Kid-Friendly Home ออกแบบบ้านอย่างไรให้เหมาะสมกับเด็ก

หากเด็กๆ ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ปลอดภัย และมีอิสระในการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นรากฐานที่ดี ที่นำไปสู่ความมั่นคงทางอารมณ์ และการมีความคิดสร้างสรรค์เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ การจัดเตรียมบ้านให้พร้อมสำหรับลูกน้อยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ทุกคนควรใส่ใจ และแน่นอนว่าเมื่อเด็กๆ มีความสุขแล้ว ผู้ใหญ่ก็จะได้รับพลังบวกจากความสดใสเหล่านั้นไปด้วยเช่นกัน สำหรับบ้านไหนที่กำลังเตรียมต้อนรับสมาชิกตัวน้อย วันนี้เรามีไอเดียการออกแบบบ้านให้เหมาะสมกับเด็กมาฝากกัน 

Kid-Friendly Home ออกบ้านอย่างไรให้เหมาะสมกับเด็ก

ระยะความสูงของเฟอร์นิเจอร์เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย

เมื่อถึงวัยอยากรู้อยากเห็น เด็กๆ ก็มักเริ่มที่จะลองปีนป่ายหรือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง การตกจากที่สูงถือเป็นอุบัติเหตุที่พบบ่อยสำหรับเด็ก การจะดูแลลูกน้อยให้อยู่ในระยะปลอดภัยได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับร่างกายเด็ก เพราะหากเฟอร์นิเจอร์สูงเกินไปอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับเด็กๆ ได้ ในขณะเดียวกันหากเฟอร์นิเจอร์เตี้ยเกินไป ก็จะทำให้ใช้งานไม่สะดวกเช่นกัน สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันและมักเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ อย่างโต๊ะ-เก้าอี้จึงควรมีการกำหนดระยะความสูง ที่เหมาะกับการใช้งานของเด็กแต่ละช่วงวัย

  • เด็กวัย 3-4 ปี ควรใช้โต๊ะสูงประมาณ 46 เซนติเมตร เก้าอี้สูง 26 เซนติเมตร
  • เด็กวัย 4-5 ปี ควรใช้โต๊ะสูงประมาณ 53 เซนติเมตร เก้าอี้สูง 31 เซนติเมตร
  • เด็กวัย 6-7 ปี ควรใช้โต๊ะสูงประมาณ 59 เซนติเมตร เก้าอี้สูง 35 เซนติเมตร
  • เด็กวัย 8-10 ปี ควรใช้โต๊ะสูงประมาณ 64 เซนติเมตร เก้าอี้สูง 38 เซนติเมตร
  • เด็กวัย 11-13 ปี ควรใช้โต๊ะสูงประมาณ 71 เซนติเมตร เก้าอี้สูง 43 เซนติเมตร

สำหรับเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป สามารถใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความสูงเดียวกันกับผู้ใหญ่ได้ แต่อาจมีการเสริมเบาะที่รองนั่งเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

ปรับระดับพื้นเรียบสม่ำเสมอ ให้ลูกน้อยวิ่งเล่นได้ไม่มีสะดุด

เด็กที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป มักสนใจที่จะเรียนรู้ผ่านการละเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งการเดินหรือวิ่งเล่นอย่างมีอิสระ ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยให้ร่ายกายเด็กแข็งแรง สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ดี ควบคู่กับการพัฒนาด้านสมอง เพราะฉะนั้นบ้านก็ต้องเตรียมสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการวิ่งเล่นได้อย่างต่อเนื่องโดยอาจจะออกแบบพื้นให้มีระดับเท่ากันในพื้นที่ที่เด็กใช้งานบ่อยเช่น ห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร, ห้อง Playroom หรือห้องนอนเด็ก รวมถึงการเลือกใช้ประตู-หน้าต่างที่มีรางวงกบล่างเรียบเสมอไปกับพื้นรอบๆ อย่างประตู-หน้าต่างรุ่น GRANTS จาก TOSTEM ที่มาพร้อมกับดีไซน์ ‘รางบานเลื่อนแบบเรียบ’ สามารถติดตั้งเสมอระดับพื้นภายในและภายนอกบ้าน มอบความสวยงามอย่างไร้ขอบเขต ทำให้สามารถเดินหรือวิ่งผ่านได้โดยไม่สะดุด รวมถึงประตู-หน้าต่างบานเลื่อนรุ่น ATIS ที่มีอุปกรณ์เสริมอย่าง ‘ฝาครอบรางแบบเรียบ’ สำหรับปิดร่องของบานเลื่อน ที่ติดตั้งได้ทั้งรางในและรางนอกของบานกรอบล่าง ทั้งยังสามารถถอดออกได้เสมอเมื่อต้องการปิดบานเลื่อน

