fbpx

Author Archives: GRANTScreativeWe40

รู้จัก “กระจก” มีกี่ประเภท เหมาะกับการใช้งานอะไรบ้าง?

รู้จัก “กระจก” มีกี่ประเภท เหมาะกับการใช้งานอะไรบ้าง?

“กระจก” มีกี่แบบ?

เลือกใช้งานอย่างไรให้เหมาะกับฟังก์ชันและสวยงามลงตัวถึงจะเป็นแค่กระจกใสบางๆ แต่ก็มีเรื่องราวเบื้องหลังมากมาย ที่นอกจากจะบอกเล่านวัตกรรมของกระจกเองแล้ว ยังเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้งานเลือกสรรอย่างเหมาะสมและครอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่คุณสมบัติของกระจก งบประมาณ รูปลักษณ์ และงานดีไซน์ …เราจึงขอพาคุณเข้าไปท่องโลกของ “กระจก” เพื่อครั้งต่อไปจะได้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับอาคารของคุณ  กระจกธรรมดา (Float Glass)

เป็นชื่อเรียกรวมกระจกแบบธรรมดาที่ใช้การหลอมและอบด้วยวิธีปกติสามัญ ซึ่งแบ่งแยกย่อยออกได้อีกตามความที่สายตามองเห็น ได้แก่ กระจกใส กระจกใสพิเศษ และกระจกสี วิธีสังเกตง่ายๆ คือ กระจกใสจะมองเห็นสันเป็นสีอมเขียว และกระจกสีจะมีสันที่สีเข้มกว่าเมื่อมองจากผิวกระจก เพราะสีจากออกไซด์ผสมหลอมในเนื้อกระจกเลย

ฟังก์ชั่นที่เหมาะสม : กระจกผนังอาคาร บานประตู บานหน้าต่าง เนื้อกระจกมองทะลุผ่านได้ชัดเจน ไม่บิดเบี้ยว

จุดด้อย : หากเป็นกระจกใส สามารถรับความร้อนจากแสงภายนอกได้เต็มที่ แต่หากเป็นกระจกสี จะรับความจ้าหรือความร้อนของแสงตามสีของกระจก หากกระจกแตก ชิ้นส่วนแหลมคมทำอันตรายแก่ผู้อยู่ใกล้เคียงได้

(เครดิตภาพ : unsplash)กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass)

จุดเด่นอยู่ที่ความแข็งแรงเพิ่มขึ้นจากกระจกธรรมดา ด้วยกระบวนการอบความร้อนแล้วทำให้ผิวกระจกเย็นลงอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างแรงอัดที่ผิวของกระจกให้แข็งแกร่งขึ้น

ฟังก์ชั่นที่เหมาะสม : กระจกผนังอาคาร โดยเฉพาะกับกระจกบานขนาดใหญ่ กระจกบานเปลือย กระจกอาคารสูง ราวระเบียง หรือพื้นที่เสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย เพราะความแข็งแกร่ง และหากแตกหักจะละเอียดเป็นเม็ดเล็ก เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานมากขึ้น

จุดด้อย : ต้องสั่งขนาดและสเป็กพร้อมผลิตจากโรงงาน เนื้อกระจกมองทะลุผ่านจะบิดเบี้ยวเล็กน้อย

(เครดิตภาพ : unsplash)กระจกสะท้อนรังสีอาทิตย์ (Reflective Glass)

ความแตกต่างอยู่ตรงที่ความแข็งแรงอยู่ที่การเคลือบผิวหน้าด้วยโลหะออกไซด์ ซึ่งส่งผลดีในเรื่องการช่วยลดความจ้าและความร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยสังเกตได้จากอาคารที่ใช้กระจกประเภทนี้จะสะท้อนสิ่งที่อยู่รอบข้างเห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนเหมือนกระจกเงา

ฟังก์ชั่นที่เหมาะสม : ส่วนใหญ่มักใช้เป็นผนังอาคารสำหรับอาคารผนังกระจก บานหน้าต่าง บานประตู โดยสีสันของกระจกจะขึ้นอยู่กับโลหะที่เคลือบบนผิวหน้า

จุดด้อย : จะต้องระวังในขั้นตอนการติดตั้งให้พื้นผิวด้านที่เคลือบโลหะหันเข้าภายในอาคาร และขั้นตอนการก่อสร้างที่ปูนซีเมนต์จะก่อให้เกิดคราบที่ทำให้กระจกเสียหาย

