fbpx

สร้างสรรค์ความงามเหนือกาลเวลา ด้วยบานหน้าต่างสี Shine Gray

การเลือกสีที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนในรูปลักษณ์ของบ้าน โดยหนึ่งในสีที่ได้รับความนิยมมาตลอดคือ สี Shine Gray ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัย

วันนี้เราจะพาคุณไปดูตัวอย่างจากโครงการบ้านที่เลือกใช้กรอบอะลูมิเนียมสี Shine Gray จาก TOSTEM สำหรับใครที่กำลังพิจารณาการเลือกใช้กรอบสีอยู่ บทความนี้จะเป็นแนวทางที่ดีในการตัดสินใจและช่วยให้คุณเห็นว่ากรอบสี Shine Gray จาก TOSTEM สามารถเปลี่ยนโฉมบ้านของคุณให้โดดเด่นได้อย่างไร ไปชมกันเลย!


Providence Lane Ekkamai-Ramintra 

บ้านเดี่ยวสไตล์ Luxury Modern ตั้งอยู่ในย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา Providence Lane Ekkamai-Ramintra เป็นบ้านเดี่ยวที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการทั้งความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว คอนเซ็ปต์ ‘Defining Me’ ช่วยให้บ้านสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัย ผ่านฟังก์ชันและดีไซน์ที่ยืดหยุ่น รองรับกิจกรรมหลากหลาย

การออกแบบบ้านเน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยการเชื่อมต่อพื้นที่ผ่าน Courtyard กลางบ้าน และใช้ประตู-หน้าต่าง TOSTEM ที่กันเสียงรบกวนได้ดี ทำให้บ้านสงบและปลอดภัยยิ่งขึ้น

อีกทั้งโครงการนี้เลือกใช้กรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสี Shine Gray จาก TOSTEM ซึ่งสะท้อนความหรูหราและทันสมัยให้กับบ้านได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกเรียบหรู ช่วยเพิ่มมิติและความลึกให้กับบ้าน ทำให้บ้านดูโดดเด่นและมีสไตล์มากขึ้น 


CI House 

CI House: บ้านโมเดิร์นเรียบหรูจากสถาปนิก blankstudio ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านที่รักความเรียบร้อยและธรรมชาติ บนที่ดินแคบแต่ลึกขนาด 10 x 34 เมตร บ้านหลังนี้จึงถูกออกแบบในรูปทรงเหลี่ยม และเน้นสีขาวที่ให้ความรู้สึกสะอาดตา

การออกแบบภายในเป็นแบบ Open Plan เพื่อให้พื้นที่ขนาดกะทัดรัดดูกว้างขึ้น และยังให้ความสำคัญกับช่องว่าง (Void) ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้บ้านไม่รู้สึกทึบตัน การเปิดช่องว่างทั้งประตูหน้าต่างและ Skylight ช่วยให้แสงและลมธรรมชาติไหลเวียนได้ทั่วถึง ซึ่งบ้านหลังนี้เลือกใช้บานประตูหน้าต่าง TOSTEM รุ่น WE40 และ WE70 เช่น บานฟิกซ์, บานเลื่อนสไลด์, และบานเปิด กับกรอบสีอะลูมิเนียม Shine Gray เสริมให้บ้านดูคลีนและเข้ากันได้ดีกับผนังสีขาว พร้อมคุณสมบัติการชุบสีอะโนไดซ์ (Anodizing) และชั้นเคลือบ TEXGUARD ทำให้มีความทนทานและดูแลรักษาง่าย


Vi Ari

VI ARI เพนเฮาส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมบ้านเก่าในย่านอารีย์ยุค 70-80s ซึ่งถูกตีความใหม่ในสไตล์โมเดิร์นคอนเทมโพรารี ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


ในส่วนของพื้นที่ภายในทั้งหมด 3 ชั้นครึ่ง ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ไปจนถึงการออกแบบที่เน้นสร้างความต่อเนื่องระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอก โดยทางโครงการเลือกใช้ประตูและหน้าต่าง TOSTEM รุ่น ATIS ที่มาช่วยเสริมบรรยากาศหรูหราด้วยกรอบอะลูมิเนียมสี Shine Gray ทำให้ทุกมุมมองของบ้านสวยงามและน่าประทับใจ


นอกจากนี้ TOSTEM รุ่น ATIS มาพร้อมดีไซน์แบบ Streamline ไร้รอยต่อ ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างไร้ขีดจำกัด ขณะเดียวกันยังช่วยเสริมสร้างมิติให้กับพื้นที่ได้อย่างลงตัว



เช็กลิสต์ประตู-หน้าต่าง ควรเปลี่ยนหรือซ่อมแซม

แน่นอนว่าการดูแลรักษาบ้านให้ปลอดภัย เริ่มต้นจากการตรวจสอบสิ่งต่างๆ ภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะประตูหน้าต่างที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องบ้านจากสภาพอากาศภายนอกและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย

นี่คือวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถประเมินได้ว่า ควรเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่หรือซ่อมแซมให้ดีขึ้น ?