นอกจากการประตู-หน้าต่างที่เรียบเสมอไปกับพื้นจะส่งผลดีต่อการวิ่งเล่นของเด็กแล้ว ยังเป็นการอำนวยความสะดวกกับรถเข็นเด็กทารกและรถเข็นผู้สูงอายุอีกเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นดีไซน์ที่ตอบโจทย์กับความปลอดภัยของทุกคนในบ้านเลยทีเดียว

เลือกวัสดุนุ่มนิ่ม ลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

เพื่อป้องกันลูกน้อยไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการโดนของมีคมบาดหรือการกระแทกกับสิ่งของ การเลือกใช้วัสดุของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้องที่มีผิวสัมผัสนุ่มและยืดหยุ่น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดการเกิดผลกระทบอันตรายได้ อย่างการปูพื้นกันกระแทกด้วยแผ่นยาง PVC หรือแผ่นโฟม PE, การใช้เฟอร์นิเจอร์ทำจากพลาสติก ที่มีความแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย รวมถึงมีรูปทรงโค้งมนจากการถูกลดเหลี่ยมมุม เพื่อป้องกันการบาดผิว สำหรับโต๊ะทั่วไปหรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ไม่มีการลดเหลี่ยมมุม ก็สามารถติดตั้งยางหรือโฟมกันกระแทกขอบโต๊ะ เพื่อเสริมเกราะป้องกันจากอุบัติเหตุได้เช่นกัน, การหุ้มหัวเตียง เก้าอี้ โซฟา หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ด้วยผ้าที่มีผิวสัมผัสอ่อนโยนต่อผิวเด็ก อย่างผ้าฝ้าย ผ้าใยไผ่ และผ้ากำมะหยี่ โดยหากพ่อแม่ท่านใดสนใจวัสดุชนิดนี้ อาจต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อลดการสะสมของฝุ่น ซึ่งเป็นตัวการที่นำไปสู่โรคภูมิแพ้ในเด็กได้

สร้างพื้นที่สนุกด้วยดีไซน์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก

ในช่วงวัยอายุ 1-3 ปี เป็นช่วงที่เด็กเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ชอบอิสระ มีพัฒนาการทางด้านร่างกาย สมองและอารมณ์อย่างรวดเร็ว จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ ดังนั้นหากมีการกระตุ้นให้ลูกได้สำรวจและรู้จักสิ่งใหม่ๆ จะเป็นการช่วยให้สมองสามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 3-5 ปี เด็กจะสามารถควบคุมอารมณ์และมีทักษะร่างกายเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ แต่ในขณะเดียวกันเด็กในวัยนี้ก็มีจินตนาการสูง  ชอบซักถามพูดคุย เพราะฉะนั้นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวควรใส่ใจเป็นอย่างมาก

สำหรับการออกแบบที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเหล่านี้ได้นั้น ขั้นแรกควรเริ่มเลือกตกแต่งห้องด้วยสีสันสดใส เพื่อดึงดูดความสนใจของเด็กๆ และทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวามากขึ้น ในส่วนของรูปทรงเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งต่างๆ ภายในห้อง นอกจากจะใช้ตัวละครจากการ์ตูนเรื่องโปรดของลูกน้อยแล้ว เราขอแนะนำให้ลองใช้รูปทรงโค้งมน หรือโค้งอิสระในการออกแบบ เพราะความโค้งของเส้นสายจะทำให้เด็กรู้สึกถึงความมีอิสระ ชวนให้คิดจินตนาการต่อยอด รวมถึงช่วยป้องกันอันตรายจากการกระแทกกับขอบเช่นกัน 

