fbpx

Tag: โครงการ

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

พื้นที่ใจกลางเมืองส่วนใหญ่ในยุคนี้ มักถูกจับจองด้วยตึกสูง หรือคอนโดมิเนียม ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ Urban Living ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ทว่ายังมีข้อจำกัดในเรื่องความเป็นส่วนตัว หากเทียบกับการมีบ้านเดี่ยวเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของ Lavista Prestige Village Ekkamai บ้านเดี่ยวหรูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่หรูหราอย่างมีระดับ ผ่านความงามอันไร้กาลเวลาของสถาปัตยกรรม บนทำเลทองใจกลางเอกมัย

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

นิยามใหม่แห่งการอยู่อาศัยภายใต้แนวคิด Prestige Community

Lavista Prestige Village Ekkamai เป็นบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ที่ถูกพัฒนาโดย SPJ LAND ด้วยแนวคิด Prestige Community การมอบความสงบและความเป็นส่วนตัวสูงสุดให้กับผู้อยู่อาศัย ท่ามกลางสังคมคุณภาพที่มีเพียง 7 ครอบครัวเท่านั้น โครงการแห่งนี้ตั้งบนทำเลย่านเอกมัย 10 ที่รายล้อมด้วยแหล่งแฮงค์เอาท์ตลอด 24 ชั่วโมง และสถานที่อำนวยความสะดวกชื่อดังมากมาย เช่น ห้างสรรพสินค้า Gateway เอกมัย, Donki mall ทองหล่อ, โรงเรียนนานาชาติเอกมัย, โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep และ โรงพยาบาลสุขุมวิท เป็นต้น ที่สำคัญยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อทุกจุดหมายอย่างสะดวกสบาย ด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย-ทองหล่อ และทางพิเศษฉลองรัช

ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความงาม ผ่านดีไซน์ Classic Contemporary

ภายนอกของอาคารถูกออกแบบด้วยรูปลักษณ์สไตล์ Classic Contemporary เป็นการนำความทันสมัยและความคลาสสิกมาผสานกันอย่างลงตัว โดยใช้เส้นตรงแนวตั้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย ในการออกแบบตัวกรอบอาคาร ลวดลายฟาซาดด้านหน้าอาคาร และผนังครีบบังแดด 

สำหรับที่โครงการนี้ ดีไซน์จากเส้นตรงแนวตั้งยังทำหน้าที่บ่งบอกถึงความมั่นคงและความเพรียวสูงของตัวอาคาร ทำให้บ้านดูสง่างามและมีภูมิฐานมากขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากการแบ่งจังหวะช่องเปิดของประตู-หน้าต่างอย่างเป็นระเบียบ แต่แฝงลูกเล่นให้ดูไม่น่าเบื่อ โดยการเลือกขนาดช่องเปิดและดีไซน์บานกรอบที่แตกต่างกันในแต่ละชุด 

นอกจากนี้ผนังโทนสีเขียวเข้มอมเทา ที่ใช้บริเวณส่วนกลางภายนอกอาคาร ยังเป็นจุดดึงดูดสายตาที่ทำให้แบบบ้าน Lavista Prestige Village Ekkamai มีเอกลักษณ์โดดเด่น ดูหรูหราอย่างมีระดับ และสร้างภาพจำอันน่าประทับใจแก่ผู้มาเยือน 

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

ออกแบบฟังก์ชันให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

จุดเด่นของฟังก์ชันสำหรับที่นี่คือ พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 4 ชั้น ถูกออกแบบให้มีขนาดกว้างขวาง และรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยตามลำดับชั้น โดยมีจุดเด่นคือบริเวณชั้น 2 ที่รวบรวมห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร, ครัว Pantry และพื้นที่อเนกประสงค์ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้สามารถใช้พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง เต็มที่ทั้งชั้น ไม่มีสะดุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีการแบ่งสัดส่วนแต่ละฟังก์ชันอย่างลงตัว มาพร้อมช่องเปิดประตู-หน้าต่างในตำแหน่งที่เหมาะสมรอบด้าน ที่เปิดรับแสงและลมธรรมชาติอย่างโปร่งโล่ง และสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงด้านนอก ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูสดชื่นขึ้นหลายเท่าตัว 

เช่นเดียวกันกับห้องนอน Master Bedroom ขนาดใหญ่ในชั้น 3 และห้องทำงาน ห้องนอนอื่นๆ ในชั้น 4 ที่มีการวางตำแหน่งและชนิดบานเปิดของหน้าต่าง ที่พอดีกับบรรยากาศการพักผ่อนอันเงียบสงบ สบาย และเป็นส่วนตัว ทั้งยังส่งเสริมกับรูปลักษณ์ภายนอกอาคารอีกด้วย

The Finest Legacy เพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน ด้วยการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง

Lavista Prestige Village Ekkamai ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกล้ำค่าที่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นในอนาคต ดังนั้นทุกองค์ประกอบของบ้านจึงถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง เพื่อให้บ้านอยู่คู่กับการเติบโตของครอบครัวได้อย่างยาวนาน เป็น Timeless Aesthetic หรือความงามไร้กาลเวลา ด้วยเหตุนี้โครงการจึงได้มอบความไว้ใจในการเลือกใช้ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ให้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านหรูระดับ Super Luxury แห่งนี้

ด้วยดีไซน์ของประตู-หน้าต่าง รุ่น WE70 สี Autumn Brown ที่เข้ากันได้ดีกับผนังสีขาวครีม และผนังสีเขียวเข้มอมเทา ทำให้ภาพรวมทั้งภายในและภายนอกของบ้าน ดูกลมกลืน ส่งเสริมกันอย่างนุ่มนวลและมีมิติ เป็น Mood and Tone ที่ทันสมัยและคลาสสิกในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญสีของบานกรอบอะลูมิเนียม ยังถูกผลิตด้วยกระบวนการทำสีอะโนไดซ์ (Anodized) ซึ่งเป็นการนำอะลูมิเนียมไปชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า จนเกิดเป็นชั้นฟิล์มอะลูมิเนียมออกไซด์ พร้อมเคลือบอีกชั้นด้วย TEXGUARD ทำให้สีติดทนนานกว่าการทำสีทั่วไป ไม่ผุกร่อน ไม่หลุดร่อน หรือซีดจาง ตอบโจทย์กับคอนเซ็ปต์ความงามไร้กาลเวลาของโครงการได้ดี 