เช็กลิสต์ประตูหน้าต่าง ควรเปลี่ยนหรือซ่อมแซม

การสังเกตสัญญาณของการสึกหรอเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสมบูรณ์และประสิทธิภาพของหน้าต่างและประตูของคุณ เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมทอสเท็มมีแข็งแรงทนทาน หมดปัญหาการโก่ง บิดงอ

  • สภาพของกรอบและบานประตู
    ตรวจสอบว่ากรอบบานประตูหรือหน้าต่างมีการบิดงอ แตกหัก หรือมีรอยสนิมหรือไม่ ไปจนถึงเช็กความสมบูรณ์ของบานประตูว่าเปิดปิดได้ลื่นไหลหรือไม่

  • การรั่วซึมของน้ำและอากาศ
    ตรวจสอบว่ามีการรั่วซึมของน้ำฝนหรือไม่ โดยเฉพาะที่รอยต่อระหว่างวงกบ
    และหน้าบานและหากคุณรู้สึกว่ามีลมพัด เช่นบางครั้งอาจมีเสียงหวีดดังขึ้นมา แสดงว่าถึงเวลาต้องดำเนินการแก้ไขแล้ว

LOCK SYSTEM ฟังก์ชั่นสำคัญของประตูหน้าต่างทอสเท็ม เสริมทั้งความปลอดภัยและบานปิดสนิท
  • ระบบล็อก
    ทดสอบการทำงานของระบบล็อกหรือกลอนประตูหน้าต่างว่ายังทำงานได้ดีหรือปิดสนิทหรือไม่ และตรวจสอบว่ามีการสึกหรอหรือเสียหายของกลอนหรือปิดล็อกหรือเปล่า


บานประตูหน้าต่างของทอสเท็มใช้วัสดุคุณภาพสูง มีความแข็งแรง ทนทานใช้งานได้ยาวนาน

  • ความสะดวกในการใช้งาน
    ตรวจสอบความสะดวกในการเปิด-ปิดประตูและหน้าต่างว่ามีความคล่องตัวหรือไม่ เพราะเมื่อประตูหน้าต่างผ่านการใช้ในระยะมายาวนาน อาจเกิดปัญหาเช่นติดขัดหรือฝืดได้

หากเช็กลิสต์ด้านบนแล้ว ประตูหน้าต่างมีความเสียหายที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายอย่างชัดเจน เช่น รอยแตกใหญ่ การรั่วซึมอย่างหนัก  บานหน้าต่างหลุด หรือการทำงานที่ไม่สมบูรณ์ แนะนำว่าควรเปลี่ยนใหม่จะดีที่สุด

แต่หากปัญหาที่พบเจอเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการซ่อมแซม เช่น ปัญหาหน้าต่างและประตูที่มีลมโกรกสามารถอุดรอยรั่วหรือติดแถบกันลมได้ การเปลี่ยนซีลยางที่เสื่อมสภาพ การทาน้ำมันที่บานพับเพื่อให้การเคลื่อนไหวลื่นไหล การปรับตั้งระบบล็อกใหม่เพื่อให้ทำงานได้สมบูรณ์ การซ่อมแซมก็เป็นทางเลือกที่ดีและประหยัดกว่าการลงทุนเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด 


และเพื่อให้การตัดสินใจเปลี่ยนประตูหน้าต่างเป็นเรื่องง่ายขึ้น TOSTEM ขอมอบโปรโมชั่นพิเศษ กับ โปรโมชั่น “เปลี่ยนประตูสู่ชีวิตที่ดีกว่ากับทอสเท็ม” รับส่วนลดสูงสุดถึง 10,000 บาท* เมื่อคุณเลือกเปลี่ยนประตูเก่าเป็นประตู TOSTEM ซึ่งจะช่วยให้คุณอัปเกรดความปลอดภัยและความสะดวกสบายในบ้านได้ในราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิม เพิ่มเติมคือได้รับส่วนลดสุดปัง!

ประเภทประตูที่ร่วมรายการ

  • ประตูหน้าบ้าน GIESTA ทุกรุ่น ทุกแบบ ทุกสี (บานเดี่ยว, บานแม่ลูก, และบานคู่) 
  • ประตูระบายอากาศ Airflow Door ทุกสี ทุกขนาด 

รายละเอียดการรับส่วนลด

1) ประตูหน้าบ้านรุ่น GIESTA:

– แบบบานคู่ รับส่วนลดทันที 10,000 บาทต่อชุด (ไม่จำกัดจำนวนชุด)

– แบบบานเดี่ยวหรือแบบบานแม่ลูก รับส่วนลดทันที 5,000 บาทต่อชุด (ไม่จำกัดจำนวนชุด)

2) ประตูระบายอากาศ Airflow Door

– รับส่วนลดทันที 2,000 บาทต่อบาน (ไม่จำกัดจำนวนบาน)

ระยะเวลาโปรโมชัน 

  • สั่งสินค้ากับตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมโปรโมชั่น 2 กันยายน 2567 – 30 พฤศจิกายน 2567 
  • ติดตั้งในสินค้าภายใน 31 ธันวาคม 2567

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อตัวแทนจำหน่าย TOSTEM ที่ร่วมรายการ เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมและร่วมรายการโปรโมชัน หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชันได้ที่  https://tostemthailand.com/upgrade-your-door-to-a-better-life-campaign-2024/ 



“White office” ออฟฟิศสีขาว กับการใช้ช่องแสงสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี

การออกแบบออฟฟิศสีขาว ที่มีการจัดวางช่องแสงอย่างลงตัว สามารถเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานของคุณให้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยพลังอย่างที่คุณไม่เคยคาดคิด

บทความนี้ TOSTEM จะพาคุณไปสำรวจการออกแบบออฟฟิศสีขาวด้วยช่องแสงเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีที่สุดสำหรับการทำงาน เพื่อเป็นอีกหนึ่งไอเดียดีๆ ที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงออฟฟิศของคุณให้ดูทันสมัย สดใส และเต็มไปด้วยพลังทุกๆ วัน 

ข้อดีในการเลือกสีขาวสำหรับออฟฟิศ

เมื่อพูดถึงการออกแบบออฟฟิศที่ดูทันสมัยและมีประสิทธิภาพ หนึ่งในแนวทางที่ได้รับความนิยมคือการใช้สีขาวและช่องแสง ซึ่งสีขาวไม่เพียงทำให้พื้นที่ทำงานดูสะอาดและเรียบง่าย แต่สีขาวยังส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกในการทำงาน อย่างเช่น ช่วยให้ไม่เครียด และรู้สึกผ่อนคลาย รวมถึงช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างดีเยี่ยม

การใช้ช่องแสง เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี

การออกแบบออฟฟิศสีขาวให้มีการเปิดช่องแสง ช่วยดึงธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ทำงาน ทำให้ได้บรรยากาศที่สดชื่นและมีชีวิตชีวา ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อีกด้วย 

มากกว่านั้นแสงสว่างมีผลมากต่อการทำงานและสุขภาพตาของเราอย่างมาก ดังนั้นการจัดการแสงสว่างในที่ทำงานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยประเภทของแสงสว่างในที่ทำงาน จะมีแสงหลักๆ 2 ประเภท คือ

  1. แสงประดิษฐ์ จากหลอดไฟ LED และหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ซึ่งความสว่างที่ควรใช้ในห้องทำงาน ประมาณ 400 – 600 ลักซ์
  2. แสงธรรมชาติ ที่หากสาดส่องเข้ามาอย่างเพียงพอและทั่วถึง เป็นประโยชน์ต่อสายตามากที่สุด เพราะแสงธรรมชาติช่วยลดอาการปวดตา ลดความเมื่อยล้า และยังช่วยปรับนาฬิกาชีวิตให้เป็นปกติ

การจัดการแสงสว่างให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชนิดของหลอดไฟ การควบคุมความสว่าง หรือการออกแบบช่องแสง จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก

เคล็ดลับการออกแบบออฟฟิศสีขาวด้วยช่องแสง

  • เลือกหน้าต่างที่สูงโปร่งและคำนึงถึงทิศทางแสง
    การติดตั้งหน้าต่างที่สูงโปร่งหรือผนังกระจกสามารถทำให้แสงธรรมชาติไหลเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ควรคำนึงถึงทิศทางแสงแดดเพิ่มด้วย โดยทิศทางของแดดเมืองไทย ที่จะได้รับแสงสว่างทั้งวันโดยไม่พาความร้อนเข้ามาด้วย ก็คือ ทิศเหนือ ซึ่งควรออกแบบช่องเปิด ด้วยการใช้หน้าต่างขนาดบานใหญ่ จะช่วยเพิ่มช่องแสงและมิติใหม่ๆ ให้บ้านหรือออฟฟิศได้เป็นอย่างดี

  • ตั้งโต๊ะทำงานใกล้กับหน้าต่าง เพื่อรับแสงธรรมชาติ
    ถ้าทำงานกลางวัน ควรจัดโต๊ะทำงานใกล้หน้าต่างหรือริมระเบียงเพื่อรับแสงธรรมชาติ ซึ่งเป็นแสงที่สบายตามากที่สุด ทั้งนี้หากแสงแดดแรงเกินไป สามารถใช้ผ้าม่านปรับแสงได้

  • ออกแบบช่องแสงภายใน เพื่อให้แสงสว่างกระจายทั่วถึง
    การออกแบบพื้นที่ภายในให้มีแสงสว่างเข้าอย่างทั่วถึง ทำให้พื้นที่ดูสดใสและน่าอยู่ รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพโดยรวมของผู้อยู่อาศัยด้วย

    การจัดการแสงที่ดีมีข้อดีหลายประการ อย่างเช่น ออกแบบดีไซน์ภายในด้วยเพดานที่ดูโปร่งโล่ง ไปจนถึงการเลือกใช้วัสดุสะท้อนแสง อย่างกระจก เพื่อลดความต้องการในการใช้แสงประดิษฐ์และเพิ่มการกระจายของแสงธรรมชาติ

  • สร้างมู้ดแอนด์โทนออฟฟิศสีขาวที่ลงตัวด้วยกรอบหน้าต่างสีขาว
    การใช้กรอบหน้าต่างสีขาวช่วยเสริมให้ธีมสีขาวของออฟฟิศดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น และทำให้บรรยากาศในที่ทำงานมีความเป็นระเบียบ เรียบง่าย ซึ่งสอดคล้องกับการออกแบบที่ทันสมัยและมีสไตล์ 

นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยแสงธรรมชาติที่ผ่านกรอบหน้าต่างสีขาวจะช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น ลดความเมื่อยล้าของตาและเพิ่มความสามารถในการมองเห็นรายละเอียดที่สำคัญ และสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี

หากคุณกำลังมองหากรอบหน้าต่างสีขาวที่เพิ่มความสว่างและสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ลงตัว TOSTEM มีตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณ ด้วยกรอบหน้าต่างสี Natural White ซึ่งเหมาะกับการออกแบบหลากหลายสไตล์ ทั้งมินิมัลและโมเดิร์น ด้วยสีขาวสะอาดที่ให้ความรู้สึกคลีนและสบายตา

TOSTEM มีเซตอุปกรณ์ครบครันสำหรับประตู-หน้าต่าง เช่น
โช้คและตัวควบคุมประตู เพื่อป้องกันการปิดกระแทกและยืดอายุการใช้งาน

กรอบหน้าต่าง Natural White จาก TOSTEM ไม่เพียงแต่เพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่ทำงาน แต่ยังหมดกังวลเรื่องคราบฝังแน่นจากกาลเวลา ด้วยการใช้สีชุบอะโนไดซ์เป็นชั้นฟิล์มของอะลูมิเนียมออกไซด์ ซึ่งผ่านกระบวนการอบผิวเพื่อเพิ่มความทนทานและยืดอายุการใช้งาน

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมจากแบรนด์ TOSTEM สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย



อยู่บ้านริมทะเล เลือกวัสดุหน้าต่างและประตูอย่างไร?

เชื่อว่า บ้านริมทะเล เป็นบ้านในฝันของใครหลายคน เพราะทั้งมีวิวที่สวยงาม ช่วยสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี แต่ในเวลาเดียวกัน การใช้ชีวิตก็อาจต้องคอยระวังผลกระทบจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมโดยตรงเช่นกัน

ดังนั้น การเลือกใช้วัสดุประตูและหน้าต่างในบ้านริมทะเล จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างละเอียด เพื่อให้บ้านมีความสามารถในการต้านทานลมทะเล และทนทานต่อความเปลี่ยนแปลงของอากาศ ฉะนั้นมาดูกันเลยว่าจะเลือกวัสดุอย่างไรได้บ้าง

ไอเดียประตูหน้าต่าง บ้านริมทะเล

ข้อได้เปรียบของบ้านริมทะเล คือมีวิวทะเลที่ทอดยาว ซึ่งการจะเทควิวที่ดี แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับไอเดียการออกแบบติดตั้งประตูและหน้าต่าง โดยอาจเพิ่มลูกเล่นเป็น ประตูบานเฟี้ยมที่สามารถเปิดรับวิวได้ในมุมกว้าง หรือ ประตูหน้าต่างบานเลื่อน ก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกบ้านได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้อาจเลือกหน้าต่างที่มีความสูงร่วมด้วย  ก็จะช่วยบ้านดูโปร่งโล่ง รับลมได้แบบสบายๆ 


วิธีเลือกใช้วัสดุประตูและหน้าต่างให้บ้านริมทะเล

1. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
2. เลือกใช้วัสดุที่มีความทนทานต่อการใช้งานที่ยาวนาน
เช่น อะลูมิเนียม ซึ่งจะช่วยให้บ้านของคุณสามารถต้านทานผลกระทบต่อการใช้งานได้ เพราะเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง คงทน
3.เลือกวัสดุที่ความสวยงาม วัสดุที่มีการออกแบบที่สวยงามและเหมาะสมกับสไตล์ของบ้านริมทะเลจะช่วยเพิ่มความเป็นสัดส่วนและความมีเสน่ห์ให้กับบ้าน 


4.เลือกวัสดุที่ความปลอดภัย ด้วยความที่บ้านริมทะเล รายล้อมด้วยธรรมชาติ และอาจตั้งห่างไกลผู้คน ฉะนั้นควรเลือกประตูที่มีระบบล็อกที่แข็งแรงและมีการป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันการบุกรุกจากภัยอันตรายต่างๆ

5. เลือกหน้าต่างและประตูที่ทนต่อการกัดกร่อนจากไอเกลือในพื้นที่ชายทะเล สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้ทะเล มีโอกาสที่จะเจอไอเกลือทะเล ซึ่งจะทำให้วัสดุจำพวกโลหะเกิดการผุกร่อนได้ไว ทำให้ต้องมีการซ่อมแซมและเปลี่ยนบ่อย ฉะนั้นควรเลือกหน้าต่างและประตูที่ทนต่อการกัดกร่อนจากไอเกลือ  ซึ่งสามารถเลือกจากวัสดุที่มีความทนทานต่อความชื้นและเกลือ 

นอกจากนี้ควรเลือกวัสดุที่ไม่ต้องบำรุงรักษามาก เพื่อช่วยให้การดูแลรักษาง่ายและประหยัดเวลา ค่าใช้จ่ายในการดูแลบ้าน อาจพิจารณาใช้วัสดุ เช่น อะลูมิเนียม วัสดุที่ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน ไม่เป็นสนิม ด้วยเทคโนโลยี TexGuard ลิขสิทธิ์เฉพาะของทอสเท็ม ที่เคลือบทับการทำสีชุบอะโนไดซ์ของกรอบบานประตูหน้าต่าง ป้องกันสีซีดจาง และช่วยปกป้องพื้นผิวของอะลูมิเนียมจากสภาวะแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่ได้รับการทดสอบแล้วในประเทศไทย จึงคงความเงางามของสีไว้ได้ยาวนาน ทนต่อความชื้น เหมาะกับบ้านอยู่ใกล้ชายทะเลเป็นอย่างดี ซึ่งในบ้านเราก็มี ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม ให้เราเลือกหลากหลาย แต่เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ควรเลือกบริษัทรับติดตั้งประตูหน้าต่างกระจกอะลูมิเนียมที่มีมาตรฐาน รวมถึงพิจารณาประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมที่มีคุณภาพสูง แข็งแรง ไปจนถึงมีดีไซน์สวยงาม ทันสมัย สอดรับกับวิวทะเลได้แบบเต็มสายตา