Kid-Friendly Home ออกบ้านอย่างไรให้เหมาะสมกับเด็ก

นอกจากนี้อาจมีการออกแบบพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างมุมโต๊ะอ่านหนังสือ ที่ให้ลูกน้อยได้พัฒนาสมองและกล้ามเนื้อมัดเล็ก จากการขีดเขียน วาดรูปง่ายๆ หรือการสร้างชั้นลอยให้กลายเป็นพื้นที่เล่นสนุกขนาดย่อม ที่ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่น กระโดด ปีนป่าย หรือเล่นบทบาทสมมติก็ได้ ทว่าการจะสร้างชั้นลอยได้นั้น ต้องมั่นใจว่าประเภทวัสดุและระยะความสูงที่ใช้นั้น มีความเหมาะสมต่อความปลอดภัยของเด็กในแต่ละช่วงวัยเสมอ

Kid-Friendly Home ออกบ้านอย่างไรให้เหมาะสมกับเด็ก

ปกป้องลูกน้อยจากฝุ่นและมลภาวะทางอากาศ

เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่แล้ว เด็กมักมีร่างกายอ่อนแอและมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่า เพราะฉะนั้นจึงต้องระมัดระวังการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ ที่มักมาพร้อมกับฝุ่น PM 2.5, ฝุ่นควัน และมลพิษต่างๆ ในอากาศ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมปิดประตู-หน้าต่างแล้ว แต่ฝุ่นก็ยังสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากช่องว่างต่างๆ ของอาคารที่เราไม่ทันสังเกต โดยเฉพาะประตู-หน้าต่าง ที่มักมีรอยต่อระหว่างประตู-หน้าต่างกับผนัง, เกิดการเสื่อมของยางขอบบานกรอบ หรือมีกลไกภายในบานกรอบหลวม ไม่แข็งแรง จึงทำให้ไม่สามารถปิดประตู-หน้าต่างได้สนิท

Kid-Friendly Home ออกบ้านอย่างไรให้เหมาะสมกับเด็ก

ดังนั้นเราจึงควรเริ่มจากการเลือกใช้บานประตู-หน้าต่างคุณภาพสูง ที่สามารถปิดล็อกแน่นหนาได้ทุกส่วนตั้งแต่แรก ซึ่งผลิตภัณฑ์ประตู-หน้าต่างจาก TOSTEM นั้น ก็ได้ตอบโจทย์เรื่องนี้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติการป้องการรั่วไหลของอากาศ และการควบคุมคุณภาพอากาศภายในบ้าน ที่เกิดจากออกแบบกลไกภายในบานกรอบ ทั้งอุปกรณ์ล็อกมุมต่างๆ และการซีลยางขอบประตู-หน้าต่าง ให้สามารถปิดล็อกได้อย่างแนบสนิท นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบล็อกแน่นหนา ที่สามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่นและผู้บุกรุกในเวลาเดียวกัน

การที่ลูกสามารถเติบโตได้อย่างดี นอกจากจะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพ่อแม่แล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างบ้านก็เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตในครอบครัวเช่นกัน ทุกองค์ประกอบของอาคารจึงต้องผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์จาก TOSTEM ที่ถูกออกแบบโดยคำนึงทุกชีวิตในบ้าน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยทุกรูปแบบ โดยมีการรับรองคุณภาพระดับนานาชาติด้วยมาตรฐาน JIS (Japanese Industrial Standards) และมาตรฐาน ASTM (American Society for Testing and Materials)

หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่เหมาะสมกับ การใช้งานของเด็ก และอยู่คู่กับการเติบโตของครอบครัวได้อย่างยาวนาน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย