รู้จักกระจกที่ใช้กับกรอบบานอะลูมิเนียม

รู้จักกระจกที่ใช้กับกรอบบานอะลูมิเนียม

กระจกมีหน้าที่สำคัญสำหรับกั้นแบ่งสองพื้นที่ออกจากกัน แต่ในขณะเดียวกัน คุณสมบัติความโปร่งใสหรือโปร่งแสงของกระจกก็เป็นเหมือนกับการหยิบยืมบรรยากาศของฝั่งตรงข้ามมาใช้งาน กระจกจึงมีส่วนสำคัญกับคอนเซ็ปต์ “Inside Out-Outside In” หรือการดึงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาเป็นวิวของบ้าน และทำให้ภายในบ้านเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศภายนอก

หากแต่เบื้องหลังกระจกใสยังมีคุณสมบัติที่แตกต่าง ซึ่งเกิดขึ้นจากนวัตกรรมการพัฒนาวัสดุเพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้งานและรูปลักษณ์ที่ผู้ใช้งานต้องการ ซึ่งกรอบบานอะลูมิเนียมก็เป็นหนึ่งในวัสดุยอดนิยมสำหรับติดตั้งเป็นกรอบบานหน้าต่างและประตูของบ้าน ด้วยข้อดีมากมายทั้งเรื่องความทนทานและความสวยงาม การเลือกกระจกใช้งานให้เหมาะสมกับบานกรอบอะลูมิเนียมจึงเป็นเหมือนกับการจับคู่อย่างไรให้ลงตัว เพื่อให้ช่องเปิดนี้มีดีไซน์และใช้งานได้ดีตลอดอายุการใช้งาน

กระจกเทมเปอร์ : Tempered Glass

(เครดิตภาพ Farallon)

นับเป็นกระจกนิรภัยที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยความแข็งแกร่งที่ถูกพัฒนามากขึ้นกว่ากระจกใสในอดีต ซึ่งความแข็งแกร่งนี้เกิดจากการสร้างแรงอัดให้กับผิวของกระจกแล้วให้ความเย็นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวภายนอกสามารถต้านแรงกระทำได้มากกว่าเดิมและแข็งแรงขึ้นถึง 4 เท่า แต่หากโดนแรงกระแทกจนแตกแล้ว กระจกเทมเปอร์จะแตกแบบละเอียดทั้งแผ่น ไม่ใช่แบบรอยร้าวเหมือนกระจกทั่วไป ดังนั้น การเลือกกระจกเทมเปอร์จึงมีข้อควรรู้คือ ควรวัดไซส์ที่ต้องการใช้งานให้เรียบร้อย เพราะกระจกที่ผ่านกระบวนการเทมเปอริงแล้วจะไม่สามารถถูกตัดหรือกระแทกได้อีก

กระจกลามิเนต : Laminated Glass

(ภาพจาก trombe.co.uk)

อีกรูปแบบหนึ่งของกระจกนิรภัยที่เกิดจากการนำกระจกสองชิ้นมาประกบกันด้วย Polyvinyl Butyral หรือ PVB ซึ่งเป็นแผ่นฟิล์มที่ทำให้กระจกยึดเกาะกันได้สูงและใสเป็นพิเศษ ซึ่งข้อดีของฟิล์มตัวนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดกระจกแตก แผ่นฟิล์มจะทำหน้าที่ยึดตรึงกระจกไว้ เศษกระจกจึงแตกสร้างอันตรายให้ผู้ใช้งาน รวมทั้งความพิเศษจากการเป็นกระจกสองชั้น จึงกันเสียงและกันรังสีอัลตราไวโอเล็ตได้ดีกว่ากระจกธรรมดา วิธีการสังเกตกระจกลามิเนตก็คือ ลองพลิกสันของกระจกขึ้นมาดู จะเห็นเป็นกระจกสองแผ่นประกบติดกันแบบแซนด์วิชโดยมีชั้นฟิล์มบางๆ อยู่ตรงกลาง

กระจกอินซูเลต / กระจกสองชั้น : Insulated Glass

(เครดิตภาพ Peter Jurkovič)

กระจกชนิดนี้เกิดจากกระจกสองชิ้นเช่นเดียวกับกระจกลามิเนต แต่เชื่อมต่อระหว่างกระจกสองแผ่นด้วยช่องว่าง(อากาศแห้ง)หรือก๊าซอาร์กอนซึ่งเป็นก๊าซเฉื่อย ตรงกลางนี้เองที่ตัวป้องกันการถ่ายเทความร้อนจากกระจกบานหนึ่งไปยังกระจกอีกบาน อากาศภายในอีกด้านจึงมีอุณหภูมิต่ำกว่าภายนอก และเก็บกักรักษาอุณหภูมิภายในได้ดีมาก บางที่จึงอาจเรียกว่า กระจกฉนวนกันความร้อน เพราะช่องว่างตรงกลางซึ่งทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนให้กับตัวกระจกและบ้าน นอกจากการป้องกันความร้อนแล้ว เสียงก็เป็นสิ่งรบกวนอีกชนิดที่กระจกอินซูเลตสามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเกิดจากหลักการของกระจกชนิดนี้เช่นเดียวกัน

กระจกตัดแสง : Tinted Glass

(เครดิตภาพ Bamford McLeod)

ถ้าพูดถึงการทำให้บ้านเย็นลง กระจกตัดแสงน่าจะเป็นตััวเลือกแรกๆ ของคนไทย ด้วยชื่อที่บอกชัดเจนว่า กระจกตัดแสง คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดจึงเป็นการป้องกันและสะท้อนกลับพลังงานแสงอาทิตย์กลับสู่ภายนอก โดยยังคงเปิดรับแสงสว่างให้เข้ามาภายในบ้าน ความสนุกของการใช้กระจกตัดแสงคือ สีสันหลากหลายที่เกิดจาก การผสมโลหะออกไซด์ไว้ตั้งแต่ระหว่างกระบวนการผลิตกระจก อีกทั้งยังสามารถเลือกระดับการสะท้อนกลับของความร้อนสู่ภายนอก และปริมาณแสงที่ผ่านเข้ามาภายในได้ตามความต้องการอีกด้วย

กระจกสะท้อนแสง : Reflective Glass

(ภาพจาก architectural digest)

กระจกชนิดนี้เป็นขั้นกว่าของกระจกตัดแสง ซึ่งใช้หลักการเดียวกับกระจกตัดแสง เพียงแต่เปลี่ยนแปลงการเคลือบผิวด้านนอกของกระจกมาเป็นโลหะเงินบริสุทธิ์ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนฉนวนกันความร้อนจากพลังงานดวงอาทิตย์ ความพิเศษของกระจกชนิดนี้จึงอยู่ที่การประหยัดพลังงาน เพราะลดความร้อนสะสมภายในตัวบ้าน จึงช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศ ทีนี้ก็อยู่ที่เจ้าของบ้านเองแล้วว่ากระจกชนิดใดที่ตอบโจทย์หน้าที่การใช้งาน รูปลักษณ์ รวมทั้งงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งการปรึกษากับดีไซเนอร์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านประตู-หน้าต่างจะเป็นผู้ให้คำตอบที่ดีและตอบรับกับวัตถุประสงค์การใช้งานของเจ้าของได้มากที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these <abbr title="HyperText Markup Language">HTML</abbr> tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>

*