(เครดิตภาพ : unsplash)กระจกสภาพการแผ่รังสีต่ำ (Low-e glass)

เป็นกระจกที่เคลือบด้วยผิวโลหะเช่นเดียวกับกระจกสะท้อน เพียงแต่เปลี่ยนผิวจากโลหะออกไซด์เป็นเงิน เพื่อให้การสะท้อนและถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ภายในอาคารน้อยกว่ากระจกแบบก่อนหน้า

ฟังก์ชั่นที่เหมาะสม : ส่วนใหญ่มักประกบกันสองชั้น ใช้เป็นผนังอาคารสำหรับอาคารผนังกระจก บานหน้าต่าง บานประตู

จุดด้อย : แสงธรรมชาติผ่านได้มาก แต่ความร้อนและความจ้าของแสงต่ำ

(เครดิตภาพ : unsplash)กระจกฉนวนกันความร้อน (Insulated Glass)

จากหลักการลดการถ่ายเทความร้อน จึงนำกระจกสองแผ่นมาประกบกันบนโครงอะลูมิเนียมที่ตรงกลางบรรจุสารดูดความชื้น เพื่อช่วยลดการถ่ายเทความร้อนและเสียงระหว่างพื้นผิวภายนอกอาคารกับภายในอาคาร โดยกระจกทั้งสองแผ่นนี้จะเป็นกระจกธรรมดา หรือเป็นกระจกเทมเปอร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยก็ได้

ฟังก์ชั่นที่เหมาะสม : ใช้เป็นผนังอาคารสำหรับอาคารผนังกระจก บานหน้าต่าง บานประตู โดยเฉพาะกับพื้นที่ใช้งานเครื่องปรับอากาศ เพราะทนทานต่ออุณหภูมิผิวที่ต่างกันมากของพื้นผิวสองด้าน

จุดด้อย : อากาศสามารถรั่วซึมเข้าสู่ตัวกระจกหากยาแนวระหว่างวัสดุเสียหาย ส่งผลต่อการสูญเสียความสามารถในการกันความร้อน

(เครดิตภาพ : unsplash)กระจกนิรภัย (Laminated Glass)

กระจกสองแผ่นถูกประกบกันโดยมีชั้นของแผ่น PVB (Polyvinyl Butyral) คั่นอยู่ตรงกลาง ซึ่งสร้างลวดลายจากสีสันและแพตเทิร์นให้กับกระจก และเมื่อกระจกแตก สะเก็ดของกระจกจะอยู่ติดแน่นกับแผ่น PVB ไม่สร้างอันตรายให้กับผู้ใช้งาน

ฟังก์ชั่นที่เหมาะสม : กระจกที่ติดตั้งบนพื้นที่เสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย อย่างกระจกบานขนาดใหญ่ หรือช่องแสงบนที่สูง รวมทั้งผนังกระจกที่ต้องการการตกแต่งลวดลายตามดีไซน์ที่ต้องการ

จุดด้อย : ไม่เหมาะกับการใช้งานบนพื้นที่ความชื้นสูง หรือพื้นที่ที่อุณหภูมิแตกต่างกันมาก

(เครดิตภาพ : unsplash)กระจกพิมพ์ลายเซรามิก (Ceramic Silkscreen Glass)

วิธีสร้างลวดลายให้กับกระจก นอกเหนือจากตัวกระจกลามิเนต หรือการสร้างลวดลายบนเนื้อกระจกตั้งแต่ขั้นตอนการเซ็ตตัวแล้ว ยังสามารถนำเอาสีเซรามิกมาพิมพ์ลายบนผิวกระจกแล้วนำไปอบจนสีเป็นเนื้อเดียวกันกับกระจก เหมือนกับมีลวดลายและสีสันแนบเนียนไปกับผิวกระจก

ฟังก์ชั่นที่เหมาะสม : กระจกตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร เพราะเคลือบสีเซรามิกเพิ่มเติม ตัวกระจกจึงแข็งแรงขึ้นกว่าปกติ และเหมาะกับงานคัสตอมกระจกให้เป็นลวดลายตามที่ต้องการ รวมทั้งสามารถประกบกันสองชั้นเพื่อทำกระจกฉนวนกันความร้อน หรือกระจกนิรภัย (ลามิเนต) ก็ได้เช่นกัน

(เครดิตภาพ : unsplash)

เทคโนโลยี TexGuard ดีอย่างไรกับกรอบบานทอสเท็ม

เทคโนโลยี TexGuard ดีอย่างไรกับกรอบบานทอสเท็ม

เทคโนโลยี TexGuard ดีอย่างไรกับกรอบบานทอสเท็ม

ขึ้นชื่อว่ากรอบบานประตูหน้าต่างที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ภายในกับบรรยากาศภายนอก ความสวยงามทนทานจึงเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งด้านนอกที่ต้องสู้กับแดดลมฝนและสภาพอากาศที่แปรปรวนตลอดทั้งปี ยิ่งทำให้ทอสเท็มต้องคิดค้นเทคโนโลยีพิเศษ เพื่อตอบโจทย์ท่านผู้อยู่อาศัยทั้งเรื่องความทนทานและความสวยงาม เทคโนโลยี TexGuard จึงเป็นนวัตกรรมเฉพาะที่ทอสเท็มคิดค้นเพื่อเผยความงามที่แท้จริงของวัสดุอะลูมิเนียม เติมความงามให้งานสถาปัตยกรรม และเสริมความทนทานแม้จะต้องผ่านแดดลมฝนกี่ปีก็ตามเทคโนโลยี TexGuard ลิขสิทธิ์เฉพาะของทอสเท็ม

TexGuard คือนวัตกรรมการเคลือบชั้นผิวของอะลูมิเนียมที่ช่วยปกป้องผิว เผยความเงางามให้สวยคงทนอยู่เสมอ คิดค้นและทดสอบโดยทอสเท็มจนได้เป็นนวัตกรรมการเคลือบผิวที่ดีที่สุด จากเดิมที่พื้นผิวกรอบบานประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมผ่านการทำสีด้วยการชุบอะโนไดซ์ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องความทนทาน ด้วยนวัตกรรม TexGuard จะยิ่งเสริมความงดงามและคุณประโยชน์อีกหลายประการ  TexGuard ปกป้องสีสันและพื้นผิวของกรอบบาน

นวัตกรรม TexGuard ที่เคลือบทับการทำสีชุบอะโนไดซ์ของกรอบบานประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมทอสเท็ม ทำหน้าที่ป้องกันสีซีดจาง และช่วยปกป้องพื้นผิวของอะลูมิเนียมจากสภาวะแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่ได้รับการทดสอบแล้วในประเทศไทย จึงคงความเงางามของสีไว้ได้นานหลายทศวรรษ  TexGuard เสริมความแข็งแรงให้กรอบบาน

นอกจากประโยชน์ในเรื่องความสวยงามของพื้นผิวแล้ว เทคโนโลยี TexGuard ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้พื้นผิวอะลูมิเนียม คงทนยาวนานไร้กังวล  TexGuard ทำให้การดูแลรักษากรอบบานเป็นเรื่องง่าย

จุดเด่นของกรอบบานอะลูมิเนียมทอสเท็มคือการดูแลรักษาที่ทำได้ง่าย การผลิตและปิดทับผิวด้วยเทคโนโลยี TexGuard จะยิ่งเพิ่มคุณสมบัติในการลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก การทำความสะอาดพื้นผิวก็ทำได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม เสริมให้บ้านสวยสดใสอยู่เสมอ

รวมแบบบานเลื่อนดีไซน์เก๋ เพิ่มลูกเล่นให้บ้าน ใช้งานได้ดี

รวมแบบบานเลื่อนดีไซน์เก๋ เพิ่มลูกเล่นให้บ้าน ใช้งานได้ดี

จากภาพจำเดิม ๆ ของกรอบกระจกบานเลื่อนที่เป็นแค่หน้าบานกระจกเลื่อนซ้อนกัน มาสู่งานดีไซน์กรอบบานเลื่อนรูปแบบต่าง ๆ ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มงานสถาปัตยกรรมให้สมบูรณ์ขึ้นอีก เพราะหัวใจของความงาม อยู่ที่รายละเอียดในทุกส่วน และความคิดสร้างสรรค์ คือ ผู้ช่วยเปิดงานดีไซน์ในฝัน สู่อาคารที่ถูกใจในโลกแห่งความเป็นจริงบานเลื่อนแคบ แบบฟิกซ์กรอบกลาง