นอกจากนี้ประตู-หน้าต่าง TOSTEM รุ่น WE70 ยังมาพร้อมคุณสมบัติเด่น ที่มีระบบป้องกันน้ำรั่วประสิทธิภาพสูง มาพร้อมวาล์วระบายน้ำบริเวณโปรไฟล์กรอบล่าง ทำให้น้ำไม่ไหลซึมเข้าสู่ตัวบ้าน ทั้งยังต้านทานต่อแรงดันลมได้ดี จึงเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทย ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปีอย่างมาก และด้วยคุณสมบัติบานกรอบที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถปิดได้อย่างแน่นหนา จึงมีส่วนช่วยในการลดเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้การอยู่อาศัยภายในบ้านมีความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

Lavista Prestige Village Ekkamai สัมผัสความงามไร้กาลเวลา ผ่านดีไซน์บ้านหรูใจกลางเอกมัย

หากใครที่สนใจโครงการ Lavista Prestige Village Ekkamai บ้านหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ใจกลางเอกมัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.spj-land.com/project/lavista/ 


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

เมื่อกล่าวถึงเอกลักษณ์ของบ้านโมเดิร์นในปัจจุบัน นอกจากหน้าตาอาคารที่เน้นความเรียบหรู มินิมอลแล้ว โถง Double Volume Space ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของพื้นที่ภายใน ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม หรืออาคารสูงอื่นๆ วันนี้เราขอพาทุกคนมาไขข้อสงสัยกันว่า โถงนี้มีข้อดีอย่างไร… ทำไมจึงเป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่กัน?

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

01 เพิ่มถ่ายเทอากาศอย่างปลอดโปร่ง

หากเราสังเกตเรือนไทยในสมัยก่อน จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วโครงสร้างของเรือนไทย มักทำเป็นหลังคาจั่วสูงและไม่ปิดฝ้า ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากหลักการถ่ายเทอากาศ เพราะโดยทั่วไปแล้วความร้อนจะลอยตัวขึ้นด้านบน แต่ความเย็นจะลอยตัวต่ำอยู่ด้านล่าง ดังนั้นจึงต้องมีพื้นที่ว่างใต้หลังคาให้ความร้อนลอยตัวขึ้น และระบายออกตามช่องว่างของหลังคาได้อย่างสะดวก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป บ้านส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาปิดฝ้าเพดานมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์กับรูปลักษณ์ และความสวยงามของสไตล์โมเดิร์น รวมถึงสามารถซ่อนงานระบบต่างๆ ได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ส่งผลทำให้มีการสะสมความร้อนภายในตัวบ้านมากขึ้นตาม

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

การออกแบบ Double Volume Space จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้อากาศถ่ายเทได้อย่างปลอดโปร่ง ด้วยความสูงของผนังจากพื้นถึงฝ้าที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว (ประมาณ 4-5 เมตร) จึงทำให้มีพื้นที่ให้ความร้อนได้ลอยตัวสูงขึ้น และหากต้องการหมุนเวียนอากาศให้ถ่ายเทอย่างต่อเนื่อง ควรมีการออกแบบช่องหน้าต่างหลายด้าน ทั้งส่วนด้านล่างและด้านบนของผนัง Double Volume Space เพื่อให้ความร้อนที่ลอยตัวสูง ได้ระบายออกไปข้างนอก พร้อมกับเปิดรับลมเย็นเข้ามาแทน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

02 สร้างความโปร่งโล่งภายในพื้นที่จำกัด

หลายคนมักเข้าใจว่าบ้านที่โปร่งโล่ง จะต้องมีขนาดกว้างขวาง แต่ในความจริงแล้วอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะความสูงของฝ้าเพดาน ประกอบกับการได้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างความโปร่งโล่งได้ แม้มีขนาดพื้นที่จำกัด  ดังนั้นเราจึงเห็นว่าพื้นที่ Double Volume Space มักมาพร้อมกับการติดตั้งหน้าต่างบานกระจกต่อกันทั้งผนัง โดยอาจจะติดตั้งบานที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ ทั้งชุดด้านบนและด้านล่าง หรือจะติดตั้งหน้าต่างชุดด้านบนเป็นบานปิดตาย เพื่อทำหน้าที่เป็นช่องแสงก็ได้

นอกจากแสงธรรมชาติจะช่วยสร้างบรรยากาศโปร่ง โล่ง สบายแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานการเปิดไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย แต่สำหรับใครที่กังวลว่าความร้อนจากแสงแดด จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก ก็สามารถเลือกใช้ชนิดกระจกที่ช่วยปกป้องความร้อน และเลือกใช้บานกรอบหน้าต่างคุณภาพสูง ที่มีตัวล็อกแน่นหนา ทำให้สามารถปิดหน้าต่างได้สนิท และป้องกันอากาศรั่วไหลได้ดี เพียงเท่านี้ก็จะสามารถประหยัดการใช้พลังงาน จากไฟส่องสว่างและเครื่องปรับอากาศได้พร้อมๆ กัน

03 ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน

ด้วยลักษณะของโถงที่มีความโอ่อ่า หรูหราในตัว ทำให้ Double Volume Space ถูกนำมาใช้กับพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร หรือโถงต้อนรับ ที่เป็นเหมือนพระเอกของบ้าน และมีการเสริมองค์ประกอบที่ทำให้บ้านมีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้านยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า (Chandelier) หลากหลายรูปแบบ, การกรุผนังด้วยวัสดุพิเศษ หรือบานกรอบประตู-หน้าต่าง ที่มีสีสันและลวดลายผิวสัมผัสของวัสดุสวยงาม เข้ากับสไตล์ของบ้าน ซึ่งเราสามารถเลือกสีบานกรอบ ที่มีโทนสว่าง กลมกลืนไปกับสีของผนัง เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูเบา สบาย หรือจะเลือกสีโทนเข้ม ตัดกับผนัง เพื่อเน้นดีไซน์ของหน้าต่าง รวมถึงเสริมหน้าตาภายนอกของบ้านให้ดูโดดเด่นขึ้นก็ได้

