ อย่างการระบายอากาศยังคงใช้งานได้ดีกับที่อยู่อาศัย สำหรับประเทศไทยแล้วนี่คือหลักการเบื้องต้นเพื่อสร้างสุขภาวะให้กับบ้าน ทั้งการเปิดบ้านหน้าต่างให้ลมผ่านอยู่เสมอ การเพิ่มการไหลเวียนอากาศด้วยการใช้โถงแบบดับเบิ้ลสเปซ

แต่สำหรับในต่างประเทศที่มีพื้นที่จำกัด วิกฤตการณ์ครั้งนี้ทำให้นักออกแบบต้องกลับมาให้ความรู้กับผู้คนในเรื่องการระบายอากาศและการสร้างสุขภาวะที่ดีภายในบ้านอีกครั้งหนึ่ง พื้นที่ที่เคยอยู่อย่างแออัด ต้องจัดให้มีทางระบายอากาศ หรือการออกแบบที่เหมาะกับแต่ละภูมิประเทศ เพื่อให้การอยู่บ้านสร้างคุณภาพชีวิต และสุขภาพร่างกายที่ดี ไม่แพ้กับออกไปแฮ็งก์เอ๊าต์นอกบ้านอย่างไลฟ์สไตล์เช่นที่เคยเป็นมา

เครดิตภาพ Photo by on Unsplash

Healthy Working

สิ่งที่วิกฤตการณ์ครั้งนี้กระทบกับหลายภาคส่วนคือรูปแบบการทำงาน งานหลายประเภทสามารถกลับมาทำที่บ้านได้ ดังนั้นการทำงานที่ไหนก็ได้ จะต้องทำงานอย่างมีสุขภาพที่ดีด้วย หลังจากที่ยุคก่อนหน้าทำงานกันหนักมากและจริงจัง หรืองานอีกหลายประเภทที่เอากลับมาทำที่บ้านไม่ได้ ก็ต้องมีการทบทวนการจัดรูปแบบการทำงานที่ทั้งกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็ยังปลอดภัยรักษาระยะห่างได้ดี

พัฒนาพื้นที่ทำงานจากที่เคยเป็นกั้นคอกต่างคนต่างทำงานเป็นสัดเป็นส่วน มาสู่ยุคของการระดมสมองด้วยการเปิด Open Planning และพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลงมือทำงานร่วมกัน มายุคนี้โจทย์จึงอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรให้การระดมสมองครั้งนี้ปลอดภัยด้วย เราจะเห็นได้จากหลายที่เลือกใช้วัสดุใสอย่างอะคริลิก หรือโพลิคาร์บอเนตซึ่งมีความใส เพื่อให้ยังสร้างปฏิสัมพันธ์ไปได้พร้อมกับความปลอดภัย รวมทั้งการที่หลายองค์กรมีการจัดพื้นที่ทำงานให้มีสุขภาวะที่ดี ทั้งในเรื่องการระบายอากาศ การเติมบรรยากาศ และการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างเครื่องมือใหม่ๆ ที่เหมาะกับประเภทของการทำงานที่แตกต่างกัน

แม้การเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมในครั้งนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นแบบยิ่งใหญ่ หากแต่ริเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงทางแนวคิดที่ทุกคนหันมาใส่ใจสถาปัตยกรรมเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีมากขึ้น ด้วยการบูรณาการความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี จากส่วนผสมเล็กน้อยเหล่านี้ จะรวบรวมกลายเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ที่ตอบรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้อย่างแข็งแรง ปลอดภัย และมีความสุข

เครดิตภาพ Photo by Austin Distel on Unsplash