ในทางดีไซน์ เส้นสายของกรอบบานที่ขนานไปกับตัวบ้านเช่นนี้ ช่วยเติมดีไซน์ให้ผนังผืนใหญ่ไม่แข็งจนเกินไป รวมทั้งสีเข้มตัดกับผืนผนังสีอ่อน เป็นจุดดึงดูดสายตาที่ช่วยขับเน้นให้ผนังส่วนนี้ดูโดดเด่น เป็นอีกส่วนหนึ่งของงานตกแต่ง ในขณะเดียวกันในทางฟังก์ชัน กรอบบานหน้าต่างแม้จะแคบ แต่ก็ตอบฟังก์ชันในพื้นที่ส่วนที่ต้องการรักษาความเป็นส่วนตัว หรือเปิดใช้งานไม่บ่อย ตัวอย่างเช่นการระบายอากาศ หรือเปิดรับลมบ้างเป็นครั้งคราว แต่ยังคงต้องการเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับบรรยากาศดี ๆ ภายนอก  บานเลื่อน 3 บาน

หลายคนอาจติดภาพว่า บานเลื่อนจะเป็นแบบบานคู่เท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วกรอบบานเลื่อนสามารถทำแบบ 3 บานได้ด้วย ซึ่งบานเปิดแบบนี้สามารถรวบเก็บหน้าบานไว้ข้างเดียวได้เลย ช่วยให้เปิดส่วนหน้าบานได้ถึงสองในสามของช่องเปิด กว้างกว่าบานแบบคู่เดียวที่เปิดออกได้เพียงครึ่งเดียว บานเลื่อนแบบ 3 บานของทอสเท็ม พบได้ในรุ่น WE Plus ซึ่งเป็นบานเลื่อน 3 บาน 3 ราง และรุ่น P7 ซึ่งเป็นบานเลื่อน 3 บาน 2 ราง  บานเลื่อนออกจากมุม

เปิดสู่บรรยากาศภายนอกในมุมมองที่แตกต่าง ด้วยการติดตั้งกรอบบานเลื่อนแบบเปิดออกจากมุมของอาคาร จากเดิมที่เคยเป็นเพียงผนังมุมอับ ก็กลายเป็นมุมมองแบบ 270 องศา เปิดความโปร่งโล่งสบายแบบเต็มรูปแบบ ลบเหลี่ยมมุมของบ้านที่ชินตา กลายเป็นกิมมิกเก๋ ๆ ให้กับสถาปัตยกรรมอีกด้วย

เครดิตภาพ Yo-Ju Courtyard House

ออกแบบ: Wittman Estes

ถ่ายภาพ: Andrew Pogueบานเลื่อนออกจากมุมกระจก

ทางเลือกของบานเลื่อนออกจากมุมอีกแบบ นั่นคือการใช้กระจกเข้ามุมแบบบานฟิกซ์โอบล้อมแนวเสาเผยให้เสากลมเป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบ แล้วใช้บานเลื่อนแบบโอเวอร์ไซส์ที่สั่งทำพิเศษ เพื่อเปิดบรรยากาศออกได้เต็มตาตลอดทั้งแนวผืนผนัง ซึ่งบานเลื่อนนี้ สามารถเลือกเป็นแบบบานเลื่อนบานเดี่ยว หรือจะเป็นบานเลื่อนชนิดหลายบานก็ได้เพื่อเปิดบรรยากาศให้กว้างขวางกว่าที่เคย  หลายบานเลื่อนในกรอบเดียว

จากเดิมที่กรอบช่องเปิดหนึ่งกรอบเท่ากับบานเลื่อนหนึ่งบาน ลองปรับเปลี่ยนมาเป็นบานเลื่อนที่แคบลง แต่มีหน้าที่ที่หลากหลายขึ้น กรอบประตูบานเลื่อนเต็มบานสำหรับเปิดออกไปเพื่อการดูแลรักษานอกบ้าน กรอบหน้าต่างบานเลื่อนสำหรับเปิดรับลมในวันอากาศดี ร่วมกับกรอบบานฟิกซ์ที่สร้างสเปซให้โปร่งโล่งขึ้น นอกจากฟังก์ชันที่มากมายตอบทุกความต้องการ เส้นตั้งของกรอบบานยังช่วยให้สเปซดูโอ่โถงกว้างขวางขึ้นอีก  หน้าต่างบานเลื่อนกับมุมอ่านหนังสือ

