fbpx
Derposh Grand Sriracha
นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

คุณรู้มั้ยว่าความงามของสถาปัตยกรรมมีผลต่อความรู้สึกแค่ไหน และบ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง ในสมัยก่อนบ้านที่มี เสาโรมัน คิ้วบัว ซุ้มประตู เราจะรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของบ้านมีฐานะ แต่จำเป็นหรือไม่ที่เราจะแสดงออกถึงความมั่งคั่งในงานสถาปัตยกรรมผ่าน Element เหล่านั้น Derposh Grand Sriracha หมู่บ้านในศรีราชากลับใช้องค์ประกอบในโครงการแสดงถึงความ Luxury ได้อย่างเรียบง่าย

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

ความหรูหราที่เรียบง่าย

ความแพงที่ไม่ได้ตะโกนออกมา แต่กับซ่อนไว้ในงานดีไซน์ วัตถุ และ สิ่งของ ที่โครงการเลือกใช้ในหมู่บ้าน ตั้งแต่โลเคชั่นของหมู่บ้านที่ตั้งกลางทำเลเศรษฐกิจใจกลางศรีราชา ห่างจาก J park แค่ 1.6 กิโลเมตร และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ส่วนทางเข้าหมู่บ้านที่เว้นพื้นที่ไว้สำหรับสวนขนาดใหญ่ทำให้ เปิดมุมมองของคนที่ขับรถผ่านไปมาได้กว้างมากขึ้นจนกลายเป็นที่สังเกตเห็นป้ายโครงการขนาดใหญ่ ตัวหนังสือสีทองบนผนังหินสีเทาเข้ม ยิ่งยกระดับให้โครงการมากขึ้น เมื่อเข้ามาตัวโครงการเราจะเห็นต้นโอลีฟขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่หน้าหมู่บ้าน เพิ่มความหรูหราให้กับโครงการเข้าไปอีก

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

เว้นระยะห่างสำหรับพื้นที่ส่วนตัว

ภายนอกบ้านเราจะเห็นการดีไซน์แบบ British Japanese เพราะต้องการผสมผสานความมินิมอลและความหรูหราเข้าด้วยกัน เช่น การใช้วัสดุลายไม้สีอ่อนมาตกแต่งภายนอกที่ทำดูอบอุ่น และ ทำเป็นระแนงในบางจุดเพื่อทำให้เส้นตั้งโดดเด่นขึ้นมาจากตัวบ้าน รวมเข้ากับกระเบื้องลายหินสีเทาเข้มสไตล์อังกฤษที่ทำให้บ้านดูมีเสน่ห์แบบเรียบง่าย

บ้านที่เราได้มีโอกาสเข้าไปชมคือ 𝐏𝐫𝐞𝐬𝐭𝐢𝐠𝐞 𝐓𝐲𝐩𝐞 บ้านที่รองรับครอบครัวขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่ 260 ตารางเมตร บนที่ดิน 65 ตารางวา

ก่อนเข้าถึงตัวบ้านจะมีพื้นที่สำหรับเก็บของไว้ที่หลังโรงจอดรถ สำหรับเก็บของใช้ภายนอกบ้าน เช่น อุปกรณ์ทำสวน อุปกรณ์กีฬา ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเก็บในตัวบ้าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถือว่าสะดวกต่อการใช้งานมากเพราะเมื่อต้องการใช้ก็หยิบจับได้เลย ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในบ้าน สำหรับพื้นที่รอบ ๆ บ้านก็สำคัญมากในการตัดสินใจของผู้ซื้อ เพราะการมีพื้นที่ว่างรอบบ้านนั้นทำให้เกิดความรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด ซึ่งเป็นข้อดีของการสร้างบ้านเดี่ยว

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

โครงการของ Derposh Grand Sriracha “คอนเซปโครงการ คือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ลูกบ้านทุกหลัง โครงการเรามีแต่บ้านเดี่ยวทั้งโครงการ ไม่มีบ้านแฝด ไม่มีทาวน์โฮม จึงทำให้ลูกบ้านทุกหลังมีพื้นที่สีเขียวรอบบ้าน และมีความเป็นส่วนตัว หลังคาและกำแพงไม่ติดกัน ลมถ่ายเทสะดวกค่ะ”

คุณแนน บุญยนุช ศรขจร เจ้าของโครงการได้กล่าวถึงแนวคิดที่ทำ Derposh Grand Sriracha เป็นหมู่บ้านเดียวในศรีราชาที่ทำเป็นบ้านเดี่ยวทั้งโครงการ

บริเวณรอบ ๆ บ้านมีสวนที่โครงการจัดเตรียมไว้เป็นพื้นที่พักผ่อนให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่สวนเป็นของตัวเอง ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทำกิจกรรมภายนอกบ้านกับคนในบ้าน หรือ เล่นกับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้แล้วการเว้นระยะห่างระหว่างเพื่อนบ้านก็ทำให้คนในบ้านได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วย 

ยินดีต้อนรับสู่พื้นที่ของคนสำคัญ

ชั้นหนึ่งของบ้านจะเป็นพื้นที่ต้อนรับแขกสู่ตัวบ้าน เริ่มตั้งแต่พื้นที่แรกที่เข้ามาในตัวบ้านคือ Living room ที่เชื่อมต่อกับ Dining area ซึ่งเมื่ออยู่ในสถานที่จริงเรารู้สึกถึงความใส่ใจของดีไซเนอร์ในรายละเอียดของตัวบ้านเป็นอย่างมาก ความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3 เมตร คนที่เข้าไปในตัวบ้านจึงรู้สึกถึงความโล่งสบาย ไม่อึดอัด เว้นความสูงให้ลูกบ้านใส่ Chandelier เพิ่มความหรูหราให้กับตัวบ้านตามสไตล์ตัวเองได้อีกด้วย และเพื่อความเป็นส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ดีไซเนอร์ออกแบบให้ห้องนอนสำหรับแขกอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ก็ให้ความสำคัญกับแขกไม่ต่างจากสมาชิกในครอบครัวเพราะเขาถือว่าคนที่เข้ามาอาศัยในบ้านนี้ทุกคนคือคนสำคัญ ดีไซเนอร์จึงวางห้องนอนแขกไว้ติดพื้นที่สีเขียว ให้คนที่เข้ามาพักได้รับชมวิวจากสวนส่วนตัวในบ้าน บ้านหลังนี้แยกพื้นที่ครัวอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้เวลาประกอบอาหารส่งกลิ่นรบกวนคนที่ใช้งานส่วนอื่นของบ้าน และพื้นที่ข้าง ๆ บันไดก่อนขึ้นไปชั้นสอง ได้ออกแบบให้มีพื้นที่เก็บของขนาดย่อม สำหรับเก็บของภายในบ้านด้วย

