fbpx
Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

พื้นที่ใจกลางเมืองส่วนใหญ่ในยุคนี้ มักถูกจับจองด้วยตึกสูง หรือคอนโดมิเนียม ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Urban Living ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ทว่ายังมีข้อจำกัดในเรื่องความเป็นส่วนตัว หากเทียบกับการมีบ้านเดี่ยวเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของ Lavista Prestige Village Ekkamai บ้านเดี่ยวหรูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่หรูหราอย่างมีระดับ ผ่านความงามอันไร้กาลเวลาของสถาปัตยกรรม บนทำเลทองใจกลางเอกมัย

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

นิยามใหม่แห่งการอยู่อาศัยภายใต้แนวคิด Prestige Community

Lavista Prestige Village Ekkamai เป็นบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ที่ถูกพัฒนาโดย SPJ LAND ด้วยแนวคิด Prestige Community การมอบความสงบและความเป็นส่วนตัวสูงสุดให้กับผู้อยู่อาศัย ท่ามกลางสังคมคุณภาพที่มีเพียง 7 ครอบครัวเท่านั้น โครงการแห่งนี้ตั้งบนทำเลย่านเอกมัย 10 ที่รายล้อมด้วยแหล่งแฮงค์เอาท์ตลอด 24 ชั่วโมง และสถานที่อำนวยความสะดวกชื่อดังมากมาย เช่น ห้างสรรพสินค้า Gateway เอกมัย, Donki mall ทองหล่อ, โรงเรียนนานาชาติเอกมัย, โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep และ โรงพยาบาลสุขุมวิท เป็นต้น ที่สำคัญยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อทุกจุดหมายอย่างสะดวกสบาย ด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย-ทองหล่อ และทางพิเศษฉลองรัช

ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความงาม ผ่านดีไซน์ Classic Contemporary

ภายนอกของอาคารถูกออกแบบด้วยรูปลักษณ์สไตล์ Classic Contemporary เป็นการนำความทันสมัยและความคลาสสิกมาผสานกันอย่างลงตัว โดยใช้เส้นตรงแนวตั้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย ในการออกแบบตัวกรอบอาคาร ลวดลายฟาซาดด้านหน้าอาคาร และผนังครีบบังแดด 

สำหรับที่โครงการนี้ ดีไซน์จากเส้นตรงแนวตั้งยังทำหน้าที่บ่งบอกถึงความมั่นคงและความเพรียวสูงของตัวอาคาร ทำให้บ้านดูสง่างามและมีภูมิฐานมากขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากการแบ่งจังหวะช่องเปิดของประตู-หน้าต่างอย่างเป็นระเบียบ แต่แฝงลูกเล่นให้ดูไม่น่าเบื่อ โดยการเลือกขนาดช่องเปิดและดีไซน์บานกรอบที่แตกต่างกันในแต่ละชุด 

นอกจากนี้ผนังโทนสีเขียวเข้มอมเทา ที่ใช้บริเวณส่วนกลางภายนอกอาคาร ยังเป็นจุดดึงดูดสายตาที่ทำให้แบบบ้าน Lavista Prestige Village Ekkamai มีเอกลักษณ์โดดเด่น ดูหรูหราอย่างมีระดับ และสร้างภาพจำอันน่าประทับใจแก่ผู้มาเยือน 

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

ออกแบบฟังก์ชันให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

จุดเด่นของฟังก์ชันสำหรับที่นี่คือ พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 4 ชั้น ถูกออกแบบให้มีขนาดกว้างขวาง และรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยตามลำดับชั้น โดยมีจุดเด่นคือบริเวณชั้น 2 ที่รวบรวมห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร, ครัว Pantry และพื้นที่อเนกประสงค์ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้สามารถใช้พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง เต็มที่ทั้งชั้น ไม่มีสะดุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีการแบ่งสัดส่วนแต่ละฟังก์ชันอย่างลงตัว มาพร้อมช่องเปิดประตู-หน้าต่างในตำแหน่งที่เหมาะสมรอบด้าน ที่เปิดรับแสงและลมธรรมชาติอย่างโปร่งโล่ง และสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงด้านนอก ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูสดชื่นขึ้นหลายเท่าตัว 

เช่นเดียวกันกับห้องนอน Master Bedroom ขนาดใหญ่ในชั้น 3 และห้องทำงาน ห้องนอนอื่นๆ ในชั้น 4 ที่มีการวางตำแหน่งและชนิดบานเปิดของหน้าต่าง ที่พอดีกับบรรยากาศการพักผ่อนอันเงียบสงบ สบาย และเป็นส่วนตัว ทั้งยังส่งเสริมกับรูปลักษณ์ภายนอกอาคารอีกด้วย

The Finest Legacy เพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน ด้วยการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง

Lavista Prestige Village Ekkamai ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกล้ำค่าที่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นในอนาคต ดังนั้นทุกองค์ประกอบของบ้านจึงถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง เพื่อให้บ้านอยู่คู่กับการเติบโตของครอบครัวได้อย่างยาวนาน เป็น Timeless Aesthetic หรือความงามไร้กาลเวลา ด้วยเหตุนี้โครงการจึงได้มอบความไว้ใจในการเลือกใช้ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ให้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านหรูระดับ Super Luxury แห่งนี้

ด้วยดีไซน์ของประตู-หน้าต่าง รุ่น WE70 สี Autumn Brown ที่เข้ากันได้ดีกับผนังสีขาวครีม และผนังสีเขียวเข้มอมเทา ทำให้ภาพรวมทั้งภายในและภายนอกของบ้าน ดูกลมกลืน ส่งเสริมกันอย่างนุ่มนวลและมีมิติ เป็น Mood and Tone ที่ทันสมัยและคลาสสิกในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญสีของบานกรอบอะลูมิเนียม ยังถูกผลิตด้วยกระบวนการทำสีอะโนไดซ์ (Anodized) ซึ่งเป็นการนำอะลูมิเนียมไปชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า จนเกิดเป็นชั้นฟิล์มอะลูมิเนียมออกไซด์ พร้อมเคลือบอีกชั้นด้วย TEXGUARD ทำให้สีติดทนนานกว่าการทำสีทั่วไป ไม่ผุกร่อน ไม่หลุดร่อน หรือซีดจาง ตอบโจทย์กับคอนเซ็ปต์ความงามไร้กาลเวลาของโครงการได้ดี 

นอกจากนี้ประตู-หน้าต่าง TOSTEM รุ่น WE70 ยังมาพร้อมคุณสมบัติเด่น ที่มีระบบป้องกันน้ำรั่วประสิทธิภาพสูง มาพร้อมวาล์วระบายน้ำบริเวณโปรไฟล์กรอบล่าง ทำให้น้ำไม่ไหลซึมเข้าสู่ตัวบ้าน ทั้งยังต้านทานต่อแรงดันลมได้ดี จึงเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทย ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปีอย่างมาก และด้วยคุณสมบัติบานกรอบที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถปิดได้อย่างแน่นหนา จึงมีส่วนช่วยในการลดเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้การอยู่อาศัยภายในบ้านมีความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