จากผนังเดิมที่ว่างเปล่า ถูกปรับเปลี่ยนเติมฟังก์ชันด้วยม้านั่งแบบบิลท์อินติดกับผนัง เติมแสงสว่างให้กับมุมนั่งอ่านหนังสือด้วยหน้าต่างบานเลื่อนสูงจากขอบที่นั่งจรดฝ้าเพดาน แสงสว่างที่เข้าถึงได้เต็มที่ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้ถูกสุขลักษณะ และพื้นที่เล็ก ๆ ยิ่งดูกว้างขวางขึ้นอีก อีกด้านหนึ่งกับบานเลื่อนแบบเต็มผืนผนัง ติดตั้งราวกันตกภายนอก ก็สร้างงานดีไซน์ของงานสถาปัตยกรรมไปพร้อมกับความปลอดภัยได้ในเวลาเดียวกัน  หน้าต่างบานเลื่อนกับผนังกระจก

จากเดิมที่หน้าต่างทำหน้าที่เป็นเพียงช่องเปิด เปลี่ยนผืนผนังนี้ให้เป็นหน้าต่างสำหรับรับแสงบานยักษ์ ด้วยการใช้หน้าต่างแบบบานเลื่อนสูงจรดฝ้าเพดาน ส่วนผนังด้านล่างเดิมที่เคยเป็นบานทึบ เปลี่ยนเป็นบานฟิกซ์กระจก ผนังทั้งผืนจึงสามารถรับแสงสว่างได้เต็มที่ กระจกเต็มผืนแบบนี้เหมาะกับผนังทางทิศเหนือ เพราะสามารถรับแสงได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่ได้รับรังสีความร้อนโดยตรง  ผนังบานเลื่อนแบบกว้างพิเศษ จากเดิมที่เรามักชินตากับกรอบประตูบานเลื่อนแบบขนาดมาตรฐาน ลองเปลี่ยนหน้ากว้างมาเป็นขนาดใหญ่พิเศษ เพิ่มมุมมองการมองเห็นที่โปร่งโล่งมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้บานเลื่อนแบบเปิดออกจากตรงกลาง จะเลือกเปิดเพียงบานเดียวก็ได้ หรือจะเปิดออกทั้งสองบาน ก็สามารถเชื่อมสเปซภายนอกและภายในได้อย่างสมบูรณ์ ไร้กรอบกีดขวาง

เครดิตภาพ Rühlstrasse House

ออกแบบ: Alex Lehnerer Architekten

ถ่ายภาพ: Tobias Wootton

จับคู่สีกรอบบาน กับสไตล์การแต่งที่ถูกใจ

จับคู่สีกรอบบาน กับสไตล์การแต่งที่ถูกใจ

สำหรับในเรื่องความงามของสถาปัตยกรรม กรอบบานประตูหน้าต่างเป็นเหมือนกับเส้นสายที่ช่วยขับเน้นสไตล์การแต่งบ้านให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น การเลือกจับคู่สีระหว่างกรอบบานและสไตล์การตกแต่งของตัวบ้านจึงเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยให้การตกแต่งได้โชว์ตัวตนให้เด่นชัดมากขึ้นกว่าที่เคย ครั้งนี้ เราจึงมีเคล็ดลับการจับคู่สีบานแบบง่ายๆ แต่สวยมากมาฝาก เผื่อการเปลี่ยนกรอบบานประตูหน้าต่างครั้งต่อไปจะช่วยทำให้บ้านของคุณสวยถูกใจตรงสไตล์ที่ต้องการ  Modern House

บ้านแบบโมเดิร์นยังคงเป็นที่นิยมตลอดกาลสำหรับชาวไทย นั่นก็เพราะความเรียบง่ายแต่ยังดูเท่ เข้ากับการตกแต่งภายในได้หลายรูปแบบ สำหรับบ้านแบบโมเดิร์นสีเท่ไม่ว่าจะเป็นผนังสีขาวหรือสีเทา กรอบบานสีดำยังคงตอบโจทย์ในการขับเน้นเรื่องเส้นสายเฉียบคมของตัวบ้านให้ชัดเจน หรืออาจจะใช้สี natural silver เพื่อเติมเส้นสายในแบบโมเดิร์นแบบที่สอดคล้องไปกับสีขาวโดยรวม  Modern Contemporary House