ทั้งนี้หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกวัสดุอะไรดี  ให้ TOSTEM มาช่วยตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม ความปลอดภัย และฟังก์ชันการใช้งาน ให้กับบ้านริมทะเลของคุณได้  โดย ประตู-หน้าต่างของทอสเท็มได้มีการทดสอบเรื่อง Wind Loading Resistance (การต้านทานแรงลม)

เชื่อว่า บ้านริมทะเล เป็นบ้านในฝันของใครหลายคน เพราะทั้งมีวิวที่สวยงาม ช่วยสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี แต่ในเวลาเดียวกัน การใช้ชีวิตก็อาจต้องคอยระวังผลกระทบจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมโดยตรงเช่นกัน

รวมถึงเรื่อง Air Tightness (การป้องกันอากาศรั่วไหล) ช่วยเรื่องการควบคุมคุณภาพอากาศ เพราะบ้านริมทะเลต้องเจอแดดอันร้อนแรงอยู่ตลอด ฉะนั้นการทดสอบ Air Tightness จะช่วยลดการรั่วไหลของอากาศ และช่วยป้องกันสิ่งรบกวนจากภายนอกเข้าภายในที่พักได้อีกด้วย ที่สำคัญยังมีระบบ Water Tightness (การป้องกันน้ำรั่วซึม) ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น JIS 

ส่วนใครกำลังวางแผนติดตั้งบานประตูหน้าต่าง ทาง TOSTEM ยินดีให้คำปรึกษา เพื่อให้ได้คุณได้ประตูหน้าต่างที่เหมาะสมกับตัวบ้าน และไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมากที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์ท้ายบทความ

สำหรับผู้อยู่อาศัยที่อยากสัมผัสสินค้าจริง หรือต้องการปรึกษาและเลือกแบบหน้าต่างที่มีค่าการต้านทานแรงลมให้เหมาะสมกับอาคารบ้านเรือนของคุณ TOSTEM ผู้เชี่ยวชาญด้านประตู-หน้าต่าง เรามีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญรอตอบรับความต้องการทั้งในแง่ฟังก์ชั่นและดีไซน์ หลากหลายช่องทางการติดต่อ ตามลิงก์ด้านล่าง



ออกแบบประตูหน้าต่าง ให้ปลอดภัยและทนทานอย่างไรดี?

การออกแบบประตูหน้าต่างที่มีความปลอดภัยและทนทานเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งความปลอดภัยนั่น มาพร้อมกับการเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามความต้องการ

แล้วจะมีวัสดุอะไรบ้าง ลองมาดูกัน


วัสดุประตูหน้าต่างที่มีความแข็งแรง
ทนทาน

การให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุหน้าต่างและประตู ไม่เพียงแต่ทำให้หน้าต่างและประตูมีความสวยงาม ใช้งานได้หลากหลาย และมีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังช่วยให้บ้านของคุณมีความปลอดภัย ยากต่อการงัดแงะ โดยในปัจจุบันก็มีวัสดุหลากหลายที่ตอบโจทย์ทั้งความแข็งแรง ปลอดภัยและทนทาน ได้แก่  

  1. อะลูมิเนียม ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน ปลอดภัย ทนทาน
  • ความสวยงาม: อะลูมิเนียมมีลักษณะที่สวยงามและสามารถออกแบบได้หลากหลายตามความต้องการ เช่น สามารถทำให้มีโครงสร้างที่บาง เพื่อให้มีการมองเห็นที่ดี
  • ความปลอดภัย ทนทาน: เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ไม่เกิดสนิม สีสวยนาน และปลอดภัยจากปลวก แมลง เหมาะกับการใช้งานประจำวันได้ดี โดยเฉพาะหากต้องการการใช้งานที่มีความทนทานในระยะยาว 