หากใครที่สนใจโครงการ Lavista Prestige Village Ekkamai บ้านหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ใจกลางเอกมัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.spj-land.com/project/lavista/ 


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

เมื่อกล่าวถึงบ้านจัดสรร หลายคนมักนึกถึงกลุ่มบ้านที่มีดีไซน์หน้าตาคล้ายกัน เรียงติดกันเป็นแถว แถมยังไม่ค่อยมีพื้นที่นอกตัวบ้านให้ตกแต่งพื้นที่บริเวณสวนมากนัก จนทำให้บางคนเลือกที่จะนำบ้านจัดสรรหน้าตาเดิมนำมารีโนเวทใหม่ ให้กลายเป็นบ้านที่ใช่ ตามสไตล์ที่ชอบมากขึ้น เช่นเดียวกันกับ Baan Ladprao บ้านโฉมใหม่ของคุณอาย วราพร เธียรปรีชา ที่ซ่อนห้องนั่งเล่นเรือนกระจกสุดร่มรื่นไว้ใจกลางบ้าน

“เราไปดูตัวอย่างที่โชว์รูมของ TOSTEM แล้วก็รู้สึกประทับใจ ตรงที่สีโอเค ความหนาของบานกรอบ กระจกก็โอเค การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ถือว่าคุ้มค่า เพราะเป็นบานประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม สามารถเปิดเห็นสวนได้เต็มที่ ทำให้บ้านดูสวยขึ้นเยอะมาก”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล
คุณอาย วราพร เธียรปรีชา (เจ้าของบ้าน)
จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จุดเริ่มต้นของบ้านแห่งนี้ มาจากความชอบของเจ้าของบ้าน ที่ต้องการอยู่อาศัยในบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่มีรูปทรงสวยงาม ทันสมัย ท่ามกลางบรรยากาศสวนธรรมชาติรอบบ้านในทุกๆ วัน จนเป็นที่มาของบ้านรูปทรงกล่องสีขาว ที่ถูกจัดวางสอดประสานกันอย่างลงตัว บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร 

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

สร้างความโปร่งโล่ง ภายใต้ความเป็นส่วนตัว

สถาปนิกเลือกที่จะรักษาพื้นที่ฟังก์ชันภายในไว้คงเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายนอกอาคารใหม่ ให้มีความโปร่ง โล่ง สบาย แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย โดยนำโรงจอดรถที่มีดีไซน์สอดคล้องกับตัวบ้าน วางไว้ด้านหน้าทางเข้า เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และเชื่อมต่อกับระเบียงทางเดิน Semi-Outdoor ก่อนเข้าสู่พื้นที่ฟังก์ชันอื่นๆ ภายในบ้าน ซึ่งข้อดีของการออกแบบทางเดินให้เป็น Semi-Outdoor แทนทางเดินภายในบ้านตามทั่วไป คือ ทำให้แสงและลม สามารถไหลเวียนถ่ายเทได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้บรรยากาศของบ้านไม่น่าเบื่อ และยังสามารถสอดแทรกกะบะต้นไม้ หรือสวนเล็กๆ ระหว่างทาง ตามความต้องการของเจ้าของบ้านได้

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

นอกจากการออกแบบในเชิงฟังก์ชันแล้ว รูปแบบและโทนสีวัสดุ ยังสามารถส่งผลต่อความอยู่สบายของบ้านเช่นกัน อย่างการนำหลักการสะท้อนแสงของวัสดุสีขาว มาช่วยลดทอนความทึบตันของอาคาร และช่วยพรางตาทำให้พื้นที่ดูกว้างขวางกว่าความเป็นจริง รวมถึงมีการเลือกใช้ประตู-หน้าต่าง ที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน มีเส้นกรอบของอะลูมิเนียม ช่วยขับเน้นสัดส่วนอาคารให้ดูสูงโปร่งขึ้น พร้อมกับเปิดรับแสงและลมธรรมชาติเข้ามาสู่ตัวบ้าน และสำหรับฟังก์ชันที่อยู่ในด้านหันออกนอกตัวบ้าน อย่างห้องนอนและห้องน้ำ สถาปนิกก็ได้ออกแบบฟาซาดระแนงสีขาวเข้ากับตัวบ้าน มาทำหน้าที่กรองแสงแดด และอำพรางสายตา เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

Glass House ห้องนั่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติ

Glass House เป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกต่อเติมขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในบ้าน และชานไม้ที่ยื่นออกไปในสวนน้ำตกจำลอง ซึ่งสถาปนิกตั้งใจออกแบบพื้นที่นี้ ให้คล้ายกับเรือนกระจก โดยมีการติดตั้งบานกระจกอะลูมิเนียมรอบด้าน เพื่อเปิดรับมุมมองทัศนียภาพในหลากหลายมิติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับรู้ถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

อยู่สบาย ปลอดภัย รับมือได้ทุกสภาพอากาศ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศได้ไม่มีสะดุด คือ การสร้างความปลอดภัยในขณะใช้งาน ซึ่งหน้าต่างบานสไลด์ รุ่น GRANTS สี Natural White จาก TOSTEM ก็สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี เนื่องจากเป็นบานกรอบอะลูมิเนียมที่ถูกออกแบบพิเศษ สามารถต้านทานแรงลมได้สูง มาพร้อมกับระบบป้องกันน้ำ 2 ชั้น ซ่อนอยู่ภายในตัวกรอบบานล่าง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกจากขอบหน้าต่าง ช่วยลดปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าสู่ตัวบ้านได้ ในขณะเดียวกันบานกรอบอะลูมิเนียม TOSTEM ก็มีความแข็งแรง ทนทานต่อแสงแดดและรังสียูวีได้สูง ไม่แตกหักง่าย และการทำสีอะลูมิเนียมแบบอะโนไดซ์ ยังช่วยทำให้สีไม่หลุดลอกหรือซีดจาง แม้ต้องเจอกับแสงแดดจ้า หรือผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

“บ้านก็เย็นขึ้นจากก่อนรีโนเวท สีอะลูมิเนียมข้างนอกที่โดนฝน โดนแดด ก็ไม่ซีด ตอนติดตั้งทาง TOSTEM ก็มีการประสานงานกับผู้รับเหมาได้ดี เพราะว่าบ้านเรามีการติดตั้งผ้าม่าน มุ้งจีบ และระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีการเดินสาย เซนเซอร์ประกบประตู-หน้าต่างทุกบาน ดังนั้นงานติดตั้งจึงมีความซับซ้อน แต่ TOSTEM ก็ได้ให้คำแนะนำ คำปรึกษาอย่างดี จนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา ก็สามารถแปลงโฉมให้เป็นบ้านในฝันได้ หากมีการออกแบบตัวอาคารที่ดี ควบคู่กับการเลือกวัสดุอย่างเหมาะสม สำหรับใครที่สนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพให้กับบ้านและการอยู่อาศัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ขอขอบคุณ