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

พื้นที่ส่วนตัวของสมาชิกในบ้าน

ระหว่างที่เดินขึ้นชั้นสองของบ้าน เราจะเห็นความอลังการภายในบ้านจาก Double Volume บริเวณโถงบันไดของบ้านที่มี Chandelier ห้อยลงมา และการมีช่องเปิดที่สูงตั้งแต่ชานพักไปถึงสุดฝ้าของชั้นสอง ยิ่งทำให้บ้านดูโปร่งมากขึ้น ทั้งยังเป็นการนำแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้าน ทำให้บริเวณนี้ แทบจะไม่ต้องเปิดไฟให้ความสว่างเพิ่มเติมเลย ยกเว้นแค่ตอนกลางคืน ชั้นสองจะเป็นเหมือน Private zone ของคนในบ้าน ศูนย์กลางของชั้นสองจะเป็น Living room ที่สามารถมองเห็นวิวหน้าบ้านได้จากด้านบน ชั้นสองของบ้านจะรวมห้องนอนของคนในบ้านไว้ทั้งหมด 3 ห้องที่ตกแต่งสไตล์ British โดยทุกห้องนอนจะมีห้องน้ำและ Walk in closet ภายในตัว เพื่อความสะดวกสบายของคนในบ้านและความเป็นส่วนตัวของสมาชิกในบ้าน สำหรับ Master bedroom มีบริเวณระเบียงรองรับการพักผ่อน และเพิ่มการมองเห็นพื้นที่สีเขียวบริเวณบ้านได้เช่นกัน สำหรับห้องน้ำของ Master bedroom จะมีพื้นที่สำหรับอ่างอาบน้ำ Stand alone รองรับความผ่อนคลายให้สมาชิกในบ้านได้แช่น้ำสบาย ๆ นอกจากนี้ชั้นสองยังมีห้องอเนกประสงค์สำหรับคนในบ้านได้ใช้เป็นพื้นที่ทำงานอดิเรกอีกด้วย ราวกับว่าชั้นสองนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับคนในบ้านเท่านั้น

แสดงความใส่ใจด้วยรายละเอียด

สำหรับความหรูหราที่ไม่มีเสียงของบ้านหลังนี้ที่เราอดที่จะกล่าวถึงไม่ได้คือระบบ วัสดุ อุปกรณ์ ในบ้านหลังนี้ เพราะโครงการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบายในบ้าน จึงติดตั้งระบบ Smart Home ทั้ง Digital Door Lock ระบบกล้องวงจรปิด และระบบหมุนเวียนอากาศและฟอกอากาศภายในบ้านที่ทำให้บ้านเย็นขึ้นแม้ไม่เปิดแอร์ การแจ้งเตือนเมื่อเปิดปิดประตูและเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงเครื่องปรับอากาศในบ้าน โดยทั้งหมดนี้เจ้าของบ้านสามารถสั่งการได้จาก Smartphone เเค่เครื่องเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังให้ความใส่ใจเรื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน ที่ต้องมีมาตรฐาน แข็งแรง คงทน แต่ขณะเดียวกันรูปลักษณ์ต้องดูสวยงามไม่ตกยุค

“ โดยส่วนตัวแล้วการเลือกวัสดุทุกชิ้นในการทำบ้านหนึ่งหลังล้วนแต่สำคัญทั้งสิ้นค่ะ โดยเฉพาะประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม หลักๆ จะมีอยู่ 3 ปัจจัยค่ะ คุณภาพ ดีไซน์ และการใช้งาน ” คุณแนน บุญยนุช ศรขจร เจ้าของโครงการพูดถึงเกณฑ์ในการเลือกวัสดุมาใช้ในโครงการ

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

Derposh Grand Sriracha มองว่าการใช้อะลูมิเนียมตัดประกอบแม้ต้นทุนจะต่ำแต่มีปัญหาการใช้งานหลายอย่าง ทางโครงการจึงเลือกใช้ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่มีมาตรฐานการผลิต ขึ้นรูปและประกอบมาจากโรงงาน เพื่อลดปัญหาการรั่วซึมของน้ำเวลาฝนตก และลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในขั้นตอนของการติดตั้งหน้างาน แสดงให้เห็นว่าโครงการลงทุนเพื่อให้ลูกบ้านไม่ต้องเจอปัญหาจากการใช้งานประตู หน้าต่าง สำหรับอุปกรณ์ล็อกก็ใช้เป็นเดือยล็อกที่แข็งแรง คงทน ง่ายต่อการเปิด-ปิด เวลาใช้งาน และเมื่อบานประตูหน้าต่างปิดสนิท จะเป็นการลดเสียงต่าง ๆ จากภายนอกบ้าน ลูกบ้านจึงรู้สึกถึงการแบ่งพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ส่วนตัวอย่างชัดเจน

ที่สำคัญคือเรื่องดีไซน์ที่ตอบโจทย์กับบ้านแนว British Japanese ด้วยรูปแบบ Slim version ที่ทำให้บ้านดูมินิมอล ไม่รบกวนทัศนียภาพการมองเห็นของคนภายในบ้าน การที่บานกรอบประตูหน้าต่างมีลักษณะบาง จะทำให้บ้านดูหรูหรามากขึ้น และสี DUSK GRAY ที่เข้ากับกระเบื้องลายหินสีเทาเข้มของตัวบ้าน ยิ่งเพิ่มความสุขุมอย่างมีระดับให้ตัวบ้านอย่างเห็นได้ชัด

“ โครงการนี้เป็นโครงการแรกที่เราเริ่มใช้สินค้า TOSTEM ค่ะ เหตุผลที่ใช้หลักๆ ก็คือ 3 ปัจจัยที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ และก็เรื่อง Branding ที่ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับทั้งจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์  และผู้อยู่อาศัยค่ะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการบริการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้บริการติดตั้งจากบริษัท Smart Home Plus ที่ดูแลการติดตั้งและให้บริการหลังการขายเป็นอย่างดีค่ะ ”

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

พื้นที่เชื่อมสัมพันธ์

นอกจากเรื่องของตัวบ้านแต่ละหลังแล้ว ทางโครงการก็ให้ความสำคัญกับ พื้นที่ส่วนกลางมากเช่นกัน เพราะปัจจุบันโครงการได้แบ่งพื้นที่จัดทำสวนสไตล์ British Japanese มากกว่า 2 ไร่ เพื่อลูกบ้านในโครงการสามารถมาออกกำลังกายบริเวณนี้ได้ พร้อมทั้งมีสนามแบดมินตัน และศาลาจิบน้ำชาสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้ใช้งานส่วนกลางได้สัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้โครงการยังแพลน ที่จะสร้าง Clubhouse ในอนาคต เอาใจสายสุขภาพที่เพียบพร้อมไปด้วย สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ Fitness, Sauna room, Steam room, Golf simulator, Kids-corner และ Co-working space ไว้สำหรับลูกบ้านที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน โครงการตั้งใจจะให้ส่วนกลางนี้เป็นพื้นที่สาธารณะให้ลูกบ้านได้มีปฏิสัมพันธ์กัน สร้าง Community ที่ดีให้กับสังคมหมู่บ้าน

บ้านที่เรียบง่ายแต่ภายในเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจอย่าง Derposh Grand Sriracha โครงการหยิบเอา Element ต่างๆ ในโครงการมาแสดงให้เห็นถึงมูลค่าผ่านพื้นที่การใช้งานของโครงการและตัวบ้าน หากใครอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกอยากสัมผัสถึงบรรยากาศจริง สามารถแวะชมบ้านตัวอย่างได้ที่ โครงการ Derposh Grand Sriracha


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

พื้นที่ใจกลางเมืองส่วนใหญ่ในยุคนี้ มักถูกจับจองด้วยตึกสูง หรือคอนโดมิเนียม ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Urban Living ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ทว่ายังมีข้อจำกัดในเรื่องความเป็นส่วนตัว หากเทียบกับการมีบ้านเดี่ยวเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของ Lavista Prestige Village Ekkamai บ้านเดี่ยวหรูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่หรูหราอย่างมีระดับ ผ่านความงามอันไร้กาลเวลาของสถาปัตยกรรม บนทำเลทองใจกลางเอกมัย

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

นิยามใหม่แห่งการอยู่อาศัยภายใต้แนวคิด Prestige Community

Lavista Prestige Village Ekkamai เป็นบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ที่ถูกพัฒนาโดย SPJ LAND ด้วยแนวคิด Prestige Community การมอบความสงบและความเป็นส่วนตัวสูงสุดให้กับผู้อยู่อาศัย ท่ามกลางสังคมคุณภาพที่มีเพียง 7 ครอบครัวเท่านั้น โครงการแห่งนี้ตั้งบนทำเลย่านเอกมัย 10 ที่รายล้อมด้วยแหล่งแฮงค์เอาท์ตลอด 24 ชั่วโมง และสถานที่อำนวยความสะดวกชื่อดังมากมาย เช่น ห้างสรรพสินค้า Gateway เอกมัย, Donki mall ทองหล่อ, โรงเรียนนานาชาติเอกมัย, โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep และ โรงพยาบาลสุขุมวิท เป็นต้น ที่สำคัญยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อทุกจุดหมายอย่างสะดวกสบาย ด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย-ทองหล่อ และทางพิเศษฉลองรัช

ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความงาม ผ่านดีไซน์ Classic Contemporary

ภายนอกของอาคารถูกออกแบบด้วยรูปลักษณ์สไตล์ Classic Contemporary เป็นการนำความทันสมัยและความคลาสสิกมาผสานกันอย่างลงตัว โดยใช้เส้นตรงแนวตั้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย ในการออกแบบตัวกรอบอาคาร ลวดลายฟาซาดด้านหน้าอาคาร และผนังครีบบังแดด 

สำหรับที่โครงการนี้ ดีไซน์จากเส้นตรงแนวตั้งยังทำหน้าที่บ่งบอกถึงความมั่นคงและความเพรียวสูงของตัวอาคาร ทำให้บ้านดูสง่างามและมีภูมิฐานมากขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากการแบ่งจังหวะช่องเปิดของประตู-หน้าต่างอย่างเป็นระเบียบ แต่แฝงลูกเล่นให้ดูไม่น่าเบื่อ โดยการเลือกขนาดช่องเปิดและดีไซน์บานกรอบที่แตกต่างกันในแต่ละชุด 

นอกจากนี้ผนังโทนสีเขียวเข้มอมเทา ที่ใช้บริเวณส่วนกลางภายนอกอาคาร ยังเป็นจุดดึงดูดสายตาที่ทำให้แบบบ้าน Lavista Prestige Village Ekkamai มีเอกลักษณ์โดดเด่น ดูหรูหราอย่างมีระดับ และสร้างภาพจำอันน่าประทับใจแก่ผู้มาเยือน 

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

ออกแบบฟังก์ชันให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

จุดเด่นของฟังก์ชันสำหรับที่นี่คือ พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 4 ชั้น ถูกออกแบบให้มีขนาดกว้างขวาง และรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยตามลำดับชั้น โดยมีจุดเด่นคือบริเวณชั้น 2 ที่รวบรวมห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร, ครัว Pantry และพื้นที่อเนกประสงค์ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้สามารถใช้พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง เต็มที่ทั้งชั้น ไม่มีสะดุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีการแบ่งสัดส่วนแต่ละฟังก์ชันอย่างลงตัว มาพร้อมช่องเปิดประตู-หน้าต่างในตำแหน่งที่เหมาะสมรอบด้าน ที่เปิดรับแสงและลมธรรมชาติอย่างโปร่งโล่ง และสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงด้านนอก ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูสดชื่นขึ้นหลายเท่าตัว 

เช่นเดียวกันกับห้องนอน Master Bedroom ขนาดใหญ่ในชั้น 3 และห้องทำงาน ห้องนอนอื่นๆ ในชั้น 4 ที่มีการวางตำแหน่งและชนิดบานเปิดของหน้าต่าง ที่พอดีกับบรรยากาศการพักผ่อนอันเงียบสงบ สบาย และเป็นส่วนตัว ทั้งยังส่งเสริมกับรูปลักษณ์ภายนอกอาคารอีกด้วย

The Finest Legacy เพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน ด้วยการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง

Lavista Prestige Village Ekkamai ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกล้ำค่าที่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นในอนาคต ดังนั้นทุกองค์ประกอบของบ้านจึงถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง เพื่อให้บ้านอยู่คู่กับการเติบโตของครอบครัวได้อย่างยาวนาน เป็น Timeless Aesthetic หรือความงามไร้กาลเวลา ด้วยเหตุนี้โครงการจึงได้มอบความไว้ใจในการเลือกใช้ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ให้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านหรูระดับ Super Luxury แห่งนี้