สำหรับบ้านโมเดิร์นที่ยังคงกลิ่นอายแบบร่วมสมัย สามารถเลือกใช้กรอบบานประตูหน้าต่างสีอ่อนลงมาอีกนิดอย่างสี Autumn Brown ซึ่งช่วยเน้นให้บ้านดูอบอุ่นยิ่งขึ้น เข้ากับการตกแต่งที่มักใช้ร่วมกับไม้สีเข้ม ช่วยสะท้อนความอบอุ่นของตัวบ้านตั้งแต่ภายนอกเข้าไปจนถึงการตกแต่งภายใน  Minimal House บ้านอีกลุคหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในยุคนี้คือบ้านแบบมินิมัล ที่จุดเด่นอยู่ที่ความเรียบง่าย การใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน และการจัดวางเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นเท่าที่จำเป็น กรอบบานที่แนะนำกับผนังสีขาวจึงเป็นสีอ่อนแบบ Shine Grey, Ivory White หรือ Natural White ที่ไม่ทำให้เส้นสายของบ้านดูโดดเด่นเกินไป กลมกลืนกับงานตกแต่งภายในโดยรวม แต่ยังคงสร้างความเชื่อมต่อระหว่างภายในบ้านและสิ่งแวดล้อมนอกบ้านได้อย่างสบายตา  Loft House

บ้านสไตล์เท่ที่เน้นการโชว์พื้นผิวของวัสดุ อย่างแนวอิฐหรือไม้จริง ซึ่งความเข้มเท่เป็นไอเดียหลักสำหรับการตกแต่งห้อง การเลือกสีกรอบบานจึงควรเน้นสีโทนเข้มอย่างสีน้ำตาล Autumn Brown หรืออาจจะไปสุดได้จนถึงสีดำ Natural Black ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโทนสีโดยรวมของห้อง หากห้องมีการเล่นกับไม้สีเข้มและผนังอิฐสีขาวเช่นในรูป การเลือกใช้กรอบบานสีน้ำตาลจะช่วยให้พื้นที่โดยรวมดูกลมกลืนกว่า แต่หากพื้นผิวผนังเป็นปูสีเทาร่วมกับงานเหล็กสีดำ ควรเลือกใช้กรอบบานสีดำที่ช่วยเน้นเส้นสายให้ดูคมมากขึ้น  Vintage House

เพิ่มลูกเล่นให้กับบ้านแนววินเทจสายหวาน ด้วยการใช้กรอบบานประตูหน้าต่างสีเข้มอย่างสีดำ แล้วเล่นกับเส้นสายแบ่งกรอบบานที่มาเติมแต่งเส้นเล็กๆ เพราะเส้นสีเข้มจะช่วยขับเน้นความอ่อนช้อยของคาแร็กเตอร์ของวินเทจออกมาได้โดดเด่นขึ้น และเป็นเส้นสายของกรอบบานที่เชื่อมกับเส้นสายของเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นเรื่องราวเดียวกัน

อัปเดต Instagrammer สายอาร์ต กดฟอลเพื่อเสิร์ฟไอเดียสดใหม่ในมือคุณ

อัปเดต Instagrammer สายอาร์ต กดฟอลเพื่อเสิร์ฟไอเดียสดใหม่ในมือคุณ

จะว่าไป อินสตาแกรมก็เหมือนกับแกลเลอรี่ที่มีอยู่ในมือของทุกคน เวลาคิดงานไม่ออก อยากได้ไอเดียใหม่ หรือว่าแค่เหงา ก็กดเข้าไปเช็คหน้านิวส์ฟีด แต่น่าจะดีกว่าถ้าการไถฟีดคราวนี้จะได้แรงบันดาลใจกลับไปด้วย เราจึงขอนำเสนอ 10 อินสตาแกรมเมอร์ที่ขยันเสิร์ฟไอเดียแต่งบ้านให้คุณได้เสพอาหารตาและเติมอาหารสมอง เพราะทุกวันสามารถเติมความคิดสร้างสรรค์ได้ทุกเวลา@bradytolbert