Owner : คุณอาย วราพร เธียรปรีชา และครอบครัว


The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

โทนสีขาว-ดำ เป็นอีกหนึ่งคู่สีที่นิยมในการแต่งบ้านอย่างมาก ด้วยความเรียบง่าย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเท่มีสไตล์ ก็ทำให้คนยุคใหม่หันมาเทใจให้เทรนด์ “Black & White” กันมากขึ้น

สำหรับนักออกแบบที่กำลังมองหาตัวอย่างสำหรับการดีไซน์บ้านโทนขาวดำอยู่ วันนี้ทอสเท็ม (TOSTEM) ก็มีมุมต่างๆ ในบ้าน ที่ตกแต่งเฉดขาว-ดำมาฝากกัน ลองมาเก็บไอเดียดีๆ ด้านการออกแบบ พร้อมเลือกดีไซน์กรอบประตูหน้าต่างให้สวยงามลงตัวกันเลย

The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

Smart Bedroom
คุมโทนเข้มแต่แฝงความนุ่มนวล

ห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เจ้าของห้องอยากใช้เวลาในการพักผ่อนให้ได้มากที่สุด หลายๆ บ้านจึงเลือกตกแต่งเป็นโทนสีเข้มๆ อย่างสีดำเกือบ 100% เพราะสีโทนเข้มช่วยรักษาบรรยากาศของความสงบ ปราศจากความสว่าง แต่การใช้สี

สำหรับห้องนอนโทนเข้มแบบนี้ สามารถเลือกแมตช์กับประตูบานเลื่อน TOSTEM พร้อมกรอบประตูสี Natural Black ให้ Mood ไปด้วยกันกับภาพรวมทั้งหมดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

Modern Loft Bathroom
เพิ่มมิติด้วยเฉดสีสามน้ำหนัก

สำหรับห้องน้ำในบ้านที่มีการใช้งานกันหลายคน อาจเลือกใช้เฉดสีที่ดรอปลงมาจากสีดำ เป็นสีเทาคอนกรีตสไตล์ลอฟต์ แต่ยกระดับความหรูหราและเนี้ยบขึ้นด้วยการปูกระเบื้อง พร้อมเติมเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ลุคโมเดิร์นสีขาว-ดำ ก็ช่วยทำให้บรรยากาศในห้องน้ำไม่มืดทึบเกินไป แถมยังมีเลเยอร์ของน้ำหนักสีตั้งแต่สีสว่าง สีกลาง ไปจนถึงสีเข้ม ให้รู้สึกมีมิติไม่น่าเบื่อ

และอย่าลืมเพิ่มความปลอดโปร่งให้ห้องน้ำ ด้วยหน้าต่างบานช่องแสงจาก TOSTEM ที่ช่วยรับแสงเข้ามาโดยไม่ต้องเปิดหน้าต่าง ทำให้ห้องน้ำสว่างขึ้น แมตช์กับกรอบสี Natural White ช่วยเติมเต็มลุคแบบ Modern Loft ได้ลงตัว

The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

Natural Living Room
เปิดรับธรรมชาติให้พื้นที่หลักของบ้าน

มาถึงพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นจุดพบปะของครอบครัวอย่างห้องนั่งเล่น สำหรับห้องนี้หลายๆ บ้านมักใช้เป็นห้อง Multi-Function ทั้งนั่งเล่น พักผ่อน ทานอาหาร การเลือกใช้โทนสีขาวเป็นส่วนใหญ่ พร้อมออกแบบให้เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวภายนอกได้มาก จะช่วยเสริมสร้างพื้นที่ที่ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยใช้เฟอร์นิเจอร์หลักชิ้นใหญ่เป็นสีดำเข้ม อย่างโซฟาและโต๊ะทานข้าว จะช่วยให้โทนของห้องยังดูเรียบเท่สไตล์ Black & White อยู่

ซึ่งสามารถเลือกใช้ประตูเลื่อนบานสูงจาก TOSTEM เพื่อเปิดมุมมองให้ห้องดูกว้างขึ้น โดยเลือกกรอบสีโทนกลางเช่น Autumn Brown ที่ให้ความเป็นธรรมชาติ เข้ากับโทนของห้องมากขึ้น


หากสนใจต้องการบานประตูหรือหน้าต่างสามารถคลิกดูแบบที่ต้องการได้เลย

TOSTEM X Malton Gates Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

TOSTEM X Malton Gates Krungthep Kreetha 
ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

TOSTEM X Malton Gates Krungthep Kreetha
เติมเต็มทุกมิติการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

แม้ว่าปัจจุบันทุกคนต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งสถานการณ์โควิด 19 หรือสภาวะมลพิษทางอากาศที่มีผลต่อคุณภาพชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มธุรกิจเฮ้าส์ซิ่งเดินหน้าออกแบบที่อยู่อาศัย เพื่อตอบสนองทุกรายละเอียดแห่งคุณค่าใหม่ของชีวิต มอบสถานที่แห่งความทรงจำ ที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้เติบโตอย่างมีความสุขไปได้นานแสนนาน

TOSTEM X MALTON GATES Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

บทความนี้ เราขอพาไปเจาะลึกการออกแบบโครงการบ้านจัดสรร ในแง่มุมของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ MAJOR DEVELOPMENT กับคุณจินดาภา จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ และ คุณวิชา วรสายัณห์ ผู้บริหาร จากบริษัท บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด แบรนด์  TOSTEM ว่ามีสิ่งสำคัญอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึงทั้งในบทบาทผู้ออกแบบและผู้ดูแลโครงการทั้งหมดตั้งแต่ต้น ภายใต้โครงการ Malton Gates Krungthep Kreetha บนคอนเซปท์ “The Gates to Well- living” บ้านที่เป็นเสมือนประตูสู่ความเป็นอยู่ที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมยกระดับคุณค่าการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน

สรรสร้างรายละเอียดบนคุณค่าใหม่แห่งการใช้ชีวิต “ Crafting Lifescape to Excellence”

“ในทุกโครงการของ MAJOR DEVELOPMENT เราจะเน้นเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง พิถีพิถันในการเลือกวัสดุคุณภาพให้ใช้ได้นาน คุ้มค่า และคุณภาพที่ดี ต้องดีจากข้างใน ดีจากการออกแบบ ฟังก์ชัน และวัสดุ เพราะฉะนั้นการคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่จะนำมาใช้ในโครงการจึงต้องผ่านหลักเกณฑ์ตามมาตรฐาน MAJOR CRAFT & QUALITY ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่จัดเตรียมให้ในโครงการ ที่ส่งเสริมเรื่อง Well-being ยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดี” คุณจินดาภา เริ่มต้นเล่าถึงสิ่งที่เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองทุกรายละเอียดของชีวิต

ไปจนถึงโครงการยังคำนึงถึงการออกแบบเพื่อสุขภาวะที่ดี ตอบโจทย์ชีวิตได้ครอบคลุม 6 มิติ

  • The Gates to Well Design การออกแบบสง่างามเหนือกาลเวลา รองรับการใช้ชีวิตของคนทุกวัย 
  • The Gates to Well Community สังคมดี มอบความเป็นส่วนตัวและสังคมคุณภาพ 
  • The Gates to Well Rest พักผ่อนดี คัดสรรโซลูชันเพื่อสุขภาวะที่ดี อาทิ ระบบบ้านปลอดฝุ่น PM2.5 
  • The Gates to Well Essence สิ่งแวดล้อมที่ดี ผ่อนคลายด้วยสวนสีเขียวขนาดใหญ่ และผนึกปัญญ์ปุริ (PAÑPURI) มอบสุนทรียภาพในการอยู่อาศัย
  • The Gates to Well Health ดูแลสุขภาพลูกบ้านแบบ Preventive มอบชุดตรวจสุขภาพทางไกล TytoCare และแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพ EngageCare ภายใต้การดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยววชาญ รพ.สมิติเวช
  • The Gates to Well Service บริการเหนือระดับจาก Major Concierge คอยช่วยอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งหมดได้สะท้อนการสร้างสังคมแห่งคุณภาพ และให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้อยู่อาศัยทั้งกายและใจได้มีความสุขอย่างยืนยาว ดังนั้นจึงใส่ใจการออกแบบทุกพื้นที่ ทั้งตัวบ้าน พื้นที่ส่วนกลาง ภูมิทัศน์รอบๆ รวมทั้งยังใส่ใจไปถึงการเลือกวัสดุทุกองค์ประกอบอย่างเข้มงวด

โครงการ Malton Gates Krungthep Kreetha เราออกแบบมาเพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่อยู่อาศัยได้หลายเจนเนอเรชัน รวมถึงคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย อย่างภายใน เน้นการออกแบบในรูปแบบดับเบิ้ลสเปซ สร้างบรรยากาศที่โปร่งโล่ง และมองออกไปที่คอร์ตข้างนอกได้ บ้านทุกหลังที่นี่เป็นลักษณะรูปตัว C มีคอร์ตเอาต์ดอร์ตรงกลางที่หันไปทางข้างบ้าน ทำให้มีพื้นที่สีเขียวที่เป็นส่วนตัว และยังใส่ใจไปถึงการเลือกต้นไม้ในโครงการ อาทิ ต้นสนหรือแม้แต่ไม้พุ่มก็จะเป็นสนใบพาย ก็จะทำให้บรรยากาศของที่นี่มีความโมเดิร์นร่วมสมัย ดูเป็น Timeless Design จะดูตอนไหนก็ไม่เบื่อ ทั้งสวยงามและก็ช่วยกรองมลพิษไปในตัว”

ใส่ใจในทุกรายละเอียด สร้างคุณภาพ รักษามาตรฐานสูงสุด

เพราะ MAJOR DEVELOPMENT ไม่ประนีประนอมให้กับรายละเอียดแม้เพียงจุดเล็กน้อย จึงพิถีพิถันในการเลือกวัสดุคุณภาพ ตอบโจทย์ในแง่ดีไซน์ สวยงาม ฟังก์ชันการใช้งาน และต้องดูแลรักษาง่ายด้วย โดยเลือกใช้ประตู หน้าต่างของ TOSTEM ในเครือของ LIXIL บริษัทวัสดุและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างบ้านชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น แบรนด์ระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ สำหรับอาคารที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและอาคารสูง ที่มีชื่อเสียงในวงการมานานถึง 100 ปี  ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ทั้งระดับสากลและจากญี่ปุ่น

คุณจินดาภา อธิบายถึงจุดเด่นการออกแบบบ้านในโครงการ  Malton Gates Krungthep Kreetha ที่ตั้งใจมอบความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย  ไม่ว่าจะเป็นแง่ของการเชื่อมพื้นที่ การรับรู้ด้านการมองเห็น หรือป้องกันเสียงรบกวน “ซึ่งคุณสมบัติของกรอบประตู-หน้าต่าง TOSTEM  สามารถกันเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี ทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไร้กังวลของผู้อยู่อาศัย และอีกองค์ประกอบสำคัญ ก็คือความปลอดภัย อาทิ ประตู มีการกรุยางรอบตัววงกบ ป้องกันอุบัติเหตุประตูหนีบมือ  มีระบบล็อกป้องกันการงัดแงะ และมีความสวยงามแบบเรียบหรู ตอบโจทย์กับบ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก”

เบื้องหลังการร่วมงานกันระหว่าง  MAJOR DEVELOPMENT และ TOSTEM คุณวิชา เล่าให้ฟังว่าจากจุดประสงค์ของโครงการ ที่ต้องการให้ดีไซน์สะท้อนถึงการอยู่อาศัยที่มีรสนิยม สะท้อนความภาคภูมิใจในชีวิตของลูกบ้าน จึงนำมาสู่การออกแบบสไตล์ Modern Classic ที่ผสานกลิ่นอายความเป็นอังกฤษ โทนสีจึงออกมาเป็นสีเรียบง่ายดำขาว จึงได้เลือกใช้หน้าต่างเป็นวัสดุอะลูมิเนียมสีดำ เพื่อให้ตัดกับตัวผนังสีขาว รวมทั้งสินค้าประตูหน้าบ้านรุ่น GIESTA และ AIRFLOW Door ที่มีความเรียบง่ายและสวยงาม เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นได้เป็นอย่างดี

“ที่สำคัญวัสดุอลูมิเนียมของ TOSTEM ตรงกับคอนเซปต์ของโครงการ Malton Gates Krungthep Kreetha ที่คงความสวยงามเหนือกาลเวลา เนื่องจากใช้เทคโนโลยีการชุบสีอะโนไดซ์ (Anodized) คือการนำเส้นอะลูมิเนียมลงชุบด้วยกระแสไฟฟ้า  แล้วจึงเข้ากระบวนการอบผิวเพื่อความทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ และช่วยให้บ้านสวยงามมากยิ่งขึ้น”

เติมเต็มชีวิต Well-living ให้กับลูกบ้านทุกคน

คุณวิชา เล่าถึงคุณสมบัติ GIESTA ผลิตภัณฑ์ประตูเหล็กลายไม้คุณภาพสูง ติดตั้งระบบมือจับที่ใช้งานง่าย พร้อมระบบล็อคนิรภัยที่แน่นหนา ให้ความสะดวกสบายกับผู้ใช้งานทุกคนและ AIRFLOW Door ผลิตภัณฑ์ที่ถูกดีไซน์ เพื่อสร้างการระบายอากาศด้วยตัวบานเลื่อนแนวตั้งขนาดใหญ่ แม้ในเวลาที่ปิดล็อกประตูอยู่ ทำให้มั่นใจได้ในด้านความปลอดภัย  ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมทั้งช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ Well-living ในทุกๆ วัน

“ประตูหน้าบ้านรุ่น GIESTA สี Turin Pine เป็นบานสูงโปร่ง ดีไซน์ที่มาพร้อมช่องกระจก สามารถรับแสงธรรมชาติได้ ช่วยให้พื้นที่ในบ้านดูสว่างมากขึ้น ถ้าดูจากภายนอก ประตูรุ่นนี้จะดูเหมือนเป็นวัสดุไม้เข้ากับบ้านสไตล์อังกฤษของโครงการ แต่จริงๆ ตัววัสดุเป็นแผ่นเหล็ก หุ้มด้วยแผ่นเรซินลายไม้ Resin Laminated Sheet ด้านในบุโฟม อีพีเอส Expanded Polystyrene เป็นโฟมที่ไม่ลามไฟ คุณสมบัติป้องกันการถ่ายเทความร้อน ทำให้บ้านเย็นขึ้น”

TOSTEM X MALTON GATES Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ประตูรุ่น GIESTA

ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ตอบโจทย์กับทางคอนเซปต์หลัก The Gate to Well-living ของทางมอลตัน เกทส์ กับคำว่า The Gates to Well Design (ออกแบบดี) โดยยึด Universal Design เป็นหลักการออกแบบเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่และเท่าเทียมกัน รองรับทุกขนาดของครอบครัว รวมถึงเมื่อครอบครัวขยายใหญ่ เพราะฉะนั้นลักษณะการเปิดปิดประตูหน้าต่าง จะต้องมีดีไซน์ที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้สูงอายุ สามารถที่จะเปิดปิดได้ง่าย

“และอีกสิ่งที่เราตอบโจทย์ก็คือ The Gates to The Rest (พักผ่อนดี) ที่เราต้องการบ้านที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งในส่วนห้องครัวเป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านไว้ทำอาหารหรือรับประทาน ทำให้อาจมีกลิ่นอบอวลอยู่ในนั้น TOSTEM จึงนำเสนอตัวประตูตัวหนึ่งในห้องครัวเรียกว่าประตูรุ่น AIRFLOW Door ที่มีกลไกสำหรับเปิดเป็นช่องว่างให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดบานประตูหรือหน้าต่าง ลมจากภายนอกจะพัดเข้ามาและออกไปตามทิศทางลม ช่วยให้ระบายความร้อน ทำให้บ้านเย็นสบาย”

AIRFLOW DOOR

มากกว่านั้น ประตูและหน้าต่างบานเลื่อนของ TOSTEM ทุกบาน จะมีตัวล็อกตรงกลาง ทำให้บานเลื่อนบีบเข้าหากันแน่นหนา หมดห่วงเรื่องผู้บุกรุก พร้อมตัวล็อกหน้าต่างแบบ Multi-lock ล็อก 2 จุด ได้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและยังสามารถกั้นเสียงและกันฝุ่นเนื่องจากมีตัวยางหุ้มรอบด้าน

มาตรฐานพื้นที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งผู้ออกแบบและผู้อยู่อาศัย

ด้วยความที่ MAJOR DEVELOPMENT ไม่ได้จบกระบวนการทำงานในวันที่คุณซื้อบ้าน แต่คำนึงถึงทุกๆ ประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพื่อมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้เป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เจนเนอเรชัน บ้านต้องดีและอยู่คู่กับผู้อาศัยได้อย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์และฟังก์ชัน ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM เป็นอีกการการันตีในระดับพรีเมียม ที่มอบให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตในบ้านอย่างอุ่นใจไร้ความกังวล ผ่านความงามจากวัสดุดีมีคุณภาพสูงในการสร้างบ้าน

v

“อย่างจุดเด่นที่นี่ตั้งใจนำเสนอคือเน้นการเปิดช่องแสงเพื่อสร้างความโปร่งโล่งสบายให้กับตัวบ้าน ซึ่งสินค้าของ TOSTEM มีขนาดประตู-หน้าต่างตามดีไซน์และคุณภาพที่ต้องการ” คุณจินดาภาอธิบายข้อดีของการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล ว่าช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือในฝั่งเจ้าของโครงการ ทั้งยังสะดวกต่อการติดตั้ง ทำให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น

TOSTEM X MALTON GATES Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ส่วนทาง TOSTEM กล่าวว่าในระยะหลังๆ ผู้อยู่อาศัยหรือเจ้าของบ้านเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุและประตู หน้าต่างมากขึ้น เพราะการเลือกประตู หน้าต่างคุณภาพดี ทำให้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลว่าน้ำจะรั่วซึมหรือระบบล็อก ที่ได้มาตรฐานและจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการอยู่อาศัยและด้วยความใส่ใจผู้บริโภคในทุกรายละเอียด TOSTEM จึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่าให้มากที่สุด รวมถึงปรับให้สอดรับกับการใช้งานของคนไทย

“อย่างตัวโครงการนี้ทำโถงที่ค่อนข้างสูง และในเชิงเทคนิคการที่จะทำประตูหน้าต่างสูงๆ ต้องออกแบบให้รับน้ำหนักกระจกได้ เปิดปิดได้ง่ายต่อการใช้งาน และต้องสอดรับกันการออกแบบที่สวยงาม ซึ่ง TOSTEM เองมีระบบที่เรียกว่า Pre – Engineering คำนวณและทดสอบสินค้า เหมือนกับบริษัทที่ญี่ปุ่น ฉะนั้นไม่ว่าจะแง่ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เองหรือผู้อยู่อาศัยหรือเจ้าของบ้านการเลือกวัสดุประตูหน้าบ้าน ต้องตอบโจทย์ทั้งเรื่องของฟังกชันและความสวยงามด้วย เพื่อมอบความมั่นใจให้แก่ผู้อยู่อาศัย และสะท้อนแนวคิดการออกแบบสไตล์ Modern Luxury ของโครงการ”

TOSTEM X MALTON GATES Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

แน่นอนว่าคุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ในโครงการบ้านจัดสรร ย่อมส่งผลโดยตรงกับอาคาร ซึ่งหากคัดสรรวัสดุที่ดีมีคุณภาพ ก็จะยิ่งส่งเสริมให้การสร้างสรรค์ก่อสร้างโครงการเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะเดียวกันการเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ ยังส่งผลต่อดีเฉพาะต่อผู้อยู่อาศัย รวมถึงยังสามารถส่งเสริมความน่าเชื่อถือของผู้สร้างและผู้ออกแบบได้อีกด้วย

สำหรับผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียดโครงการ Malton Gates Krungthep Kreetha เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3LuLChy หรือสนใจผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม แบรนด์ TOSTEM ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://tostemthailand.com/ และสามารถชมอี-แคตตาล็อก ได้ที่ https://bit.ly/42fSFAE หรือสอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่ TOSTEM Thailand  

ทำสีหน้าต่างอะลูมิเนียมแบบไหนดีที่สุด?

ทำสีหน้าต่างอะลูมิเนียมแบบไหนดีที่สุด?

ทุกวันนี้การเลือกหน้าต่างอะลูมิเนียมให้กับบ้านหรืออาคาร ไม่ได้เน้นเพียงแค่เรื่องของฟังก์ชันการใช้งานเท่านั้น แต่ยังใส่ใจไปถึงเรื่องรูปลักษณ์หน้าตา รวมถึงสีสันที่ต้องมาควบคู่กันไปด้วย เพราะสีสันก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ภาพจำของตัวบ้านมีความสวยงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เราจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับนวัตกรรมการทำสี 4 รูปแบบ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม ให้เลือกกันดูว่า การทำสีแบบไหนจะตอบโจทย์และเหมาะสมลงตัวกับหน้าต่างของคุณมากที่สุด 

ทำสีหน้าต่างอะลูมิเนียมแบบไหนดีที่สุด?
สีลายไม้ ให้ผิวสัมผัสธรรมชาติ

‘เทรนด์สีธรรมชาติ’ ถือเป็นเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในบ้านเราเป็นอย่างมาก สำหรับการนำมาใช้ตกแต่งภายในบ้าน เพราะทำให้บรรยากาศภายในดูอบอุ่น และผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากเราต้องการเพิ่มกลิ่นอายธรรมชาติให้กับอาคารหรือที่อยู่อาศัย ก็สามารถที่จะเลือกหน้าต่างอะลูมิเนียมที่มีลวดลายดูเป็นธรรมชาติอย่างลายไม้ได้เช่นเดียวกัน ผ่านการใช้เทคนิคสีพ่น พร้อมเคลือบด้วยแผ่นฟิล์มลายไม้ หลังจากนั้นจึงอบอะลูมิเนียมด้วยความร้อนเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเทคนิคนี้เรายังสามารถเลือกลายไม้ที่ต้องการได้อย่างหลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นลวดลายอย่างไม้สัก ไม้แดง ไม้มะค่า เป็นต้น นอกจากนี้การใช้อะลูมิเนียมลายไม้ยังสามารถให้ผิวสัมผัสที่คล้ายคลึงกับไม้จริง จนเรียกได้ว่า สามารถทดแทนบานหน้าต่างที่ใช้วัสดุไม้จริง ซึ่งมีราคาสูง ดูแลรักษายากกว่า และไม่แข็งแรงทนทานเท่าอะลูมิเนียม

ทำสีหน้าต่างอะลูมิเนียมแบบไหนดีที่สุด?
สีพ่น (Powder Coat) สร้างสรรค์ไอเดียได้หลากหลาย

อุตสาหกรรมในหลายแห่งมักนิยมใช้สีพ่น (Powder Coat) ที่เป็นการใช้สีฝุ่นพ่นลงบนพื้นผิวของอะลูมิเนียม ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะเลือกสีสันอะลูมิเนียมได้ตามความต้องการ หรือหากใครมีไอเดียในการออกแบบก็สามารถเพิ่มเติมกิมมิกผิวสัมผัสแบบพิเศษให้กับอะลูมิเนียม เพื่อให้ดูน่าสนใจมากขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น การพ่นแบบซาฮาร่าที่ให้ผิวสัมผัสเหมือนกับเม็ดทราย หรือจะเป็นการพ่นผิวแบบผิวเงา หรือผิวด้านก็สามารถทำได้เช่นกัน

               ซึ่งข้อดีในการใช้สีพ่นคือ ความหลากลายของสี เนื้อสีไม่หลุดร่อนง่าย แถมยังทนทานต่อทุกสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี แต่การเลือกใช้สีพ่นก็ยังมีข้อเสียตรงที่เนื้อสีบนอะลูมิเนียมอาจจะไม่มีมิติมากเท่าไหร่นัก และเมื่อใช้ไปในระยะเวลานานสีอาจจะซีดจางลงได้

ทำสีหน้าต่างอะลูมิเนียมแบบไหนดีที่สุด?
สีพ่น (Powder Coat) และอบ ให้สีติดทนนานกว่าเดิม

หากต้องการสีอะลูมิเนียมที่มีความคงทนมากยิ่งขึ้นก็สามารถใช้เทคนิคการพ่นสีอะลูมิเนียม (Powder Coat) และเพิ่มเติมการอบด้วยความร้อนอีกขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งนอกจากความคงทนของสีแล้ว ยังให้ให้มิติของสีสันมากกว่าสีพ่นแบบปกติ แถมยังสามารถออกแบบสีสันได้ตามความต้องการได้อีกด้วย แต่ด้วยเทคนิคที่มีความซับซ้อนจึงมีค่าใช้จ่ายในการทำค่อนข้างสูง และไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก

ทำสีหน้าต่างอะลูมิเนียมแบบไหนดีที่สุด?
การชุบสี (Anodized) นวัตกรรมที่ทำให้อะลูมิเนียมมีมิติมากยิ่งขึ้น

ด้วยนวัตกรรมด้านสีที่พัฒนาขึ้นทุกวัน อีกรูปแบบของการทำสีอะลูมิเนียมที่น่าสนใจก็คือ การชุบสี (Anodized) ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยี Electrolytic Coloring หรือการทำสีด้วยระบบกระแสไฟฟ้าเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต โดยก่อนทำการชุบสีจะนำอะลูมิเนียมไปผ่านกระบวนการทางเคมีไฟฟ้าที่เรียกกว่า อะลูมิเนียมออกไซด์ (Aluminum Oxide) ลงไปบนชั้นผิวอะลูมิเนียมจนเกิดเป็นรูพรุนจำนวนมาก จากนั้นจึงเติมสีแบบโลหะด้วยประจุไฟฟ้าลงไปที่อะลูมิเนียม เนื้อสีจะเข้าไปตามรูพรุนต่างๆ จนเป็นเหมือนชั้นฟิล์มเคลือบอะลูมิเนียม จากนั้นจึงเข้ากระบวนการอบผิวอีกครั้งเพื่อให้สีทนทานมากยิ่งขึ้น
วิธีนี้ช่วยสร้างผลดีให้กับเนื้อสี และตัวอะลูมิเนียม เพราะไม่ทำให้เกิดการผุกร่อน ให้สีสันที่มีมิติสวยงาม ไม่เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย คงทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้ยังคงทนต่อรังสี UV และน้ำฝนที่เป็นสาเหตุให้สีซีดจาง รวมไปถึงยังคงผิวสัมผัสลื่น และความเรียบเนียน

ทำสีหน้าต่างอะลูมิเนียมแบบไหนดีที่สุด?
เลือกใช้เทคนิคสีของหน้าต่างให้เหมาะสม เพื่อบ้านที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด

จะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้การทำสีอะลูมิเนียมนั้นมีกระบวนการทำสีที่แตกต่างกัน จึงต้องดูว่าบานหน้าต่างอะลูมิเนียมของเรานำไปใช้ติดตั้งในพื้นที่ส่วนไหน หรือ ต้องการลวดลายและมิติของสีมากน้อยเพียงใด รวมไปถึงเรื่องของงบประมาณด้วย

ซึ่งถ้าต้องการลวดลายที่เป็นธรรมชาติก็แนะนำให้ใช้วิธีการทำสีแบบลายไม้ แต่ถ้าต้องการทำเฉดสีสไตล์โมเดิร์นอย่างเฉดสีเทาจนถึงเฉดสีดำที่มีมิติ แข็งแรงทนทาน ดูแลรักษาง่าย และมีราคาถูก ก็แนะนำให้เลือกการชุบสี (Anodized) เพราะเป็นการเคลือบสีที่ลงลึกไปถึงด้านในของอะลูมิเนียม ที่มีคุณภาพกว่าการทำสีเทคนิควิธีอื่นๆ  

ทำสีหน้าต่างอะลูมิเนียมแบบไหนดีที่สุด?
e-Catalog สี DUSK GRAY

ซึ่งทาง TOSTEM ก็มีผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้วิธีชุบสีแบบ Anodized ให้กับกรอบหน้าต่าง ซึ่งให้มิติสีสันที่สวยงาม ไม่เกิดรอยขีดข่วนง่าย แถมยังคงทนต่อทุกสภาพอากาศ อย่าง Dusk Gray สีเทาเข้มเหลือบน้ำเงิน ที่ได้แรงบันดาลใจมาช่วงพระอาทิตย์ตกดินในยามพลบคล่ำของประเทศญี่ปุ่น เป็นการเชื่อมสีสันให้สีของหน้าต่างดูอบอุ่นเช่นเดียวกับเส้นของขอบฟ้าได้อย่างสวยงาม

หากใครที่กำลังวางแผนตกแต่งบ้านหรือสร้างบ้านใหม่ทาง TOSTEM ก็ยังมีหน้าต่างและประตู อะลูมิเนียมดีไซน์ทันสมัยอีกหลากหลายรุ่นให้ได้เลือกสรรกันว่าแบบไหนจะเหมาะสมกับสไตล์บ้านของเรามากกว่ากัน  

OSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra

TOSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra บ้านที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย

OSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra

TOSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra
บ้านที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย

การเลือกใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพสูงในการสร้างบ้าน นอกจากจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตในบ้านอย่างอุ่นใจไร้ความกังวลแล้ว ยังช่วยสะท้อนแนวคิดการออกแบบและตัวตนของคนในบ้านอย่าง  Providence Lane Ekkamai-Ramintra   ที่ตั้งใจออกแบบให้บ้านที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย ผ่านความงามวัสดุและดีไซน์ที่เรียบง่าย

วันนี้เราจึงมาเล่า 5 สิ่งที่น่าสนใจจาก  TOSTEM แบรนด์ผลิตภัณฑ์ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมคุณภาพสูงจากญี่ปุ่นที่มาเติมเต็มโครงการ Providence Lane Ekkamai-Ramintra บ้านเดี่ยวสไตล์ Luxury Modern ให้เป็นบ้านที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดย 2 ผู้บริหาร คุณวิชา วรสายัณห์ จากบริษัท LIXIL (Thailand) แบรนด์ TOSTEM และคุณณพน เจนธรรมนุกูล จากบริษัท   สัมมากร (Sammakorn)

OSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra
คุณวิชา วรสายัณห์ จากบริษัท LIXIL (Thailand) แบรนด์ TOSTEM
OSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra
คุณณพน เจนธรรมนุกูล จากบริษัทสัมมากร (Sammakorn)

OSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra

บ้านที่เป็นเหมือนผืนผ้าใบให้ผู้อยู่อาศัยได้มาแต่งแต้มสีสัน

Providence Lane Ekkamai-Ramintra  โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury บนเนื้อที่ 3 ไร่ ย่านเลียบด่วน เอกมัย – รามอินทรา เป็นย่าน Residential Area ด้วยสภาพแวดล้อมโดยรอบที่มีความคึกคักและใกล้สถานที่สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงเรียนนานาชาติ และยังเชื่อมต่อกับความเป็นเมืองอย่างพหลโยธิน-ลาดพร้าว พระรามเก้า–รามคำแหง รวมถึงย่านใจกลางเมืองที่มีสีสันอย่างเอกมัย -ทองหล่อ

ทางสัมมากรจึงมองว่าโครงการนี้เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ชอบทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตในเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการความสงบและเป็นส่วนตัวในชีวิตประจำวัน จึงนำมาสู่คอนเซ็ปต์การออกแบบ ‘Defining Me’    บ้านที่บ่งบอกตัวตนของผู้อยู่อาศัย สะท้อนความคิด ความชอบหรือเรื่องราวของแต่ละคนผ่านฟังก์ชันและดีไซน์ ออกมาบนสเปซที่ทางโครงการตั้งใจออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่น สามารถรองรับได้ทุกกิจกรรมและความต้องการ

TOSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra

โดยในพื้นที่บ้านมีทั้งหมด 3 ชั้น ถูกแบ่งออกเป็น 2 ปีก ในชั้นแรกจะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร ครัว สวนและสระว่ายน้ำ ชั้นสองเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวของเจ้าของบ้าน สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงาน พื้นที่นั่งเล่นแบบส่วนตัว หรือเติมเต็มด้วยกิจกรรมงานอดิเรกก็ได้ และในชั้นบนสุดจะเป็น Master Suite ที่เชื่อมสเปซเข้าหากันหมดทั้งชั้น สามารถออกแบบขนาดและฟังก์ชันในห้องนอนได้อย่างเต็มที่

1. สร้างความเป็นส่วนตัวให้ใส่ความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่

การออกแบบบ้านให้ผู้อยู่อาศัยสามารถแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่าเรื่องแรกที่ต้องคำนึง คือ เรื่องความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นแง่ของการเชื่อมพื้นที่ถึงกัน การรับรู้ด้านการมองเห็น หรือการป้องกันเสียงรบกวน ดังนั้นแปลนบ้านของ Providence Lane Ekkamai-Ramintra จึงถูกออกแบบมาเพื่อเปิดสเปซเข้าหา Courtyard ในกลางบ้านแทนการเปิดออกไปนอกบ้าน โดยเชื่อมการมองเห็นของแต่ละฟังก์ชันทั้ง 3 ชั้นด้วยประตู-หน้าต่าง ทำให้คนในบ้านยังสามารถรู้สึกเชื่อมต่อกันได้แม้จะอยู่คนละส่วนของบ้าน ในขณะเดียวกันด้วยคุณสมบัติของกรอบประตู-หน้าต่าง TOSTEMที่สามารถกันเสียงรบกวนจากด้านนอกได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้มีความเงียบสงบมากยิ่งขึ้น ทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่มีความปลอดภัย ไร้กังวลของผู้อยู่อาศัย