04 เชื่อมต่อความรู้สึกคนในบ้านผ่านการมองเห็น

นอกจากการจัดแปลนแบบ Open Space ที่เชื่อมต่อพื้นที่ฟังก์ชันในแนวนอนแล้ว ยังมี Double Volume Space ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อในแนวตั้งอีกเช่นกัน ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้คนในบ้านรู้สึกเชื่อมต่อกันได้ แม้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเราสามารถออกแบบพื้นที่ชั้นบนให้เป็นระเบียงทางเดิน หรือพื้นที่นั่งเล่น ที่เปิดโล่ง เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการมองเห็น การใช้งาน และการไหลเวียนอากาศ หรือจะออกแบบให้เป็นห้องนอน หรือห้องทำงาน ที่ถูกกั้นด้วยบานหน้าต่างกระจก เพื่อรักษาความส่วนตัว แต่ยังสามารถมองเห็นโถงด้านล่างได้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลในเรื่อง การเชื่อมต่อความรู้สึกแล้ว ยังทำให้คนในบ้านสามารถมองเห็นได้ เมื่อมีแขกมาเยือน หรือหากมีผู้บุกรุกเข้ามาในบ้าน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

05 เปิดมุมมองทิวทัศน์ธรรมชาติรอบบ้านให้กว้างขึ้น

โถง Double Volume Space ไม่แค่เพียงการเชื่อมต่อการมองเห็นภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยเปิดมุมมองทิวทัศน์ให้กว้างขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพสวนของเรา บริบทรอบข้างบ้าน และท้องฟ้าสดใสได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการที่มีทัศนียภาพที่ดี จะส่งผลทำให้บรรยากาศบ้านของเราดูมีชีวิตชีวา ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นการเสริมให้บ้านดูหรูหราได้อีกทางหนึ่ง อย่างบ้านหรืออาคารในเมือง ที่มีทัศนียภาพพาโนรามาของตึกรอบๆ

เมื่อเปิดรับธรรมชาติแล้ว ในขณะเดียวกันก็ควรมีการป้องกันจากความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเช่นกัน โดยเฉพาะวันที่ฝนตก ฟ้าร้อง หรือพายุเข้า ดังนั้นบานประตู-หน้าต่างจึงต้องมีกลไกที่ช่วยรับมือได้ทุกสภาพอากาศ อย่างผลิตภัณฑ์ของ TOSTEM ที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถต้านแรงลมได้สูงถึง 2,000 Pascal ตอบโจทย์ทั้งบ้านและอาคารสูง มาพร้อมกับกลไกป้องกันน้ำฝนในโปรไฟล์กรอบล่างหลายชั้น และมีวาล์วระบายน้ำ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำที่เอ่อล้นไหลย้อนกลับเข้ามาภายในบ้าน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

ที่สำคัญบานประตู-หน้าต่างของ TOSTEM ยังสามารถสั่งทำขนาดพิเศษ ที่มีความสูงถึง 3 เมตร ต่างจากปกติที่สูงเพียง 2 เมตรเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์กับดีไซน์ Double Volume Space ของบ้านและอาคารสูง โดยยังคงประสิทธิภาพความทนทานในทุกๆ ด้าน ตามมาตรฐาน JIS หรือ Japanese Industrial Standards ควบคู่กับมาตรฐาน ASTM จากสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

เมื่อกล่าวถึงบ้านจัดสรร หลายคนมักนึกถึงกลุ่มบ้านที่มีดีไซน์หน้าตาคล้ายกัน เรียงติดกันเป็นแถว แถมยังไม่ค่อยมีพื้นที่นอกตัวบ้านให้ตกแต่งพื้นที่บริเวณสวนมากนัก จนทำให้บางคนเลือกที่จะนำบ้านจัดสรรหน้าตาเดิมนำมารีโนเวทใหม่ ให้กลายเป็นบ้านที่ใช่ ตามสไตล์ที่ชอบมากขึ้น เช่นเดียวกันกับ Baan Ladprao บ้านโฉมใหม่ของคุณอาย วราพร เธียรปรีชา ที่ซ่อนห้องนั่งเล่นเรือนกระจกสุดร่มรื่นไว้ใจกลางบ้าน

“เราไปดูตัวอย่างที่โชว์รูมของ TOSTEM แล้วก็รู้สึกประทับใจ ตรงที่สีโอเค ความหนาของบานกรอบ กระจกก็โอเค การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ถือว่าคุ้มค่า เพราะเป็นบานประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม สามารถเปิดเห็นสวนได้เต็มที่ ทำให้บ้านดูสวยขึ้นเยอะมาก”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล
คุณอาย วราพร เธียรปรีชา (เจ้าของบ้าน)
จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จุดเริ่มต้นของบ้านแห่งนี้ มาจากความชอบของเจ้าของบ้าน ที่ต้องการอยู่อาศัยในบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่มีรูปทรงสวยงาม ทันสมัย ท่ามกลางบรรยากาศสวนธรรมชาติรอบบ้านในทุกๆ วัน จนเป็นที่มาของบ้านรูปทรงกล่องสีขาว ที่ถูกจัดวางสอดประสานกันอย่างลงตัว บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร 

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

สร้างความโปร่งโล่ง ภายใต้ความเป็นส่วนตัว

สถาปนิกเลือกที่จะรักษาพื้นที่ฟังก์ชันภายในไว้คงเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายนอกอาคารใหม่ ให้มีความโปร่ง โล่ง สบาย แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย โดยนำโรงจอดรถที่มีดีไซน์สอดคล้องกับตัวบ้าน วางไว้ด้านหน้าทางเข้า เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และเชื่อมต่อกับระเบียงทางเดิน Semi-Outdoor ก่อนเข้าสู่พื้นที่ฟังก์ชันอื่นๆ ภายในบ้าน ซึ่งข้อดีของการออกแบบทางเดินให้เป็น Semi-Outdoor แทนทางเดินภายในบ้านตามทั่วไป คือ ทำให้แสงและลม สามารถไหลเวียนถ่ายเทได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้บรรยากาศของบ้านไม่น่าเบื่อ และยังสามารถสอดแทรกกะบะต้นไม้ หรือสวนเล็กๆ ระหว่างทาง ตามความต้องการของเจ้าของบ้านได้

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

นอกจากการออกแบบในเชิงฟังก์ชันแล้ว รูปแบบและโทนสีวัสดุ ยังสามารถส่งผลต่อความอยู่สบายของบ้านเช่นกัน อย่างการนำหลักการสะท้อนแสงของวัสดุสีขาว มาช่วยลดทอนความทึบตันของอาคาร และช่วยพรางตาทำให้พื้นที่ดูกว้างขวางกว่าความเป็นจริง รวมถึงมีการเลือกใช้ประตู-หน้าต่าง ที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน มีเส้นกรอบของอะลูมิเนียม ช่วยขับเน้นสัดส่วนอาคารให้ดูสูงโปร่งขึ้น พร้อมกับเปิดรับแสงและลมธรรมชาติเข้ามาสู่ตัวบ้าน และสำหรับฟังก์ชันที่อยู่ในด้านหันออกนอกตัวบ้าน อย่างห้องนอนและห้องน้ำ สถาปนิกก็ได้ออกแบบฟาซาดระแนงสีขาวเข้ากับตัวบ้าน มาทำหน้าที่กรองแสงแดด และอำพรางสายตา เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

Glass House ห้องนั่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติ

Glass House เป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกต่อเติมขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในบ้าน และชานไม้ที่ยื่นออกไปในสวนน้ำตกจำลอง ซึ่งสถาปนิกตั้งใจออกแบบพื้นที่นี้ ให้คล้ายกับเรือนกระจก โดยมีการติดตั้งบานกระจกอะลูมิเนียมรอบด้าน เพื่อเปิดรับมุมมองทัศนียภาพในหลากหลายมิติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับรู้ถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

อยู่สบาย ปลอดภัย รับมือได้ทุกสภาพอากาศ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศได้ไม่มีสะดุด คือ การสร้างความปลอดภัยในขณะใช้งาน ซึ่งหน้าต่างบานสไลด์ รุ่น GRANTS สี Natural White จาก TOSTEM ก็สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี เนื่องจากเป็นบานกรอบอะลูมิเนียมที่ถูกออกแบบพิเศษ สามารถต้านทานแรงลมได้สูง มาพร้อมกับระบบป้องกันน้ำ 2 ชั้น ซ่อนอยู่ภายในตัวกรอบบานล่าง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกจากขอบหน้าต่าง ช่วยลดปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าสู่ตัวบ้านได้ ในขณะเดียวกันบานกรอบอะลูมิเนียม TOSTEM ก็มีความแข็งแรง ทนทานต่อแสงแดดและรังสียูวีได้สูง ไม่แตกหักง่าย และการทำสีอะลูมิเนียมแบบอะโนไดซ์ ยังช่วยทำให้สีไม่หลุดลอกหรือซีดจาง แม้ต้องเจอกับแสงแดดจ้า หรือผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

“บ้านก็เย็นขึ้นจากก่อนรีโนเวท สีอะลูมิเนียมข้างนอกที่โดนฝน โดนแดด ก็ไม่ซีด ตอนติดตั้งทาง TOSTEM ก็มีการประสานงานกับผู้รับเหมาได้ดี เพราะว่าบ้านเรามีการติดตั้งผ้าม่าน มุ้งจีบ และระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีการเดินสาย เซนเซอร์ประกบประตู-หน้าต่างทุกบาน ดังนั้นงานติดตั้งจึงมีความซับซ้อน แต่ TOSTEM ก็ได้ให้คำแนะนำ คำปรึกษาอย่างดี จนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา ก็สามารถแปลงโฉมให้เป็นบ้านในฝันได้ หากมีการออกแบบตัวอาคารที่ดี ควบคู่กับการเลือกวัสดุอย่างเหมาะสม สำหรับใครที่สนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพให้กับบ้านและการอยู่อาศัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ขอขอบคุณ

Owner : คุณอาย วราพร เธียรปรีชา และครอบครัว


AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

แม้ความหรูหราจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ถูกกำหนดว่าจะต้องมีหน้าตาแบบไหน แต่ด้วยค่านิยมที่สั่งสมกันมาตั้งแต่ยุคสมัยกรีกโบราณ ทำให้ ‘สถาปัตยกรรมคลาสสิก’ ที่มีความใหญ่โต หนักแน่น ในขณะเดียวกันก็แฝงรายละเอียดลวดลายอันปราณีต กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบอาคาร ที่สะท้อนถึงความหรูหรา ยิ่งใหญ่ไปโดยปริยาย และเป็นสาเหตุที่ทำให้สถาปัตยกรรมคลาสสิกถูกหยิบนำมาประยุกต์เข้ากับสไตล์อื่นๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ความหรูหราที่แตกต่างกันไป เช่นเดียวกับ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ได้นำแรงบันดาลใจจาก Classic Contemporary สถาปัตยกรรมโดดเด่นในนิวยอร์ก มาออกแบบในครั้งนี้ 

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

เสน่ห์สถาปัตยกรรม Classic Contemporary

Classic Contemporary เป็นการนำสไตล์คลาสสิกมาประยุกต์ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น เดิมทีนิยมใช้ในย่าน Upper East Side ของนิวยอร์ก ซึ่งเป็นย่านที่หรูหราที่สุดของเกาะแมนฮัตตัน โดยตัวอาคารยังคงความหนักแน่น อวดความแข็งแกร่งของคอนกรีต ตามสไตล์คลาสสิก แต่มีการลดทอนรายละเอียดขอบปูนปั้นลง ให้ภาพรวมดูเข้าถึงง่ายมากขึ้น

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ในการออกแบบของ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา ก็ได้ลดทอน Façade อาคารให้ดูเรียบมากขึ้นจากสไตล์ Classic Contemporary แบบดั้งเดิม แต่ยังคงกลิ่นอายความหรูหราไว้ โดยออกแบบขอบคิ้วบัวอาคาร ให้เป็นกรอบเหลี่ยมคมและเหลี่ยมลบมุม แทนการใช้ลวดลายอันวิจิตรปราณีตตามต้นฉบับ มีการแบ่งช่วงเสาให้เป็นจังหวะซ้ำกันชัดเจน เพื่อเน้นกรอบประตู-หน้าต่างให้โดดเด่น พร้อมกับยื่นตัวระเบียงออกมา เพื่อเพิ่มมิติความงามให้กับกรอบประตู-หน้าต่าง รวมถึงช่วยสร้างร่มเงา และลดความร้อนของแสงแดดที่ส่องเข้าสู่ตัวบ้านอีกด้วย

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ความลงตัวระหว่างความลักชูรี่และโมเดิร์น