  1. เหล็ก มีความแข็งแรง ทนทานต่อการบุบสลาย
  • ความสวยงาม: เหล็กเป็นวัสดุที่สามารถขึ้นรูปได้หลากหลาย จึงเหมาะกับการออกแบบตกแต่งที่ต้องการความสวยงาม โดยเฉพาะงานสถาปัตยกรรมในสไตล์ลอฟท์ที่มีความดิบเท่ 
  • ความปลอดภัย ทนทาน: มีความแข็งแรงสูง ทำให้มีความทนทาน ยากต่อการงัดแงะ ฉะนั้นประตูเหล็กจึงเหมาะกับการใช้งานภายนอกบ้าน เช่น บริเวณประตูหน้าบ้าน หลังบ้าน หรือ หน้าต่างที่ต้องการความแข็งแรงคงทน เพื่อป้องกันการบุกรุก ปัจจุบันประตูเหล็กที่ถูกผลิตสำหรับใช้เป็นประตูหน้าบ้าน มีทั้งแบบที่สวยงาม หรูหรา และทันสมัย อีกทั้งยังปลอดภัยกว่าประตูชนิดอื่นอีกด้วย
  1. ไฟเบอร์กลาส สามารถป้องกันการโจรกรรมได้ดี
  • ความสวยงาม: ไฟเบอร์กลาสสามารถเลือกสีและดีไซน์ได้ตามต้องการ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในโครงการออกแบบที่ต้องการสถานที่ที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์
  • ความปลอดภัย ทนทาน: วัสดุไฟเบอร์กลาสทำจากโพลีเอสเตอร์เรซิ่นเสริมใยแก้วนำมาหล่อขึ้นรูป ทำให้มีความแข็งแรงมาก ไม่ลามไฟ ซึ่งความแข็งแรงนั่นช่วยเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันการโจรกรรมได้ดี สามารใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน 
  1. กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass) วัสดุที่สวยงามทนทาน
  • ความสวยงาม: มีความโปร่งใสเหมือนกระจกทั่วไปและมีการขึ้นดีไซน์ที่สวยงาม ทำให้บ้านดูมีความสดใสรวมถึงมีลักษณะการสะท้อนแสงและให้แสงสว่างภายในที่สวยงาม
  • ความปลอดภัย ทนทาน: กระจกเทมเปอร์ผลิตด้วยกระบวนการนำกระจกธรรมดาผ่านกระบวนการอบที่ความร้อนสูง เพื่อให้กระจกมีความแข็งแกร่งกว่าเดิม 3-5 เท่า ทำให้ยากต่อการโจรกรรม และมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยในกรณีที่กระจกเกิดการแตกหัก เศษกระจกจะไม่มีความแหลมคมมากรัก ทำให้มีโอกาสเกิดอันตรายน้อยกว่ากระจกธรรมดา ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้ในที่ที่ต้องการความปลอดภัย เช่น บ้านที่อยู่ติดถนนหรือทะเล

และหากคุณกำลังมองหาหน้าต่างหรือประตูสำหรับบ้านหรืออาคารที่ปลอดภัยและทนทาน TOSTEM (ทอสเท็ม) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น เราใส่ใจเรื่องนี้ และได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ อย่าง GIESTA ประตูหน้าบ้าน เหล็กเคลือบเรซิ่นลายไม้ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการทั้งหมดที่ประตูหน้าบ้านจำเป็นต้องมี 


ประตูหน้าบ้าน GIESTA มีความแข็งแรง ทนทานกว่าประตูบ้านทั่วไป 

GIESTA เป็นประตูเหล็กเคลือบเรซิ่นลายไม้คุณภาพสูง จึงมั่นใจในเรื่องความแข็งแรงของประตูได้ ตั้งแต่ โครงสร้างภายในบานประตูที่ติดตั้งฉนวนกันความร้อนและยางป้องกันอากาศภายในแผ่นเหล็กที่ประกบเป็นหน้าบาน ที่มาพร้อมคุณสมบัติป้องกันการถ่ายเทความร้อน การต้านทานแรงลม และอากาศรั่วไหล นอกจากนี้ยังทนทานต่อทุกสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง 

ดีไซน์สวยงาม กลมกลืนกับธรรมชาติ

GIESTA บานประตูสุดแข็งแรงจาก TOSTEM ที่มอบความมินิมอล เรียบง่าย สไตล์ญี่ปุ่นให้กับบ้านของคุณ และยังกลมกลืนกับธรรมชาติด้วยแผ่นเหล็กขนาดบางที่นำไปแรปเรซิ่นลายไม้ ให้ความสวยงามมีเสน่ห์ รวมถึงมีรูปแบบบานให้เลือกหลากหลาย เช่น บานเปิดเดี่ยว บานเปิดแม่ลูก และ บานเปิดคู่


ออกแบบป้องกันการโจรกรรม
ประตูที่ดีจะต้องมีฟังก์ชันป้องกันการโจรกรรม ซึ่ง GIESTA มีการติดตั้งระบบมือจับที่ใช้งานง่าย มาพร้อมกับระบบล็อคนิรภัยที่เสริมความปลอดภัยให้บ้าน โดยมีระบบติดตั้งล็อก 2 จุด เพื่อควบคุมกลอนแบบขอเกี่ยว 3 จุด พร้อมกุญแจ 1 ชุดสำหรับติดตั้ง และ 1 ชุดสำหรับเจ้าของบ้านใช้งานจริง จึงปลอดภัยแน่นหนา

นอกจากนี้ ประตู GIESTA สามารถคัสตอมดีไซน์ประตู ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด และยังสามารถทำความสูงของประตูได้ถึง 3 เมตร ทั้งนี้หากสนใจรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม หรืออยากเช็กราคาสินค้า ไปจนลองเลือกแมตซ์รูปแบบประตูด้วยตัวเอง สามารถคลิกที่ลิ้งค์ https://tostemthailand.com กับฟังก์ชัน “Online Quotation” ได้เลย

สำหรับผู้อยู่อาศัยที่อยากสัมผัสสินค้าจริง หรือต้องการปรึกษาและเลือกแบบหน้าต่างที่มีค่าการต้านทานแรงลมให้เหมาะสมกับอาคารบ้านเรือนของคุณ TOSTEM ผู้เชี่ยวชาญด้านประตู-หน้าต่าง เรามีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญรอตอบรับความต้องการทั้งในแง่ฟังก์ชั่นและดีไซน์ หลากหลายช่องทางการติดต่อ ตามลิงก์ด้านล่าง


เลือกหน้าต่างอย่างไร ให้รับมือลมพายุ

เมื่อพูดถึงความแข็งแรงทนทานต่อแรงลมของบ้าน หลายคนคงนึกถึงเสาหรือผนังกำแพงเป็นอันดับแรก แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าต่าง เองก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งแน่นอนว่าผู้อยู่อาศัยต้องไม่อยากที่จะสัมผัสความรู้สึกไม่ปลอดภัย เมื่อถึงวันที่เจอลมพายุแล้วกรอบบานหน้าต่างสั่น ชำรุด กรอบหน้าต่างโก่งหลุดจากวงกบ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่แค่สร้างความเสียหายต่อบ้านเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของคนในครอบครัวอีกด้วย

สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมตัวรับมือ ด้วยการเลือกใช้บานหน้าต่างที่มีประสิทธิภาพทนทานต่อแรงลม  ซึ่ง TOSTEM เข้าใจดีถึงความสำคัญนี้ จึงได้พัฒนาบานประตูหน้าต่างที่มีประสิทธิภาพการต้านทานลมสูง รับแรงปะทะจากลมพายุได้อย่างปลอดภัย  มาดูกันว่า ระดับแรงลมที่เราต้องเผชิญนั้นมีระดับเท่าไรบ้าง และควรเลือกหน้าต่างแบบไหนให้เหมาะสมกับบ้านของคุณ

Wind Load Performance มาตรฐานจำเป็นสำหรับหน้าต่าง
หน้าต่างที่มีมาตรฐานต้านแรงลม Wind Pressure Resistance Performance ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายภายในบ้านได้เป็นอย่างดี โดยผู้อยู่อาศัยสามารถสังเกตได้จากฉลากบนตัวสินค้า ซึ่งบ่งบอกว่าสินค้านี้ผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้มาตรฐานในการใช้งาน และมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลก คือ มาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น หรือ JIS (Japanese Industrial Standards) 

ข้อดีของการเลือกใช้หน้าต่างต้านแรงลม

การเลือกหน้าต่างที่ได้รับรองคุณสมบัติต้านแรงลม เป็นการช่วยให้คุณแน่ใจได้ว่าหน้าต่างที่คุณเลือกนั้นทำหน้าที่ปกป้องบ้านของคุณได้ ตั้งแต่การป้องกันลมพายุจากธรรมชาติ และยังช่วยป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สินและการบาดเจ็บในช่วงเหตุการณ์สภาพอากาศเลวร้าย

นอกจากนี้ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงผ่านการทดสอบมาแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้าน ลดเสียงรบกวน รวมถึงมีส่วนช่วยในการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคาร ทำให้บ้านประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น

ระดับแรงลมที่เราต้องเผชิญมีระดับเท่าไรบ้าง

เรื่องการต้านทานลมของประเทศไทย Wind Pressure Resistance Performance มีหน่วยเป็น Pa (ปาสคาล) ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งมีประสิทธิภาพการต้านทานลมมากตามไปด้วย ซึ่งค่าเหล่านี้อยู่ในสเปคของบานหน้าต่าง

ทั้งนี้ระดับความแรงลมที่ส่งผลต่อการขับรถที่ใช้ความเร็วสูง รวมถึงทำให้คนยืนทรงตัวลำบาก คือความเร็วประมาณ 104-131 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากบ้านต้องเผชิญความเร็วลมระดับนี้ ควรใช้หน้าต่างที่สามารถต้านทานแรงลมได้ 800 Pa ขึ้นไป  

ส่วนระดับรุนแรงสูงสุดคือ 198 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระดับนี้ทำให้บ้านไม้พัง สิ่งปลูกสร้างด้วยเหล็กผิดรูป และเสาไฟฟ้าล้มได้ จึงควรใช้หน้าต่างที่สามารถต้านทานแรงลมได้ 1,800 Pa ขึ้นไป ฉะนั้นควรเลือกหน้าต่างที่มีค่าการต้านทานแรงลมให้เหมาะสมกับอาคารบ้านเรือนของเรา เพราะหากเลือกใช้หน้าต่างที่มีค่าการต้านทานแรงลมไม่เหมาะสม เช่น อาคารสูง 20 เมตร แต่เลือกใช้บานประตูหน้าต่างที่ต้านแรงลมได้เพียง 800 Pa เมื่อเกิดพายุอาจเป็นอันตรายต่อทั้งผู้อยู่อาศัยและทรัพย์สินภายในที่พักอาศัยได้

อยู่อาคารสูง ต้องเลือกหน้าต่างต้านแรงลมอย่างไรให้ปลอดภัย

การอยู่อาศัยคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคาร High Rise มีข้อดีคือสามารถมองเห็นวิวธรรมชาติภายนอกในมุมมองทางสายตาที่กว้างไกล แต่ขณะเดียวกันยิ่งอยู่อาคารสูง แรงปะทะของลมก็ยิ่งมากขึ้น โดยสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งในที่โล่ง จะได้รับผลกระทบจากลมพายุมากกว่าพื้นที่ที่มีบ้านเรือนหนาแน่น ส่วนตึกหรืออาคารที่มีระดับความสูงมากๆ เช่น อาคารสำนักงานหรือคอนโด ต้องเผชิญความเร็วลมมากกว่าบ้านแนวราบ

ดังนั้นนอกจากการพิจารณาเลือกหน้าต่างจากแรงลมที่บ้านหรืออาคารต้องเผชิญแล้ว ยังต้องพิจารณาร่วมกับความสูงของอาคารด้วย ได้แก่

▪ อาคารที่สูง 10 – 20 เมตร ควรใช้หน้าต่างที่ต้านทานแรงลมได้ระหว่าง 800 -1,200 Pa
▪ อาคารที่สูง 20 – 40 เมตร ควรหน้าต่างที่ต้านทานแรงลมได้ระหว่าง 1,200 -1,600 Pa
▪ อาคารที่สูงมากกว่า 40 เมตร  ควรหน้าต่างที่ต้านทานแรงลมได้ 1,600 Pa ขึ้นไป

หน้าต่างแต่ละรุ่นจาก TOSTEM มีค่าต้านทานแรงลมหลายระดับ TOSTEM เป็นผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมคุณภาพสูง ที่อยู่ภายใต้มาตรฐาน JIS หรือ Japanese Industrial Standards และ ASTM International สำหรับประตูและหน้าต่างโดยเฉพาะ ฉะนั้นสามารถมั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ TOSTEM ผ่านการทดสอบการต้านทานแรงลมด้วยมาตรฐานสากล มีคุณสมบัติต้านทานแรงลม รับมือกับพายุ ลม ฝน ได้อย่างสบายๆ

สินค้าแต่ละรุ่นของทอสเท็มมีค่าต้านแรงลมหลายระดับ และมาพร้อมประสิทธิภาพความทนทานต่อทุกสภาพแวดล้อมให้ทุกคนมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ตามความต้องการ ดังต่อไปนี้

▪ WE40 (500 Pa)
รุ่น WE40 เหมาะกับบ้านแนวราบ มีค่าประสิทธิภาพ การต้านทานแรงลม 500 Pa การต้านทานน้ำรั่ว 100 Pa และป้องกันเสียงรบกวน 25 เดซิเบล
▪WE 70 (800 Pa)
อีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานรูปแบบอาคารแนวราบ โดยมีการต้านทานแรงลมอยู่ที่ 800 Pa การต้านทานน้ำรั่ว 150 Pa การป้องกันอากาศรั่วไหล A-3 ส่วนการป้องกันเสียงรบกวน 25 เดซิเบล

▪ATIS (1,200 Pa)
รุ่น ATIS สามารถต้านแรงลมได้ถึง 1,200 Pa เหมาะกับการใช้งานบ้านทั่วไป ผลิตจากอะลูมิเนียมคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน กันน้ำ กันเสียง และกันความร้อนได้ดี

▪WE PLUS (1,600 Pa)
จุดเด่นคือสามารถเพิ่มความสูงได้ถึง 3 เมตร พร้อมประสิทธิภาพการต้านการแรงลมได้ 1,600 Pa จึงตอบโจทย์การใช้งานสำหรับอาคารสูงยิ่งขึ้นนั่นเอง

▪ATIS PLUS, GRANTS (2,000 Pa)
ATIS Plus เป็นรุ่นที่พัฒนาให้เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอาคารสูง โดยสามารถต้านแรงลมได้มากขึ้นถึง 2000 Pa พร้อมการป้องกันการรั่วซึมของน้ำ และป้องกันการรั่วไหลของอากาศได้ดียิ่งขึ้น ส่วนรุ่น GRANTS สามารถต้านแรงลมได้ถึง 2,000 Pa เช่นกัน อีกทั้งยังต้านทานน้ำรั่ว 300 Pa ป้องกันอากาศรั่วไหล 10.7 m3 / h·m2 และการป้องกันเสียงรบกวน 25 เดซิเบล


(ภาพหลังเหตุการณ์พายุลูกเห็บถล่ม)

ยกตัวอย่างเหตุการณ์พายุลูกเห็บถล่ม ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อกลางเดือนมีนาคม 66 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบ้าน และอาคารต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่มีโครงการหนึ่งที่วัสดุและประตู หน้าต่าง ‘รอด’ จากภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิดในครั้งนี้ นั่นก็คือโครงการคอนโดมิเนียมหรู ธัช ฮิลล์ เพลส เอลลิแกนท์ สามารถอ่านบทความสัมภาษณ์เจ้าของโครงการได้ที่บทความในลิงก์นี้เลย https://tostemthailand.com/2023/05/12/tostem-doors-and-windows-ready-to-withstand-all-weather-conditions/ 

สำหรับผู้อยู่อาศัยที่อยากสัมผัสสินค้าจริง หรือต้องการปรึกษาและเลือกแบบหน้าต่างที่มีค่าการต้านทานแรงลมให้เหมาะสมกับอาคารบ้านเรือนของคุณ TOSTEM ผู้เชี่ยวชาญด้านประตู-หน้าต่าง เรามีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญรอตอบรับความต้องการทั้งในแง่ฟังก์ชั่นและดีไซน์ หลากหลายช่องทางการติดต่อ ตามลิงก์ด้านล่าง