ด้วยดีไซน์ของประตู-หน้าต่าง รุ่น WE70 สี Autumn Brown ที่เข้ากันได้ดีกับผนังสีขาวครีม และผนังสีเขียวเข้มอมเทา ทำให้ภาพรวมทั้งภายในและภายนอกของบ้าน ดูกลมกลืน ส่งเสริมกันอย่างนุ่มนวลและมีมิติ เป็น Mood and Tone ที่ทันสมัยและคลาสสิกในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญสีของบานกรอบอะลูมิเนียม ยังถูกผลิตด้วยกระบวนการทำสีอะโนไดซ์ (Anodized) ซึ่งเป็นการนำอะลูมิเนียมไปชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า จนเกิดเป็นชั้นฟิล์มอะลูมิเนียมออกไซด์ พร้อมเคลือบอีกชั้นด้วย TEXGUARD ทำให้สีติดทนนานกว่าการทำสีทั่วไป ไม่ผุกร่อน ไม่หลุดร่อน หรือซีดจาง ตอบโจทย์กับคอนเซ็ปต์ความงามไร้กาลเวลาของโครงการได้ดี 

นอกจากนี้ประตู-หน้าต่าง TOSTEM รุ่น WE70 ยังมาพร้อมคุณสมบัติเด่น ที่มีระบบป้องกันน้ำรั่วประสิทธิภาพสูง มาพร้อมวาล์วระบายน้ำบริเวณโปรไฟล์กรอบล่าง ทำให้น้ำไม่ไหลซึมเข้าสู่ตัวบ้าน ทั้งยังต้านทานต่อแรงดันลมได้ดี จึงเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทย ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปีอย่างมาก และด้วยคุณสมบัติบานกรอบที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถปิดได้อย่างแน่นหนา จึงมีส่วนช่วยในการลดเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้การอยู่อาศัยภายในบ้านมีความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

หากใครที่สนใจโครงการ Lavista Prestige Village Ekkamai บ้านหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ใจกลางเอกมัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.spj-land.com/project/lavista/ 


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

อย่างที่รู้กันว่าอากาศร้อนกับเมืองไทยเป็นของคู่กันเสมอ แต่ด้วยเทรนด์อาคารโมเดิร์นในปัจจุบัน ที่มักใช้ประตู-หน้าต่างกระจกเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ยากต่อการหลีกเลี่ยงความร้อน ที่จะเข้ามาสะสมในตัวบ้าน ซึ่งการเลือกชนิดกระจกที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดความร้อนจากแสงแดดได้ วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกระจก 4 ประเภท เพื่อให้คุณสามารถเลือกกระจก ที่จะช่วยตอบโจทย์ในการป้องกันความร้อนได้อย่างดีที่สุด    

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกโฟลต (Float Glass)

กระจกโฟลต เป็นกระจกที่คล้ายกับกระจกแผ่นทั่วไป แต่มีฟองอากาศน้อยกว่า ทำให้ผิวเรียบสนิททั้งสองด้าน มีความโปร่งแสงสูง ทำให้ความร้อนผ่านได้ง่าย สามารถมองทะลุผ่านได้อย่างชัดเจน และแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กระจกใส และกระจกสี ซึ่งกระจกสีมีคุณสมบัติช่วยลดทอนแสงแดดได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติดูดความร้อนมากกว่ากระจกใส ทำให้ความร้อนยังสามารถแผ่เข้าสู่ตัวอาคารได้ง่ายเช่นเดิม

แม้กระจกโฟลตจะมีความแข็งแรงเพียงพอ สำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร แต่ควรหลีกเลี่ยงใช้ในทิศที่หันเข้าหาแดดจัด หรือได้รับความร้อนทั้งวัน นอกจากนี้ยังควรเพิ่มเกราะป้องกันความร้อนเสริมอีกชั้น ด้วยระแนง หรือ Double Skin Façade เพื่อช่วยกรองแสงให้กับพื้นที่ภายในอาคาร และเป็นการรักษากระจกให้มีอายุการใช้งานยาวนาน

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกนิรภัย (Laminated Glass)

กระจกนิรภัย หรือกระจกลามิเนต เป็นการนำกระจกธรรมดาหรือกระจกเทมเปอร์ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไป มาประกบกัน และคั่นตรงกลางด้วยแผ่นฟิล์ม PVB (Poly Vinyl Butyral) หรือ EVA (Ethylene Vinyl Acetate) ซึ่งแผ่นฟิล์มจะทำหน้าที่ยึดเศษกระจก ไม่ให้ร่วงหล่นจากกรอบบานเมื่อแตก ทำให้กระจกลามิเนตทนทานต่อแรงกระแทกและแรงดันสูง มีความปลอดภัยมากกว่าชนิดอื่นๆ ช่วยป้องกันเสียงรบกวนและเก็บเสียงได้ดี

ที่สำคัญยังช่วยป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้มากถึง 90% จึงเหมาะกับการใช้ในทุกๆ ส่วนของบ้าน สามารถออกแบบให้เป็นทั้งประตู-หน้าต่าง, พื้นทางเดิน, บันได, ราวกันตก , Skylight และ Facade แต่กระจกลามิเนตยังมีข้อจำกัดในเรื่องของแผ่นฟิล์ม เพราะหากอยู่ในสภาวะที่มีความชื้นสูง แผ่นฟิล์มจะดูดความชื้น และส่งผลให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะของกระจกเสื่อมลง

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกฉนวนกันความร้อน (Insulated Glass)

กระจกฉนวนกันความร้อน หรือกระจกอินซูเลท เป็นกระจกที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความร้อนเป็นพิเศษ เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาคารสูง ที่นิยมติดกระจกรอบอาคาร และมีโอกาสรับแสงแดดมากกว่าบ้านหรืออาคารขนาดเล็ก

มีวิธีการทำโดยนำกระจกชนิดใดก็ได้ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกัน คล้ายหลักการทำกระจกลามิเนต แต่จะเว้นช่องตรงกลางสำหรับติดตั้งเฟรมอะลูมิเนียม และถูกบรรจุด้วยอากาศแห้งหรือก๊าซเฉื่อย เพื่อทำหน้าที่ป้องกันแสงแดดและลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร รวมถึงยังช่วยสะท้อนแสงแดดออกไปได้มากกว่า 95%-98% ทำให้สามารถลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ รักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้คงที่ และลดการใช้ไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวัน เป็นทางเลือกการประหยัดพลังงานภายในอาคารที่น่าสนใจเลยทีเดียว

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจก Low-E (Low-Emission Glass)

กระจก Low-E เป็นกระจกที่ถูกนำมาเคลือบสารโลหะ เพื่อลดการแผ่รังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร ในขณะที่มีการสะท้อนแสงค่อนข้างต่ำ ทำให้แสงแดดยังคงสามารถส่องเข้ามาได้มาก ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในอาคารสูง หรืออาคารทั่วไปที่ต้องการประหยัดพลังงาน แต่ต้องการแสงธรรมชาติเทียบเท่าเดิม โดยกระจก Low-E แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กระจก Low-E แบบผิวเคลือบผิวแข็ง (Hard Coat Low-E) และกระจก Low-E แบบผิวเคลือบผิวแข็ง (Soft Coat Low-E)