2. ตอบโจทย์กับดีไซน์ DOUBLE VOLUME SPACE

อีกหนึ่งจุดเด่นดีไซน์ที่ Providence Lane Ekkamai-Ramintra ตั้งใจนำเสนอคือ Translucent Design ที่เน้นการเปิดช่องแสงเพื่อสร้างความโปร่งโล่งสบายให้กับตัวบ้าน ดังนั้นจึงมีการเลือกใช้ประตูหน้าต่างที่ค่อนข้างใหญ่เพื่อให้แสงและลมสามารถเข้ามาได้สะดวก โดยเฉพาะพื้นที่ Double Volume Space ที่มีช่องเปิดสูง 2 ชั้น เชื่อมต่อพื้นที่รับประทานอาหาร สระว่ายน้ำ สวนกลางบ้านเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งสินค้าของ TOSTEM ก็สามารถตอบโจทย์กับดีไซน์นี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเราสามารถสั่งผลิตขนาดประตู-หน้าต่างได้ตามดีไซน์ที่ต้องการ ซึ่งเป็นข้อดีที่ช่วยเปิดโอกาสให้เจ้าของโครงการ ผู้ออกแบบหรือแม้กระทั่งผู้อยู่อาศัยเองสามารถสร้างบ้านออกมาได้ตามแบบโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องวัสดุ ซึ่งหน้าต่างบานกระทุ้งและบานเลื่อนที่ใช้ในโครงการนี้จะเป็นรุ่น P7, WE PLUS และ WE70 และประตูทางเข้าบ้านรุ่น GIETSA สี Turin Pine ที่มีความเรียบง่ายและสวยงาม เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นได้เป็นอย่างดี

3. ขับเน้นความงามอย่างเรียบง่ายตรงไปตรงมาของ BAUHAUS

หากกล่าวถึงดีไซน์ของบ้านที่นี่ นอกจากสไตล์ ‘โมเดิร์น’ แล้ว ทางโครงการยังใส่ความงามแบบ ‘BAUHAUS’ เข้ามา ซึ่งสาเหตุที่เลือกใช้ Bauhaus มาจากคอนเซ็ปต์ Defining Me ที่ต้องการให้ความเป็นตัวเองของผู้อยู่อาศัยเด่นออกมามากกว่าตัวบ้าน ดังนั้นจึงกลายเป็นสไตล์โมเดิร์นที่มีความเรียบง่าย ดูอบอุ่น ไม่ฉูดฉาด สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบของ Bauhaus ที่ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป คงเหลือไว้เพียงความงามที่เกิดการผสานดีไซน์และฟังก์ชันเข้าด้วยกันอย่างเรียบง่ายและปราณีต

‘อะลูมิเนียม’ ถือเป็นหนึ่งในวัสดุตัวแทนของดีไซน์ Bauhaus ที่เรามักเห็นมาคู่กันเสมอ ในโครงการนี้เองก็มีการเลือกใช้ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสี Shine Gray เพื่อสะท้อนนิยามความเป็น Luxury ในฉบับของโครงการเอง และด้วยนวัตกรรมการชุบสีพื้นผิวด้วยไฟฟ้าหรือเรียกว่า อะโนไดซ์ (Anodizing) พร้อมชั้นเคลือบ TEXGUARD ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ TOSTEM ให้สีอะลูมิเนียมที่มีความสวยงาม มีความทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ และทำความสะอาดง่ายอีกด้วย

4. สุนทรียะที่มาพร้อมกับความปลอดภัยในบ้าน

หลายคนเชื่อว่า ‘บ้านคือเซฟโซนของเรา’ และคำนี้ก็ดูจะใกล้เคียงกับบ้านใน Providence Lane Ekkamai-Ramintra นอกจากโครงการจะเน้นสอดแทรกความสุนทรียะให้อยู่ในทุกกิจกรรมแล้ว ในขณะเดียวกันก็ใส่ใจการออกแบบบ้านให้ผู้อยู่อาศัยสามารถอยู่บ้านได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นการเลือกวัสดุที่ดีมีคุณภาพก็ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจได้ว่าปัญหาต่าง ๆ ในบ้านจะไม่เกิดขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษามาก อย่างหน้าต่างของ TOSTEM นอกจากคุณสมบัติกันเสียงแล้ว ยังช่วยกันอากาศรั่วไหลและการรั่วซึมของน้ำ ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทยเราที่อยู่ในเขตร้อนชื้น ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ว่ามีพายุฝนหรือแดดร้อนจัดก็ยังสามารถใช้ช่วงเวลาพักผ่อนในบ้านได้สบาย ๆ นอกจากนี้ประตู-หน้าต่างของ TOSTEM ที่ใช้ในโครงการยังมีระบบล็อกอย่างแน่นหนาปลอดภัย

TOSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra

5. มาตรฐานที่ควบคู่กันไประหว่างงานออกแบบและวัสดุ

ทุกองค์ประกอบการออกแบบ ทุกวัสดุที่ใช้ก่อร่างสร้างบ้านขึ้นมาล้วนสามารถบ่งบอกถึงระดับมาตรฐาน ความใส่ใจ รวมถึงคุณภาพการอยู่อาศัยที่เราจะได้รับจากโครงการนั้น ๆ ได้ ดังนั้น Providence Lane Ekkamai-Ramintra ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดการออกแบบตั้งแต่โครงสร้างไปจนถึงการเลือกสรรวัสดุที่นำมาใช้ อย่าง TOSTEM ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมที่มีคุณภาพสูงที่ถูกพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถใช้งานท่ามกลางสภาพอากาศอันรุนแรงของประเทศญี่ปุ่น ทั้งหนาวจัด ร้อนจัด รวมถึงต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ โดยมีการการันตีผ่านการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานทั้ง JIS ของประเทศญี่ปุ่น และ ASTM ของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อมอบความมั่นใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยและสะท้อนความเป็น Modern Luxury ของโครงการ

TOSTEM x Providence Lane Ekkamai-Ramintra

คุณณพน เจนธรรมนุกูล จากบริษัทสัมมากร Sammakorn (ซ้าย) และคุณวิชา วรสายัณห์ จากบริษัท LIXIL (Thailand) แบรนด์ TOSTEM (ขวา)

เมื่อการออกแบบสถาปัตยกรรมและวัสดุที่ดีมาผสานรวมกัน จึงทำให้บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่สะท้อนตัวตนของเรา และพาเราหลีกหนีจากความวุ่นวายข้างนอก แล้วหันมาใช้ช่วงเวลากับตัวเองหรือครอบครัวได้อย่างเต็มที่

หากใครที่สนใจสินค้าผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมคุณภาพสูงของ TOSTEM สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อี-แคตตาล็อก หรือสอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่ TOSTEM Thailandและหากสนใจเยี่ยมชมโครงการ Providence Lane Ekkamai-Ramintra สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/3XFKoni

Facebook
Twitter
LinkedIn
Email