การเลือกโทนสีกรอบบานประตู-หน้าต่าง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบ ที่ช่วยเติมเต็มความหรูหราแบบดั้งเดิมและความทันสมัยของยุคใหม่ให้ลงตัว เพราะการตัดกันระหว่างสีผนังสีขาว กับบานกรอบหน้าต่างอะลูมิเนียมสี Autumn Brown จาก TOSTEM จะช่วยขับเน้นจังหวะการแบ่งช่องเปิดที่เป็นระเบียบให้โดดเด่นขึ้น ประกอบกับลวดลายและโทนสีน้ำตาลลายไม้ธรรมชาติของประตูเหล็กลายไม้ GIESTA สี TEAK ที่ช่วยยกระดับดีไซน์หน้าตาอาคาร จากความเรียบง่ายให้กลายเป็นเรียบหรูได้ภายในพริบตา

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ในขณะเดียวกันหน้าต่างอะลูมิเนียมสี Autumn Brown ก็เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศภายในบ้าน ที่ถูกออกแบบให้เป็นสไตล์ Contemporary (ร่วมสมัย) มากกว่าภายนอก หากสังเกตจะเห็นว่าภายในบ้านไม่มีการใช้ขอบคิ้วบัว ที่บ่งบอกความเป็นคลาสสิก แต่จะเน้นความสว่างและอบอุ่นของสเปซภายใน ชวนให้ผู้อยู่อาศัยได้มาแต่งเติมสีสัน ที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของตนเองลงไปได้เต็มที่

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

บ้านที่ตอบโจทย์ทุกช่วงจังหวะของชีวิต

นอกจากสไตล์ Classic Contemporary ที่เป็นจุดเด่นของโครงการแล้ว การจัดวางฟังก์ชันก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เพราะที่นี่มีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เชื่อมต่อกันได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน ตามการใช้งานในแต่ละช่วงวัยของผู้อยู่อาศัย รวมถึงเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ของคนในครอบครัวไปในตัว อย่างพื้นที่ Living Room ที่เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่น โต๊ะรับประทานอาหาร และเคาน์เตอร์เตรียมอาหารเข้าไว้ด้วยกัน

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

การจัดวางฟังก์ชันอย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งผลดีเพียงแค่ในแง่ของการใช้งานเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้าง ความโปร่งโล่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่อาศัย ให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านอย่างสบายกายและใจ อย่างพื้นที่โถง Double Volume ที่เชื่อมพื้นที่แนวตั้ง 2 ชั้นให้กลายเป็นห้องโถงเพดานสูง โดยมีการเปิดช่องหน้าต่างกระจกสูงรอบด้าน เพื่อเปิดรับแสงและลมธรรมชาติให้เข้ามาถ่ายเทอย่างสะดวกสบาย พร้อมเปิดรับทิวทัศน์สวนคอร์ทยาร์ดกลางบ้านและบรรยากาศธรรมชาติโดยรอบ

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ภายในบ้าน ที่มีการติดตั้งหน้าต่างกระจกบานอะลูมิเนียม รุ่น ATIS, WE70 และ WE PLUS จาก TOSTEM เพื่อมอบความโปร่งโล่ง สบาย ปลอดภัย พร้อมกับความหรูหราที่เข้ากันกับสไตล์ Classic Contemporary อย่างลงตัว ด้วยคุณสมบัติเด่นของรุ่น WE70 และ WE PLUS ที่มีระบบป้องกันน้ำรั่วประสิทธิภาพสูง มาพร้อมวาล์วระบายน้ำตรงโปรไฟล์กรอบล่าง ทั้งยังต้านทานต่อแรงดันลมได้ดี จึงเหมาะกับการนำมาใช้กับบ้านในเมืองไทยมาก

อีกรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ รุ่น ATIS ที่ถูกออกแบบให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติข้างนอก โดยการซ่อนนวัตกรรมและงานระบบเอาไว้ภายในวงกบ ทำให้ตัวบานกรอบ Slim ดูเรียบหรูขึ้นอีกขั้น และมาพร้อมกับเทคโนโลยีมุ้งกันแมลงล่องหน ที่มีการใช้ขนาดเส้นตาข่ายเล็กกว่าขนาดเส้นไนลอนในมุ้งทั่วไปถึง 40% ซึ่งจะช่วยให้สามารถมองเห็นวิวข้างนอกชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันแมลง และปล่อยให้ลมสามารถลอดผ่านเข้ามาได้ดีกว่าเดิม

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการบ้านเดี่ยว ที่สะท้อนถึงความงามระหว่างความดั้งเดิมและความทันสมัยของสถาปัตยกรรม ผ่านการออกแบบรูปทรงอาคารสอดผสานกับความโดดเด่นของโทนสีประตู-หน้าต่างได้อย่างลงตัว หากใครที่สนใจโครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thenestproperty.co.th/th/ หรือหากสนใจผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม แบรนด์ TOSTEM สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยครับ


The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

โทนสีขาว-ดำ เป็นอีกหนึ่งคู่สีที่นิยมในการแต่งบ้านอย่างมาก ด้วยความเรียบง่าย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเท่มีสไตล์ ก็ทำให้คนยุคใหม่หันมาเทใจให้เทรนด์ “Black & White” กันมากขึ้น

สำหรับนักออกแบบที่กำลังมองหาตัวอย่างสำหรับการดีไซน์บ้านโทนขาวดำอยู่ วันนี้ทอสเท็ม (TOSTEM) ก็มีมุมต่างๆ ในบ้าน ที่ตกแต่งเฉดขาว-ดำมาฝากกัน ลองมาเก็บไอเดียดีๆ ด้านการออกแบบ พร้อมเลือกดีไซน์กรอบประตูหน้าต่างให้สวยงามลงตัวกันเลย

The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

Smart Bedroom
คุมโทนเข้มแต่แฝงความนุ่มนวล

ห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เจ้าของห้องอยากใช้เวลาในการพักผ่อนให้ได้มากที่สุด หลายๆ บ้านจึงเลือกตกแต่งเป็นโทนสีเข้มๆ อย่างสีดำเกือบ 100% เพราะสีโทนเข้มช่วยรักษาบรรยากาศของความสงบ ปราศจากความสว่าง แต่การใช้สี

สำหรับห้องนอนโทนเข้มแบบนี้ สามารถเลือกแมตช์กับประตูบานเลื่อน TOSTEM พร้อมกรอบประตูสี Natural Black ให้ Mood ไปด้วยกันกับภาพรวมทั้งหมดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