กระจก Hard Coat Low-E ลดการแผ่รังสีความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคารได้น้อย ทำให้กักเก็บความร้อนภายในอาคารได้ดี จึงเหมาะกับการใช้ในเมืองหนาวมากกว่า ทำให้กระจก Soft Coat Low-E จึงเป็นที่นิยมใช้มากกว่าในเมืองร้อนอย่างไทยเรา แต่กระจก Soft Coat Low-E ไม่ควรใช้บานเดี่ยวเนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยด่างจากสภาพอากาศ จึงนำมาประกบ 2 ชั้น และบรรจุอากาศตรงกลาง เหมือนกับกระจกอินซูเลท ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพการป้องกันความร้อนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

นอกจากการเลือกกระจกป้องกันความร้อนได้ดีแล้ว ก็ต้องมีควบคู่กันคือบานกรอบประตู-หน้าต่าง ที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำ จะทำให้บานกรอบแตกหักได้ง่าย เมื่อผ่านสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน รวมถึงทำให้ยาแนวเสื่อมสภาพหรือเสียหายเร็ว ซึ่งส่งผลต่อการรั่วซึมของอากาศและน้ำฝน ที่สามารถเข้าสู่ช่องว่างระหว่างกระจกได้ โดยเฉพาะกระจกอินซูเลท และกระจก Low-E ที่มีช่องว่างของก๊าสเฉื่อยตรงกลาง

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมของ TOSTEM มีการทดสอบประสิทธิภาพความทนทานต่อรังสีอินฟาเรดและรังสียูวีเข้มข้น เพื่อการันตีคุณภาพได้ว่า วงกบและกรอบบานอะลูมิเนียม รวมถึงอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะไม่เปลี่ยนรูป ไม่บิดงอ ไม่มีรอยแตกร้าวเสียหาย หลังจากการเผชิญกับความร้อนและแสงแดดรุนแรง ที่สำคัญนวัตกรรมการชุบ สีอะโนไดซ์ของ TOSTEM ยังทำให้สีติดทนนาน ไม่หลุดร่อน ไม่ซีดจาง เนื่องจากเป็นการนำอะลูมิเนียมไปชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า จนเกิดเป็นชั้นฟิล์มอะลูมิเนียมออกไซด์ ที่มีผิวเรียบเนียน และมีเฉดสีที่เข้ากับงานออกแบบหลากหลายสไตล์ พร้อมเคลือบด้วย TEXGUARD เสริมความทนทานอีกชั้น ซึ่งต่างจากวิธี Powder Coated ทั่วไป ที่เป็นการใช้สีฝุ่นพ่นลงบนพื้นผิวอะลูมิเนียม ทำให้สีซีดจางลงได้ง่ายเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

เมื่อกล่าวถึงบ้านจัดสรร หลายคนมักนึกถึงกลุ่มบ้านที่มีดีไซน์หน้าตาคล้ายกัน เรียงติดกันเป็นแถว แถมยังไม่ค่อยมีพื้นที่นอกตัวบ้านให้ตกแต่งพื้นที่บริเวณสวนมากนัก จนทำให้บางคนเลือกที่จะนำบ้านจัดสรรหน้าตาเดิมนำมารีโนเวทใหม่ ให้กลายเป็นบ้านที่ใช่ ตามสไตล์ที่ชอบมากขึ้น เช่นเดียวกันกับ Baan Ladprao บ้านโฉมใหม่ของคุณอาย วราพร เธียรปรีชา ที่ซ่อนห้องนั่งเล่นเรือนกระจกสุดร่มรื่นไว้ใจกลางบ้าน

“เราไปดูตัวอย่างที่โชว์รูมของ TOSTEM แล้วก็รู้สึกประทับใจ ตรงที่สีโอเค ความหนาของบานกรอบ กระจกก็โอเค การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ถือว่าคุ้มค่า เพราะเป็นบานประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม สามารถเปิดเห็นสวนได้เต็มที่ ทำให้บ้านดูสวยขึ้นเยอะมาก”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล
คุณอาย วราพร เธียรปรีชา (เจ้าของบ้าน)
จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จุดเริ่มต้นของบ้านแห่งนี้ มาจากความชอบของเจ้าของบ้าน ที่ต้องการอยู่อาศัยในบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่มีรูปทรงสวยงาม ทันสมัย ท่ามกลางบรรยากาศสวนธรรมชาติรอบบ้านในทุกๆ วัน จนเป็นที่มาของบ้านรูปทรงกล่องสีขาว ที่ถูกจัดวางสอดประสานกันอย่างลงตัว บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร 

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

สร้างความโปร่งโล่ง ภายใต้ความเป็นส่วนตัว

สถาปนิกเลือกที่จะรักษาพื้นที่ฟังก์ชันภายในไว้คงเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายนอกอาคารใหม่ ให้มีความโปร่ง โล่ง สบาย แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย โดยนำโรงจอดรถที่มีดีไซน์สอดคล้องกับตัวบ้าน วางไว้ด้านหน้าทางเข้า เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และเชื่อมต่อกับระเบียงทางเดิน Semi-Outdoor ก่อนเข้าสู่พื้นที่ฟังก์ชันอื่นๆ ภายในบ้าน ซึ่งข้อดีของการออกแบบทางเดินให้เป็น Semi-Outdoor แทนทางเดินภายในบ้านตามทั่วไป คือ ทำให้แสงและลม สามารถไหลเวียนถ่ายเทได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้บรรยากาศของบ้านไม่น่าเบื่อ และยังสามารถสอดแทรกกะบะต้นไม้ หรือสวนเล็กๆ ระหว่างทาง ตามความต้องการของเจ้าของบ้านได้

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

นอกจากการออกแบบในเชิงฟังก์ชันแล้ว รูปแบบและโทนสีวัสดุ ยังสามารถส่งผลต่อความอยู่สบายของบ้านเช่นกัน อย่างการนำหลักการสะท้อนแสงของวัสดุสีขาว มาช่วยลดทอนความทึบตันของอาคาร และช่วยพรางตาทำให้พื้นที่ดูกว้างขวางกว่าความเป็นจริง รวมถึงมีการเลือกใช้ประตู-หน้าต่าง ที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน มีเส้นกรอบของอะลูมิเนียม ช่วยขับเน้นสัดส่วนอาคารให้ดูสูงโปร่งขึ้น พร้อมกับเปิดรับแสงและลมธรรมชาติเข้ามาสู่ตัวบ้าน และสำหรับฟังก์ชันที่อยู่ในด้านหันออกนอกตัวบ้าน อย่างห้องนอนและห้องน้ำ สถาปนิกก็ได้ออกแบบฟาซาดระแนงสีขาวเข้ากับตัวบ้าน มาทำหน้าที่กรองแสงแดด และอำพรางสายตา เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

Glass House ห้องนั่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติ

Glass House เป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกต่อเติมขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในบ้าน และชานไม้ที่ยื่นออกไปในสวนน้ำตกจำลอง ซึ่งสถาปนิกตั้งใจออกแบบพื้นที่นี้ ให้คล้ายกับเรือนกระจก โดยมีการติดตั้งบานกระจกอะลูมิเนียมรอบด้าน เพื่อเปิดรับมุมมองทัศนียภาพในหลากหลายมิติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับรู้ถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

อยู่สบาย ปลอดภัย รับมือได้ทุกสภาพอากาศ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศได้ไม่มีสะดุด คือ การสร้างความปลอดภัยในขณะใช้งาน ซึ่งหน้าต่างบานสไลด์ รุ่น GRANTS สี Natural White จาก TOSTEM ก็สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี เนื่องจากเป็นบานกรอบอะลูมิเนียมที่ถูกออกแบบพิเศษ สามารถต้านทานแรงลมได้สูง มาพร้อมกับระบบป้องกันน้ำ 2 ชั้น ซ่อนอยู่ภายในตัวกรอบบานล่าง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกจากขอบหน้าต่าง ช่วยลดปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าสู่ตัวบ้านได้ ในขณะเดียวกันบานกรอบอะลูมิเนียม TOSTEM ก็มีความแข็งแรง ทนทานต่อแสงแดดและรังสียูวีได้สูง ไม่แตกหักง่าย และการทำสีอะลูมิเนียมแบบอะโนไดซ์ ยังช่วยทำให้สีไม่หลุดลอกหรือซีดจาง แม้ต้องเจอกับแสงแดดจ้า หรือผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

“บ้านก็เย็นขึ้นจากก่อนรีโนเวท สีอะลูมิเนียมข้างนอกที่โดนฝน โดนแดด ก็ไม่ซีด ตอนติดตั้งทาง TOSTEM ก็มีการประสานงานกับผู้รับเหมาได้ดี เพราะว่าบ้านเรามีการติดตั้งผ้าม่าน มุ้งจีบ และระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีการเดินสาย เซนเซอร์ประกบประตู-หน้าต่างทุกบาน ดังนั้นงานติดตั้งจึงมีความซับซ้อน แต่ TOSTEM ก็ได้ให้คำแนะนำ คำปรึกษาอย่างดี จนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา ก็สามารถแปลงโฉมให้เป็นบ้านในฝันได้ หากมีการออกแบบตัวอาคารที่ดี ควบคู่กับการเลือกวัสดุอย่างเหมาะสม สำหรับใครที่สนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพให้กับบ้านและการอยู่อาศัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ขอขอบคุณ

Owner : คุณอาย วราพร เธียรปรีชา และครอบครัว


Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

PetFriendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

เพราะว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว และบรรดาน้องๆ ก็จะกิน นอน พักผ่อนในบ้านของเราเช่นเดียวกับที่เราทำ ฉะนั้นการจัดพื้นที่แบบ Pet Friendly ให้เป็นมิตรทั้งคนและสัตว์เลี้ยง จะช่วยให้ทุกชีวิตในบ้านอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว และนี่คือ ไอเดียออกแบบบ้าน ที่จะทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่อันอบอุ่น ปลอดภัย และช่วยเติมเต็มความรักให้กับเราและสัตว์เลี้ยงในทุกวันไปด้วยกัน

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

อยาก Pet Friendly ต้องเลือกพื้นบ้านให้เฟรนด์ลี่กับสัตว์เลี้ยง

ควรเลือกปูพื้นที่สามารถทนต่อกิจกรรมของพวกสัตว์เลี้ยงได้ และยังคงความสวยงามของสภาพแวดล้อมบ้าน ที่สำคัญต้องปลอดภัยทั้งกับคนและสัตว์เลี้ยง ด้วยการเลือกชนิดวัสดุพื้นที่เหมาะสม ทำความสะอาดง่าย เพื่อสุขอนามัยที่ดี ทนทานต่อรอยข่วน และไม่ลื่นจนเกินไป เช่นกระเบื้องปูพื้นที่มีพื้นผิวด้านหยาบ หรือมีค่ากันลื่น ระดับ R9 เป็นอย่างน้อย กระเบื้องพื้นยาง ปูนขัดมัน เพื่อช่วยในการยึดเกาะของเท้าสัตว์เลี้ยง เนื่องจากหากเลือกพื้นที่เดินไม่สะดวก แล้วเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มบ่อยๆ จะส่งผลต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อโรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip dysplasia)

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

มีการระบายอากาศที่ดี ลมถ่ายเทได้ทั่วถึง

ทั้งเราและสัตว์เลี้ยงต่างต้องการอากาศที่ดี ดังนั้นควรออกแบบพื้นที่ให้มีการระบายอากาศที่เพียงพอ เป็นต้นว่า ดีไซน์บ้านให้มีประตู หน้าต่าง หรือช่องลม ที่แสงแดดส่องถึงและสามารถเปิดรับอากาศธรรมชาติให้ไหลเวียนเข้ามาภายในบ้านได้ เพื่อช่วยลดปัญหากลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ความชื้น ไปจนถึงเชื้อรา ซึ่งอาจเป็นแหล่งก่อเกิดเชื้อโรคต่างๆ ที่ส่งผลเสียทั้งต่อสุขภาพของตัวเราและสัตว์เลี้ยงได้

ขณะเดียวกันในวันที่เราไม่อยู่บ้าน เมื่อปิดล็อกประตูหน้าต่าง อากาศก็ควรถ่ายเทได้ทั้งวัน  เผื่อวันไหนสัตว์เลี้ยงของเราต้องอยู่บ้านตามลำพังจะได้รับอากาศที่ดี ซึ่ง 𝗧𝗢𝗦𝗧𝗘𝗠 มีโซลูชั่นเพื่อสร้างการไหลเวียนและถ่ายเทอากาศให้บ้านคุณ ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม 𝗧𝗢𝗦𝗧𝗘𝗠 𝗔𝗶𝗿𝗳𝗹𝗼𝘄 𝗦𝘆𝘀𝘁𝗲𝗺 เช่น 𝗔𝗶𝗿𝗳𝗹𝗼𝘄 𝗦𝗹𝗼𝘁 ที่มีเฉพาะในรุ่น WE70 และ WE PLUS ช่องระบายอากาศพร้อมแผงมุ้งสเตนเลส หรือประตูระบายอากาศ 𝗔𝗶𝗿𝗳𝗹𝗼𝘄 𝗗𝗼𝗼𝗿 ที่ถูกออกแบบให้สามารถระบายอากาศ โดยไม่ต้องเปิดบานประตู ช่วยลดอุณภูมิระหว่างวันในบ้าน ลดกลิ่นอับ และสามารถป้องกันเหล่าแมลงและสัตว์มีพิษจากข้างนอกที่อาจเข้ามารบกวนได้อีกด้วย

หน้าต่างบานใหญ่เปิดรับวิว ช่วยสัตว์เลี้ยงผ่อนคลาย

จัดเตรียมพื้นที่หรือมุมโปรดของสัตว์เลี้ยงให้อยู่ใกล้หน้าต่าง ที่ได้รับแสงธรรมชาติเพียงพอ และสามารถรับวิวข้างนอกได้ ช่วยทำให้สัตว์เลี้ยงไม่อึดอัด เพราะไม่เช่นนั้น สัตว์เลี้ยงอาจก่อความเสียหายให้กับข้าวของภายในบ้านได้ และควรเลือกใช้บานประตูสไลด์ที่กรอบบานแข็งแรง และมีระบบล๊อกที่แน่นหนา อย่างบานประตูสไลด์ของ TOSTEM ที่มีฟังก์ชั่นระบบล๊อกที่โดดเด่นเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน

การที่สัตว์เลี้ยงของเราได้มองเห็นทัศนียภาพด้านนอก มองนกมองแมลงตัวน้อยๆ รอบๆ บ้าน หรือบางทีได้เห็นเงาสะท้อนของตัวเอง ก็ทำให้เข้าใจว่ามีเพื่อน ฉะนั้นการออกแบบที่เชื่อมต่อมุมมองระหว่างพื้นที่ด้านและด้านนอกเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ที่ดีทั้งกับสัตว์เลี้ยงและคน

แบ่งโซนพื้นที่สำหรับนอน กิน หรือถ่ายของเสียอย่างชัดเจน

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

มาถึงอีกหนึ่งการออกแบบ้าน Pet Friendly ที่ขาดไม่ได้เลยคือ จัดสรรพื้นที่ใช้สอยของคนและสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจน กำหนดว่าพื้นที่ส่วนไหนบ้างที่เราจะใช้ร่วมกัน เริ่มจากโซนนอน สามารถผสมผสานที่นอนของสัตว์เลี้ยงเข้ากับเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินในห้องรับแขก ช่วยทั้งให้สัตว์เลี้ยงได้ใช้เวลาร่วมกับเราในพื้นที่ส่วนกลาง แถมยังประหยัดพื้นที่และโดนใจสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะน้องหมา น้องแมว เพราะชอบมุดและซุกตัว

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง
สินค้า Interior ประตูภายใน มีให้เลือกใช้ทั้งแบบบานแขวนไร้รางพื้น และบานเลื่อนมีรางพื้น

ต่อด้วยโซนกิน โซนอาบน้ำและโซนถ่ายของเสีย อาจออกแบบไว้บริเวณพื้นที่กลางแจ้งของบ้าน และอีกสิ่งสำคัญควรแบ่งพื้นที่ให้ชัดว่า โซนไหนของบ้านที่ไม่อยากให้น้องๆ เข้าถึงได้ เช่น ห้องครัว สามารถออกแบบหาฉากกั้น หรือเลือกใช้ประตูบานเลื่อน (Interior Door) มากันพื้นที่เพื่อการใช้สอยที่สะดวกยิ่งขึ้น

สร้างพื้นที่เล่นสนุกให้เหมาะสมกับชนิดสัตว์ เพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงเครียดจนเกินไป

ด้วยความที่สัตว์แต่ละชนิดมีพฤติกรรมไม่เหมือนกัน การจัดพื้นที่ใช้สอยควรมีพื้นที่รองรับการเล่นสนุก เพื่อไม่ให้บรรดาสัตว์เลี้ยงของเราเครียดจนส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในที่สุด อีกทั้งการเล่นเป็นเหมือนการออกกำลังกาย จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงได้อีกด้วย

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

อย่างเช่น หากคุณเลี้ยงสุนัขก็ควรจัดสรรพื้นที่ปล่อยพลัง เพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่ต้องการพื้นที่พอสมควร อาจจะจัดโซนสวนหน้าบ้านไว้ให้ได้วิ่งเล่นกับลูกบอล หรือบ้านไหนมีน้องแมว ซึ่งมีพฤติกรรมชอบลับเล็บให้คมผ่านการขีดข่วน วิ่งไล่จับสัตว์เล็กอื่นๆ ฉะนั้นควรแบ่งพื้นที่ที่มีของเล่นแมว คอนโดแมว ไม้ตกแมว กล่องฝนเล็บ ให้แมวได้เล่นสนุก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

เพราะสัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทั้งผู้อาศัยและสัตว์เลี้ยงนับเป็นเรื่องที่สำคัญ ควรคำนึงถึงวัสดุในการเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการระบายอากาศ แม้ในวันที่เราไม่อยู่บ้านก็มีช่องเปิด (Airflow slot) ที่เปิดรับลมได้ไม่ต้องกังวัลเรื่องความปลอดภัย หรือการกั้นโซนเพื่อแบ่งกิจกรรมในแต่ละวันภายในบ้านให้ไม่รบกวนกันด้วยประตูบานเลื่อน (Interior Door)



ข้อมูลอ้างอิง

คุณภาพของประตูหน้าต่าง

7 เกณฑ์วัดคุณภาพที่เป็นหัวใจสำคัญของประตูหน้าต่าง TOSTEM

นอกจากความสวยงามของประตูหน้าต่างแล้ว มาตรฐานด้านประสิทธิภาพและคุณภาพก็เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ TOSTEM ที่สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เพื่อเป็นการการันตีว่าผลิตภัณฑ์ของ TOSTEM จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของบ้านและอาคารที่พักอาศัยได้ครบทุกมิติ 

คุณภาพของประตูหน้าต่าง

กว่าจะมาเป็นสินค้าคุณภาพของ TOSTEM ทางโรงงาน TOSTEM มีการควบคุมการผลิตด้วยระบบ Quality Assurance (การประกันคุุณภาพ) และ Quality Control (การควบคุมคุณภาพ) ให้ได้ตามมาตรฐาน JIS หรือ Japanese Industrial Standards จากญี่ปุ่นที่มีความเข้มงวดสูง จนได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะต้องผ่านการทดสอบหลากหลายด่านดังนี้

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบการป้องกันการรั่วซึมของน้ำ

‘การรั่วซึมจากฝนสาด’ เป็นปัญหาพบเจอได้ทั่วไปในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้นและมีฝนชุกอย่างประเทศไทย ซึ่งปัญหาหลักๆ ที่เรามักเผชิญมี 2 ประเด็น คือ (1) การรั่วซึมของน้ำตามรอยต่อของหน้าต่างหรือตามซีลยาแนวระหว่างวงกบหน้าต่างและผนัง และ (2) การรั่วซึมจากน้ำฝนล้นราง ดังนั้นผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างทุกรุ่นของ TOSTEM จึงถูกออกแบบให้ซีลป้องกันน้ำตามรอยต่อและมีระบบป้องกันน้ำฝนในโปรไฟล์ โดยกรอบล่างทำหน้าที่รองรับน้ำฝน แล้วระบายออกด้านนอกผ่านวาล์วระบายน้ำ จึงช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนล้นไหลย้อนกลับเข้ามาภายในบ้าน โดยผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นจะต้องผ่านการทดสอบจากการจำลองเหตุการณ์พายุฝน โดยการให้แรงดันแทนแรงลมพายุและพ่นปริมาณน้ำ 4 ลิตร / ตร.ม. / นาที เทียบเท่าฝนตกหนัก 240 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง เพื่อการันตีประสิทธิภาพการป้องกันการรั่วซึมตามมาตรฐาน JIS

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบความทนทานต่อแรงลมพายุ

ประตูหน้าต่างจำเป็นต้องมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับแรงปะทะจากลมพายุที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค เมื่อเกิดลมพายุประตูหน้าต่างจะต้องไม่หลุดออกจากผนังเพื่อทำหน้าที่ปกป้องทั้งผู้อยู่อาศัยและทรัพย์สินภายใน หลังพายุผ่านไปประตูหน้าต่างจะต้องไม่มีความเสียหายและใช้งานต่อเนื่องได้ตามปกติ บานกรอบประตูหน้าต่างของ TOSTEM สามารถรับมือกับแรงลมในระดับรุนแรง เทียบเท่ากับพายุโซนร้อนได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีค่าความสามารถในการต้านทานแรงลม (Wind loading Resistance) ระหว่าง 500-2000 Pascal ซึ่งตอบโจทย์ทั้งงานออกแบบบ้านแนวราบไปจนถึงอาคารสูง รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้กับทุกเขตภูมิอากาศอีกด้วย

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบการรั่วไหลของอากาศ

แม้การเปิดประตูหน้าต่างเพื่อถ่ายเทอากาศจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่อาศัย แต่การป้องกันอากาศรั่วไหลก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กัน เพราะในปัจจุบันเราต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะทางอากาศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือฝุ่นละออง PM2.5 รวมถึงมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านกันอย่างแพร่หลาย ดังนั้นจึงควรเลือกประตู-หน้าต่างที่สามารถปิดได้แน่นสนิท ไม่มีช่องว่างระหว่างวงกบและตัวบาน เพื่อลดการรั่วไหลของอากาศผ่านประตูหน้าต่างที่ปิดไว้ ซึ่งศูนย์ทดสอบ TOSTEM ก็ได้มีการนำผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นเข้าทดสอบโดยวิธีการควบคุมแรงดันของภายในและภายนอกประตู-หน้าต่าง เพื่อจำกัดปริมาณอากาศที่รั่วไหลของให้เป็นไปตามค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบการป้องกันเสียงรบกวน

นอกจากการปิดแน่นสนิทของบานกรอบจะทำให้อากาศไม่รั่วไหลแล้ว ยังช่วยในเรื่องการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย ซึ่งทางศูนย์การทดสอบของ TOSTEM ได้มีการนำผลิตภัณฑ์ไปทดสอบ ติดตั้งบนผนังกั้นระหว่าง 2 ห้อง โดยมีการปล่อยเสียงที่ความดัง 100 เดซิเบลที่ห้องฝั่งหนึ่ง และทำการวัดความดังของเสียงที่ได้ยินที่ห้องอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งตามมาตรฐาน JIS แล้ว ประตู-หน้าต่าง TOSTEM สามารถลดความดังของเสียงได้ถึง 25 เดซิเบล ทำให้บรรยากาศภายในบ้านเงียบสงบลง ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนในบ้านอย่างเป็นส่วนตัว 

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบความทนทานต่อแสงแดดและรังสียูวี

เราทราบกันดีว่าแสงแดดกับประเทศไทยเป็นของคู่กันเสมอ ดังนั้นคุณสมบัติความทนทานต่อแสงแดด จึงกลายเป็นเงื่อนไขขั้นพื้นฐานของวัสดุอาคารไปโดยปริยาย เช่นเดียวกับของผลิตภัณฑ์ TOSTEM ที่ต้องมีการทดสอบประสิทธิภาพความทนทานต่อแสงแดดจัดและรังสียูวี เพื่อการันตีได้ว่าหลังจากการผ่านรังสีอินฟาเรดและรังสียูวีที่เข้มข้นแล้ว ตัวประตูหน้าต่างและอุปกรณ์จะไม่มีรอยแตกร้าว และสีอะลูมิเนียมที่ได้จากการทำสีแบบอะโนไดซ์จะไม่ซีดจางลง 

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบความทนทานต่อกรดและด่าง

ไม่เพียงแค่แดด ลม ฝนเท่านั้นที่สามารถป้องกันได้ แต่ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ยังถูกออกแบบให้สามารถรับมือกับธรรมชาติทุกรูปแบบ และสามารถติดตั้งได้ทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบนภูเขา เขตพื้นที่ราบ หรือริมทะเล ดังนั้นจึงต้องมีการทดสอบความทนทานต่อกรดและด่าง เพื่อการันตีได้ว่าวัสดุที่ใช้จะมีความแข็งแกร่ง ไม่ถูกกัดกร่อน หรือเกิดสนิมได้โดยง่าย 

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง ความทนทาน

แน่นอนว่าประตูหน้าต่างย่อมมีการเปิด-ปิดเป็นประจำทุกวัน วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาติดตั้งจำเป็นความแข็งแรงเพียงพอศูนย์ทดสอบ TOSTEM จึงได้มีการทดสอบจำนวนรอบในการเปิด-ปิดของประตูหน้าต่างโดยใช้ระบบแขนกลควบคุมการทดสอบจำนวน 100,000 รอบตามมาตรฐาน JIS  เพื่อทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าประตู-หน้าต่าง TOSTEM จะมีความแข็งแรง ทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน

คุณภาพของประตูหน้าต่าง

ด่านทดสอบต่างๆ เหล่านี้ คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ TOSTEM ที่ให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการผลิตและการทดสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งนอกจากเกณฑ์การทดสอบทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมา ยังมีเกณฑ์การทดสอบอื่นๆ อีกมากมาย ที่ใช้ในการทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งมอบคุณภาพตามมาตรฐานระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประตูหน้าต่าง TOSTEM จนได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมายาวนานถึง 100 ปี


หากสนใจสินค้า TOSTEM สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทีปุ่มด้านบนเลย!