สไตลิสต์หนุ่มจากแอลเอ ผู้เป็นเจ้าของผลงานจัดสไตล์มากมายให้กับหน้านิตยสารตกแต่งชั้นนำระดับโลกอย่าง Elle Décor, House Beautiful และ Better Homes and Gardens ภาพของเขาโชว์ความสัมพันธ์ระหว่างพื้นผิวสีขาว กับการตกแต่งหลากหลายสไตล์ ที่ทำให้การตกแต่งบ้านสีขาวไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป ด้วยเหตุผลที่ว่า ดีไซน์คือสิ่งที่ผลักดันเขาให้เข้าไปสู่ขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์  @normarchitects

สำหรับคนชอบงานสถาปัตยกรรมและงานอินทีเรียร์เรียบนิ่งแบบมินิมัล Norm Architects ดีไซน์สตูดิโอในโคเปนเฮเก้นมาพร้อมกับงานออกแบบที่ดึงเอาความงามของวัสดุ นำมาจัดองค์ประกอบร่วมกันได้อย่างลงตัว ร่วมกับมุมมองการถ่ายภาพที่ช่วยให้วัสดุทุกชิ้นได้แสดงคาแร็กเตอร์ของตัวเอง นั่นยิ่งทำให้ภาพถ่ายมินิมัลของที่นี่ถูกใจทุกคนได้ไม่ยาก  @jjeong.0125

ถ้าคิดถึงการแต่งบ้านด้วยของกระจุกกระจิกแล้ว ถือว่าเทรนด์การแต่งบ้านแบบเกาหลีกำลังมาแรงในบ้านเรา ด้วยการจัดองค์ประกอบของชิ้นเล็กชิ้นน้อยในบ้านเป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์ในภาพรวม และไอเดียของ Jjeong ก็หยิบเอาการแต่งบ้านแบบเกาหลีมาถ่ายทอดให้พวกเราเห็นได้อย่างน่าสนใจ ทั้งในมุมมองของงานตกแต่ง และไลฟ์สไตล์ที่มีดีไซน์ในทุกมิติของการใช้ชีวิต  @dabito

บล็อกเกอร์ ช่างภาพ และศิลปินหนุ่ม ที่การันตีเสน่ห์และสไตล์จากรางวัลบล็อกเกอร์ด้านการตกแต่งยอดเยี่ยมโดยแม็กกาซีนหัวใหญ่ระดับโลกอย่าง Better Homes and Gardens ในปี 2015 จุดเด่นของเขาคือการเลือกเก็บภาพการมิกซ์แอนด์แมทช์ความแตกต่างหลากหลายได้อย่างลงตัว – สีสันและลวดลาย ของวินเทจกับของโมเดิร์น ไปจนถึงงาน DIY งานถ่ายภาพของเขานอกจากในไอจีแล้ว ยังได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสารแต่งบ้านชั้นนำมากมาย  @justinablakeneyhome

แอ็คเคาน์สำหรับอินสไปร์งานแต่งบ้านโดยเฉพาะของ Justina Blakeney บล็อกเกอร์สาวที่คลั่งไคล้การปลูกต้นไม้ในทุกห้องของบ้าน เราจึงมักเห็นต้นไม้ ลวดลายของใบไม้ หรือแม้กระทั่งสีเขียว ในทุกภาพและแปลเป็นข้าวของสำหรับการตกแต่ง ด้วยความเชื่อที่ว่าพืชพรรณ และความเป็นธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ดีภายในบ้าน  @em_Henderson

สไตลิสต์ คุณแม่ลูกสอง และนักเขียนเจ้าของหนังสือ STYLED ว่าด้วยเรื่องของสไตล์และการแต่งบ้านที่ได้รับรางวัลขายดีจาก New York Times ทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายในนิวส์ฟีดในความรู้สึกโฮมมี่ อบอุ่น ด้วยสีสันข้าวของแสนเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยดีไซน์ในทุกรายละเอียดและการจัดวาง  @amberinteriors

อินทีเรียร์ดีไซเนอร์และบล็อกเกอร์สาวที่ต้องการให้งานของเธอเป็นเหมือนภาพประทับตรึงใจและแรงบันดาลใจหลังจากที่คุณได้สัมผัสในสถานที่แห่งนั้น ไม่ว่าจะด้วยตัวเอง หรือผ่านภาพถ่ายในแกลเลอรี่ไอจีส่วนตัวของเธอก็ตาม การทำงานตกแต่งของเธอเป็นการผสมผสานสไตล์ที่ละเอียดลออเข้ากับภาพรวมของธุรกิจ เพราะธุรกิจดีไซน์ที่ดีสามารถสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ให้กับผู้ใช้งาน  @westelm

แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นจากสหรัฐอเมริกาที่โดดเด่นเรื่องการคัดสรรข้าวของชิ้นสวยจากผู้ผลิต ช่างหัตถกรรม รวมทั้งโปรเจ็คต์มากมายที่คอลแล็บกับศิลปินระดับโลก ทั้งหมดถูกนำมาจับคู่มิกซ์แอนด์แมทช์ ตั้งแต่ข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนถึงงานดีไซน์ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างดี  และตอนนี้โปรเจ็คต์ล่าสุดของ West Elm คือโรงแรมที่พร้อมมอบประสบการณ์งานตกแต่งในแบบ West Elm ให้คุณเลือกเข้าพักถึง 5 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา

ประตูบ้าน GIESTA กับรูปแบบการเปิดที่หลากหลาย

ประตูบ้าน GIESTA กับรูปแบบการเปิดที่หลากหลาย

อีกส่วนสำคัญที่บอกความเป็นบ้านของคุณได้ดีที่สุดอีกส่วนนั่นก็คือประตูหน้าบ้าน เพราะเป็นเหมือนการเปิดต้อนรับสมาชิกครอบครัวกลับบ้าน พร้อมกับเปิดต้อนรับผู้มาเยือน และยังเป็นอีกองค์ประกอบที่ช่วยเน้นให้งานดีไซน์ตัวบ้านแสดงความเป็นตัวเองได้ดีที่สุด เช่นเดียวกันกับบานประตูบ้านของ GIESTA ที่มีรูปแบบของหน้าบาน มือจับ การล็อก รวมทั้งเรื่องสำคัญอย่างวิธีการเปิดหน้าบานประตูที่มีให้เลือกได้หลากหลายตามความต้องการ โดยยังคงคุณสมบัติระบบล็อกนิรภัยที่แน่นหนา พร้อมกับการใช้งานได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับสมาชิกทุกวัยในครอบครัว  บานเปิดเข้า : บานเปิดออก รูปแบบการเปิดประตูหน้าบ้าน GIESTA สามารถเลือกได้ตามความต้องการในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเปิดออกด้านนอก หรือ การเปิดเข้าในบ้าน สำหรับรูปแบบการเปิดเข้าในบ้านยังสามารถเลือกใช้วงกบแบบไม่มีธรณี หรือแบบมีธรณีเพื่อยกระดับการป้องกันฝุ่นและเสียงรบกวน  บานเปิดแบบเดี่ยว

ถัดจากเรื่องรูปแบบของการเปิดหน้าบานประตู ต่อมาก็เป็นเรื่องของจำนวนหน้าบานที่ต้องการ ซึ่งจะมีผลต่อเรื่องขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถติดตั้งได้ สำหรับบานประตูหน้าบ้าน GIESTA แบบบานเปิดแบบเดี่ยว โดยทำความกว้างบานได้มากสุด 1 เมตร (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านอี-แคตตาล็อก) ส่วนรูปแบบหน้าบานสามารถเลือกสไตล์ได้จากแคตตาล็อกของทอสเท็ม ที่มีให้เลือกได้ว่าจะเป็นแบบโมเดิร์น มินิมัล หรือบานกรุกระจก  บานเปิดแบบเดี่ยวกับบานเสริมด้านข้าง

ลูกเล่นของประตูบ้านบานเปิดเดี่ยว GIESTA อีกอย่าง คือการติดตั้งบานเสริมด้านข้าง ซึ่งก็เลือกได้อีกว่าจะเป็นหน้าบานแบบทึบพื้นผิวแบบเดียวกับหน้าบานประตูบ้าน หรือจะเป็นบานกรุกระจก เพื่อเพิ่มการรับแสงสว่างเข้าภายในห้อง  บานเปิดแบบคู่

ประตูหน้าบ้านอีกรูปแบบที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง นั่นคือบานเปิดแบบคู่ เพราะสามารถเปิดออกได้อย่างกว้างขวางที่สุดสมกับเป็นประตูบานหลักของบ้าน ซึ่งบานเปิดแบบคู่ GIESTA สามารถเลือกหน้าตาและสไตล์ของหน้าบานได้เช่นเดียวกับแบบบานเดี่ยว