Modern Loft Bathroom
เพิ่มมิติด้วยเฉดสีสามน้ำหนัก

สำหรับห้องน้ำในบ้านที่มีการใช้งานกันหลายคน อาจเลือกใช้เฉดสีที่ดรอปลงมาจากสีดำ เป็นสีเทาคอนกรีตสไตล์ลอฟต์ แต่ยกระดับความหรูหราและเนี้ยบขึ้นด้วยการปูกระเบื้อง พร้อมเติมเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ลุคโมเดิร์นสีขาว-ดำ ก็ช่วยทำให้บรรยากาศในห้องน้ำไม่มืดทึบเกินไป แถมยังมีเลเยอร์ของน้ำหนักสีตั้งแต่สีสว่าง สีกลาง ไปจนถึงสีเข้ม ให้รู้สึกมีมิติไม่น่าเบื่อ

และอย่าลืมเพิ่มความปลอดโปร่งให้ห้องน้ำ ด้วยหน้าต่างบานช่องแสงจาก TOSTEM ที่ช่วยรับแสงเข้ามาโดยไม่ต้องเปิดหน้าต่าง ทำให้ห้องน้ำสว่างขึ้น แมตช์กับกรอบสี Natural White ช่วยเติมเต็มลุคแบบ Modern Loft ได้ลงตัว

The Inspiring of Black & White บ้านดีไซน์ขาว-ดำ เรียบเท่ลงตัว

Natural Living Room
เปิดรับธรรมชาติให้พื้นที่หลักของบ้าน

มาถึงพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นจุดพบปะของครอบครัวอย่างห้องนั่งเล่น สำหรับห้องนี้หลายๆ บ้านมักใช้เป็นห้อง Multi-Function ทั้งนั่งเล่น พักผ่อน ทานอาหาร การเลือกใช้โทนสีขาวเป็นส่วนใหญ่ พร้อมออกแบบให้เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวภายนอกได้มาก จะช่วยเสริมสร้างพื้นที่ที่ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยใช้เฟอร์นิเจอร์หลักชิ้นใหญ่เป็นสีดำเข้ม อย่างโซฟาและโต๊ะทานข้าว จะช่วยให้โทนของห้องยังดูเรียบเท่สไตล์ Black & White อยู่

ซึ่งสามารถเลือกใช้ประตูเลื่อนบานสูงจาก TOSTEM เพื่อเปิดมุมมองให้ห้องดูกว้างขึ้น โดยเลือกกรอบสีโทนกลางเช่น Autumn Brown ที่ให้ความเป็นธรรมชาติ เข้ากับโทนของห้องมากขึ้น


หากสนใจต้องการบานประตูหรือหน้าต่างสามารถคลิกดูแบบที่ต้องการได้เลย

TOSTEM X Malton Gates Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

TOSTEM X Malton Gates Krungthep Kreetha 
ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

TOSTEM X Malton Gates Krungthep Kreetha
เติมเต็มทุกมิติการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

แม้ว่าปัจจุบันทุกคนต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งสถานการณ์โควิด 19 หรือสภาวะมลพิษทางอากาศที่มีผลต่อคุณภาพชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มธุรกิจเฮ้าส์ซิ่งเดินหน้าออกแบบที่อยู่อาศัย เพื่อตอบสนองทุกรายละเอียดแห่งคุณค่าใหม่ของชีวิต มอบสถานที่แห่งความทรงจำ ที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้เติบโตอย่างมีความสุขไปได้นานแสนนาน

TOSTEM X MALTON GATES Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

บทความนี้ เราขอพาไปเจาะลึกการออกแบบโครงการบ้านจัดสรร ในแง่มุมของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ MAJOR DEVELOPMENT กับคุณจินดาภา จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ และ คุณวิชา วรสายัณห์ ผู้บริหาร จากบริษัท บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด แบรนด์  TOSTEM ว่ามีสิ่งสำคัญอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึงทั้งในบทบาทผู้ออกแบบและผู้ดูแลโครงการทั้งหมดตั้งแต่ต้น ภายใต้โครงการ Malton Gates Krungthep Kreetha บนคอนเซปท์ “The Gates to Well- living” บ้านที่เป็นเสมือนประตูสู่ความเป็นอยู่ที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมยกระดับคุณค่าการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน

สรรสร้างรายละเอียดบนคุณค่าใหม่แห่งการใช้ชีวิต “ Crafting Lifescape to Excellence”

“ในทุกโครงการของ MAJOR DEVELOPMENT เราจะเน้นเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง พิถีพิถันในการเลือกวัสดุคุณภาพให้ใช้ได้นาน คุ้มค่า และคุณภาพที่ดี ต้องดีจากข้างใน ดีจากการออกแบบ ฟังก์ชัน และวัสดุ เพราะฉะนั้นการคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่จะนำมาใช้ในโครงการจึงต้องผ่านหลักเกณฑ์ตามมาตรฐาน MAJOR CRAFT & QUALITY ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่จัดเตรียมให้ในโครงการ ที่ส่งเสริมเรื่อง Well-being ยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดี” คุณจินดาภา เริ่มต้นเล่าถึงสิ่งที่เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองทุกรายละเอียดของชีวิต

ไปจนถึงโครงการยังคำนึงถึงการออกแบบเพื่อสุขภาวะที่ดี ตอบโจทย์ชีวิตได้ครอบคลุม 6 มิติ

  • The Gates to Well Design การออกแบบสง่างามเหนือกาลเวลา รองรับการใช้ชีวิตของคนทุกวัย 
  • The Gates to Well Community สังคมดี มอบความเป็นส่วนตัวและสังคมคุณภาพ 
  • The Gates to Well Rest พักผ่อนดี คัดสรรโซลูชันเพื่อสุขภาวะที่ดี อาทิ ระบบบ้านปลอดฝุ่น PM2.5 
  • The Gates to Well Essence สิ่งแวดล้อมที่ดี ผ่อนคลายด้วยสวนสีเขียวขนาดใหญ่ และผนึกปัญญ์ปุริ (PAÑPURI) มอบสุนทรียภาพในการอยู่อาศัย
  • The Gates to Well Health ดูแลสุขภาพลูกบ้านแบบ Preventive มอบชุดตรวจสุขภาพทางไกล TytoCare และแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพ EngageCare ภายใต้การดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยววชาญ รพ.สมิติเวช
  • The Gates to Well Service บริการเหนือระดับจาก Major Concierge คอยช่วยอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งหมดได้สะท้อนการสร้างสังคมแห่งคุณภาพ และให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้อยู่อาศัยทั้งกายและใจได้มีความสุขอย่างยืนยาว ดังนั้นจึงใส่ใจการออกแบบทุกพื้นที่ ทั้งตัวบ้าน พื้นที่ส่วนกลาง ภูมิทัศน์รอบๆ รวมทั้งยังใส่ใจไปถึงการเลือกวัสดุทุกองค์ประกอบอย่างเข้มงวด

โครงการ Malton Gates Krungthep Kreetha เราออกแบบมาเพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่อยู่อาศัยได้หลายเจนเนอเรชัน รวมถึงคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย อย่างภายใน เน้นการออกแบบในรูปแบบดับเบิ้ลสเปซ สร้างบรรยากาศที่โปร่งโล่ง และมองออกไปที่คอร์ตข้างนอกได้ บ้านทุกหลังที่นี่เป็นลักษณะรูปตัว C มีคอร์ตเอาต์ดอร์ตรงกลางที่หันไปทางข้างบ้าน ทำให้มีพื้นที่สีเขียวที่เป็นส่วนตัว และยังใส่ใจไปถึงการเลือกต้นไม้ในโครงการ อาทิ ต้นสนหรือแม้แต่ไม้พุ่มก็จะเป็นสนใบพาย ก็จะทำให้บรรยากาศของที่นี่มีความโมเดิร์นร่วมสมัย ดูเป็น Timeless Design จะดูตอนไหนก็ไม่เบื่อ ทั้งสวยงามและก็ช่วยกรองมลพิษไปในตัว”

ใส่ใจในทุกรายละเอียด สร้างคุณภาพ รักษามาตรฐานสูงสุด

เพราะ MAJOR DEVELOPMENT ไม่ประนีประนอมให้กับรายละเอียดแม้เพียงจุดเล็กน้อย จึงพิถีพิถันในการเลือกวัสดุคุณภาพ ตอบโจทย์ในแง่ดีไซน์ สวยงาม ฟังก์ชันการใช้งาน และต้องดูแลรักษาง่ายด้วย โดยเลือกใช้ประตู หน้าต่างของ TOSTEM ในเครือของ LIXIL บริษัทวัสดุและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างบ้านชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น แบรนด์ระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ สำหรับอาคารที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและอาคารสูง ที่มีชื่อเสียงในวงการมานานถึง 100 ปี  ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ทั้งระดับสากลและจากญี่ปุ่น

คุณจินดาภา อธิบายถึงจุดเด่นการออกแบบบ้านในโครงการ  Malton Gates Krungthep Kreetha ที่ตั้งใจมอบความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย  ไม่ว่าจะเป็นแง่ของการเชื่อมพื้นที่ การรับรู้ด้านการมองเห็น หรือป้องกันเสียงรบกวน “ซึ่งคุณสมบัติของกรอบประตู-หน้าต่าง TOSTEM  สามารถกันเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี ทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไร้กังวลของผู้อยู่อาศัย และอีกองค์ประกอบสำคัญ ก็คือความปลอดภัย อาทิ ประตู มีการกรุยางรอบตัววงกบ ป้องกันอุบัติเหตุประตูหนีบมือ  มีระบบล็อกป้องกันการงัดแงะ และมีความสวยงามแบบเรียบหรู ตอบโจทย์กับบ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก”

เบื้องหลังการร่วมงานกันระหว่าง  MAJOR DEVELOPMENT และ TOSTEM คุณวิชา เล่าให้ฟังว่าจากจุดประสงค์ของโครงการ ที่ต้องการให้ดีไซน์สะท้อนถึงการอยู่อาศัยที่มีรสนิยม สะท้อนความภาคภูมิใจในชีวิตของลูกบ้าน จึงนำมาสู่การออกแบบสไตล์ Modern Classic ที่ผสานกลิ่นอายความเป็นอังกฤษ โทนสีจึงออกมาเป็นสีเรียบง่ายดำขาว จึงได้เลือกใช้หน้าต่างเป็นวัสดุอะลูมิเนียมสีดำ เพื่อให้ตัดกับตัวผนังสีขาว รวมทั้งสินค้าประตูหน้าบ้านรุ่น GIESTA และ AIRFLOW Door ที่มีความเรียบง่ายและสวยงาม เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นได้เป็นอย่างดี

“ที่สำคัญวัสดุอลูมิเนียมของ TOSTEM ตรงกับคอนเซปต์ของโครงการ Malton Gates Krungthep Kreetha ที่คงความสวยงามเหนือกาลเวลา เนื่องจากใช้เทคโนโลยีการชุบสีอะโนไดซ์ (Anodized) คือการนำเส้นอะลูมิเนียมลงชุบด้วยกระแสไฟฟ้า  แล้วจึงเข้ากระบวนการอบผิวเพื่อความทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ และช่วยให้บ้านสวยงามมากยิ่งขึ้น”

เติมเต็มชีวิต Well-living ให้กับลูกบ้านทุกคน

คุณวิชา เล่าถึงคุณสมบัติ GIESTA ผลิตภัณฑ์ประตูเหล็กลายไม้คุณภาพสูง ติดตั้งระบบมือจับที่ใช้งานง่าย พร้อมระบบล็อคนิรภัยที่แน่นหนา ให้ความสะดวกสบายกับผู้ใช้งานทุกคนและ AIRFLOW Door ผลิตภัณฑ์ที่ถูกดีไซน์ เพื่อสร้างการระบายอากาศด้วยตัวบานเลื่อนแนวตั้งขนาดใหญ่ แม้ในเวลาที่ปิดล็อกประตูอยู่ ทำให้มั่นใจได้ในด้านความปลอดภัย  ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมทั้งช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ Well-living ในทุกๆ วัน

“ประตูหน้าบ้านรุ่น GIESTA สี Turin Pine เป็นบานสูงโปร่ง ดีไซน์ที่มาพร้อมช่องกระจก สามารถรับแสงธรรมชาติได้ ช่วยให้พื้นที่ในบ้านดูสว่างมากขึ้น ถ้าดูจากภายนอก ประตูรุ่นนี้จะดูเหมือนเป็นวัสดุไม้เข้ากับบ้านสไตล์อังกฤษของโครงการ แต่จริงๆ ตัววัสดุเป็นแผ่นเหล็ก หุ้มด้วยแผ่นเรซินลายไม้ Resin Laminated Sheet ด้านในบุโฟม อีพีเอส Expanded Polystyrene เป็นโฟมที่ไม่ลามไฟ คุณสมบัติป้องกันการถ่ายเทความร้อน ทำให้บ้านเย็นขึ้น”

TOSTEM X MALTON GATES Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
ประตูรุ่น GIESTA

ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ตอบโจทย์กับทางคอนเซปต์หลัก The Gate to Well-living ของทางมอลตัน เกทส์ กับคำว่า The Gates to Well Design (ออกแบบดี) โดยยึด Universal Design เป็นหลักการออกแบบเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่และเท่าเทียมกัน รองรับทุกขนาดของครอบครัว รวมถึงเมื่อครอบครัวขยายใหญ่ เพราะฉะนั้นลักษณะการเปิดปิดประตูหน้าต่าง จะต้องมีดีไซน์ที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้สูงอายุ สามารถที่จะเปิดปิดได้ง่าย

“และอีกสิ่งที่เราตอบโจทย์ก็คือ The Gates to The Rest (พักผ่อนดี) ที่เราต้องการบ้านที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งในส่วนห้องครัวเป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านไว้ทำอาหารหรือรับประทาน ทำให้อาจมีกลิ่นอบอวลอยู่ในนั้น TOSTEM จึงนำเสนอตัวประตูตัวหนึ่งในห้องครัวเรียกว่าประตูรุ่น AIRFLOW Door ที่มีกลไกสำหรับเปิดเป็นช่องว่างให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดบานประตูหรือหน้าต่าง ลมจากภายนอกจะพัดเข้ามาและออกไปตามทิศทางลม ช่วยให้ระบายความร้อน ทำให้บ้านเย็นสบาย”

AIRFLOW DOOR

มากกว่านั้น ประตูและหน้าต่างบานเลื่อนของ TOSTEM ทุกบาน จะมีตัวล็อกตรงกลาง ทำให้บานเลื่อนบีบเข้าหากันแน่นหนา หมดห่วงเรื่องผู้บุกรุก พร้อมตัวล็อกหน้าต่างแบบ Multi-lock ล็อก 2 จุด ได้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและยังสามารถกั้นเสียงและกันฝุ่นเนื่องจากมีตัวยางหุ้มรอบด้าน

มาตรฐานพื้นที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งผู้ออกแบบและผู้อยู่อาศัย

ด้วยความที่ MAJOR DEVELOPMENT ไม่ได้จบกระบวนการทำงานในวันที่คุณซื้อบ้าน แต่คำนึงถึงทุกๆ ประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพื่อมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้เป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เจนเนอเรชัน บ้านต้องดีและอยู่คู่กับผู้อาศัยได้อย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์และฟังก์ชัน ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM เป็นอีกการการันตีในระดับพรีเมียม ที่มอบให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตในบ้านอย่างอุ่นใจไร้ความกังวล ผ่านความงามจากวัสดุดีมีคุณภาพสูงในการสร้างบ้าน

v

“อย่างจุดเด่นที่นี่ตั้งใจนำเสนอคือเน้นการเปิดช่องแสงเพื่อสร้างความโปร่งโล่งสบายให้กับตัวบ้าน ซึ่งสินค้าของ TOSTEM มีขนาดประตู-หน้าต่างตามดีไซน์และคุณภาพที่ต้องการ” คุณจินดาภาอธิบายข้อดีของการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล ว่าช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือในฝั่งเจ้าของโครงการ ทั้งยังสะดวกต่อการติดตั้ง ทำให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น

TOSTEM X MALTON GATES Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ส่วนทาง TOSTEM กล่าวว่าในระยะหลังๆ ผู้อยู่อาศัยหรือเจ้าของบ้านเริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุและประตู หน้าต่างมากขึ้น เพราะการเลือกประตู หน้าต่างคุณภาพดี ทำให้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลว่าน้ำจะรั่วซึมหรือระบบล็อก ที่ได้มาตรฐานและจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการอยู่อาศัยและด้วยความใส่ใจผู้บริโภคในทุกรายละเอียด TOSTEM จึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่าให้มากที่สุด รวมถึงปรับให้สอดรับกับการใช้งานของคนไทย

“อย่างตัวโครงการนี้ทำโถงที่ค่อนข้างสูง และในเชิงเทคนิคการที่จะทำประตูหน้าต่างสูงๆ ต้องออกแบบให้รับน้ำหนักกระจกได้ เปิดปิดได้ง่ายต่อการใช้งาน และต้องสอดรับกันการออกแบบที่สวยงาม ซึ่ง TOSTEM เองมีระบบที่เรียกว่า Pre – Engineering คำนวณและทดสอบสินค้า เหมือนกับบริษัทที่ญี่ปุ่น ฉะนั้นไม่ว่าจะแง่ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เองหรือผู้อยู่อาศัยหรือเจ้าของบ้านการเลือกวัสดุประตูหน้าบ้าน ต้องตอบโจทย์ทั้งเรื่องของฟังกชันและความสวยงามด้วย เพื่อมอบความมั่นใจให้แก่ผู้อยู่อาศัย และสะท้อนแนวคิดการออกแบบสไตล์ Modern Luxury ของโครงการ”

TOSTEM X MALTON GATES Krungthep Kreetha ประตูสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

แน่นอนว่าคุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ในโครงการบ้านจัดสรร ย่อมส่งผลโดยตรงกับอาคาร ซึ่งหากคัดสรรวัสดุที่ดีมีคุณภาพ ก็จะยิ่งส่งเสริมให้การสร้างสรรค์ก่อสร้างโครงการเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะเดียวกันการเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ ยังส่งผลต่อดีเฉพาะต่อผู้อยู่อาศัย รวมถึงยังสามารถส่งเสริมความน่าเชื่อถือของผู้สร้างและผู้ออกแบบได้อีกด้วย

สำหรับผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียดโครงการ Malton Gates Krungthep Kreetha เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3LuLChy หรือสนใจผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม แบรนด์ TOSTEM ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://tostemthailand.com/ และสามารถชมอี-แคตตาล็อก ได้ที่ https://bit.ly/42fSFAE หรือสอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่ TOSTEM Thailand