ทุกวันนี้รูปแบบการทำงานได้เปลี่ยนไปแล้ว เทรนด์การทำงานจากที่บ้านหรือ Work from Home ถูกให้ความสนใจมากขึ้น แม้บางคนอาจมองว่าเป็นรูปแบบการทำงานที่ไม่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของตนเอง แต่ก็มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่พบว่าการทำงานที่บ้าน ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการทำงานในออฟฟิศเสียอีก จึงทำให้บางบริษัทได้มีการออกนโยบายให้เป็น Hybrid Office ที่มีทั้งการทำงานจากที่บ้านและออฟฟิศสลับกัน ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงหันมาให้ความสนใจกับการจัดแต่งมุมทำงานในบ้านมากยิ่งขึ้น หรืออาจถึงขั้นรีโนเวทกันใหม่เลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังหาแรงบันดาลใจในการออกแบบ วันนี้ TOSTEM ขอนำเสนอ4 ไอเดียที่จะเปลี่ยนมุมทำงานอันแสนจำเจ ให้กลายเป็นมุมทำงานที่เพิ่มพลัง Productive ในทุก ๆ วันมาฝากกัน
1. จัดขนาดพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่มุมไหนๆ ของบ้าน ‘ฟังก์ชันที่ดี’ ย่อมต้องมีคู่บ้านเสมอ เช่นเดียวกันกับห้องทำงาน ที่ต้องมีการแบ่งพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน และเหมาะสมกับการใช้งานของเรา ดังนั้นก่อนจะลงมือจัดมุม Work from Home ให้น่าทำงาน เราควรรู้ก่อนว่างานของเราต้องใช้อุปกรณ์หรือเฟอร์นิเจอร์อะไร และสิ่งของเหล่านั้นมีขนาดเท่าไหร่บ้าง เพื่อที่จะนำมาออกแบบพื้นที่แต่ละมุมให้ใช้งานง่าย จัดเก็บสะดวก และตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งานในทุก ๆ วัน อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พื้นที่อย่างสิ้นเปลืองอีกเช่นกัน ซึ่งในทางจิตวิทยา หากเราใช้เวลาในห้องที่มีขนาดแคบ กว้าง สูง หรือเตี้ยเกินไป สามารถส่งผลต่อสภาพจิตใจเราให้เกิดพลังลบได้ในขณะเดียวกัน
เมื่อมีการจัดขนาดพื้นที่อย่างเหมาะสมแล้ว เราก็ต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์อย่าง โต๊ะ เก้าอี้ และตู้วางของ ให้มีขนาดที่สมดุลกับสรีระของเราเช่นกัน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง และลดการเกิดภาวะออฟฟิศซินโดรม ที่นำไปสู่อาการปวดกล้ามเนื้อในวัยทำงาน อย่างที่หลายคนกำลังประสบปัญหานั่นเอง
2. เปิดรับและปรับระดับแสงสว่างให้เพียงพอ
เราคงเคยได้ยินบ่อย ๆ ว่าหากจ้องจอนานจะทำให้สายตาเสีย ทว่าสายตาเสียในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสายตาสั้นหรือยาว แต่กล่าวถึง ‘อาการตาล้า’ ที่เกิดจากการใช้งานสายตาหนักเป็นเวลานานในห้องที่มีแสงสว่างที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะมืดหรือสว่างเกินไป หากปล่อยให้เผชิญกับอาการตาล้าบ่อย ๆ อาจนำมาสู่การเกิดโรคทางดวงตาอย่างรุนแรงได้ในระยะยาว ดังนั้นเราจึงต้องจัดเตรียมแสงสว่างให้เพียงพอทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน
โดยแสงไฟส่องสว่างที่เหมาะสมสำหรับห้องทำงาน จะอยู่ที่ประมาณ 400 – 600 ลักซ์ และควรใช้แสงสี Daylight หรือ Cool white เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจน สบายตา และสร้างความรู้สึกกระตือตือร้นในการทำงานได้ดี ทั้งนี้ควรติดตั้งแสงไฟทั้ง ‘ไฟบริเวณ’ ซึ่งทำหน้าที่ให้แสงสว่างทั่วห้อง เน้นอำนวยความสะดวกในการใช้งานทั่วไป และ ‘ไฟเฉพาะจุด’ อย่างโคมไฟบนโต๊ะทำงาน เพื่อปรับระดับแสงสว่างให้ตอบโจทย์กับการทำงานยิ่งขึ้น
สำหรับในช่วงกลางวันนั้น ‘แสงธรรมชาติ’ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำงาน ที่นอกจากจะส่งผลดีต่อสายตาแล้ว ยังส่งผลดีต่อใจของเราอีกเช่นกัน เพราะในเชิงจิตวิทยา แสงธรรมชาติสามารถส่งผลให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยผ่อนคลายความเครียด ทั้งยังกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หากสังเกตจะพบว่าห้องที่ดูน่าทำงาน ส่วนใหญ่มักจะมีหน้าต่างบานกว้าง หรือมีหน้าต่างหลายด้านเสมอ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องระวังภัยเงียบที่แฝงมากับแสงธรรมชาติ อย่างความร้อนและรังสียูวีด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรเลือกใช้หน้าต่างที่มีบานกรอบหนาแน่น ลดการรั่วไหลของอุณหภูมิ ประกอบกับกระจกที่มีความหนาเพียงพอ อย่างกระจกลามิเนตหรือกระจกอินซูเลท เพื่อปกป้องตัวเราจากรังสียูวี และช่วยประหยัดพลังงาน ลดการสะสมความร้อนภายในห้อง
3. รักษาความสะอาด ลดการสะสมของฝุ่นและความอับชื้น
ในช่วงเวลาทำงานหลายคนมักเปิดเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ จึงทำให้เกิดความอับชื้นและเชื้อราสะสมภายในห้องได้ง่าย โดยเฉพาะห้องทำงานที่เก็บหนังสือหรือเอกสารกองโต ซึ่งหากปล่อยไว้นานอาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจได้ ดังนั้นเราจึงควรเปิดรับอากาศธรรมชาติให้เข้ามาถ่ายเทบ้างเป็นบางครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมระมัดระวังฝุ่นละออง ที่มักปลิวมาตามลม หรืออาจเล็ดลอดผ่านรอยต่อระหว่างบานกรอบประตู-หน้าต่าง
ด้วยเหตุนี้บานกรอบประตู-หน้าต่างของ TOSTEM จึงถูกออกแบบกลไกภายในบานกรอบ ทั้งอุปกรณ์ล็อกมุมต่างๆ และซีลยางขอบประตู-หน้าต่าง ให้สามารถปิดล็อกได้อย่างแนบสนิท ไร้กังวลเรื่องฝุ่น PM 2.5 ละอองเกสร และมลภาวะทางอากาศต่างๆ สำหรับใครที่กังวลเรื่องแมลงในระหว่างเปิดประตู-หน้าต่าง ก็สามารถติดตั้งมุ้งลวดเพิ่มเติมได้ ซึ่งมุ้งลวดของ TOSTEM นั้น ถูกออกแบบให้มีดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย เข้ากับบานกรอบประตู-หน้าต่างอย่างลงตัว โดยเฉพาะในรุ่น ATIS ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีมุ้งกันแมลงล่องหน ซึ่งผลิตจากเส้นตาข่ายที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นไนลอนขนาดทั่วไปถึง 40% ทำให้สามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้ชัดเจนขึ้น ทั้งยังช่วยป้องกันฝุ่น แมลง และปล่อยให้ลมสามารถลอดผ่านเข้ามาได้ดีกว่าเดิม
4. เพิ่มความสดชื่น มีชีวิตชีวา ด้วยสีเขียวจากต้นไม้
การพักสายตาหันไปมองธรรมชาติรอบตัว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจจากความเครียดได้ดี และการปลูกต้นไม้ภายในห้องทำงาน อาจมีประโยชน์มากกว่าที่เราคาดคิด เพราะต้นไม้บางชนิดมีคุณสมบัติช่วยดักจับฝุ่นและสารพิษในอากาศ หรือสามารถฟอกอากาศให้สะอาด สดชื่น ด้วยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ อย่างต้นยางอินเดีย, เขียวหมื่นปี, เดหลี, ฟิโลเดนดรอน หรือลิ้นมังกร เป็นต้น โดยพืชเหล่านี้มักมีรูปทรงสวยงาม และชอบแสงแดดรำไร จึงเหมาะกับการประดับตกแต่งภายในบ้านเป็นอย่างยิ่ง
การจะเลือกชนิดต้นไม้มาปลูกภายในห้องทำงานนั้น เราควรคำนึงถึงพื้นที่ว่างภายในห้องเป็นอย่างแรก หากห้องทำงานมีพื้นที่ไม่เพียงพอกับการวางกระถางบนพื้น อาจต้องหันมาเลือกไม้กระถางที่มีขนาดเล็ก หรือไม้แขวนประดับแทน เช่น ต้นเศรษฐีเรือนใน, พลูด่าง, เฟิร์นบอสตัน, ว่านหางจระเข้ เป็นต้น ที่สำคัญแม้ต้นไม้เหล่านี้จะต้องการแสงแดดน้อย แต่ก็ควรปลูกในจุดที่ลมถ่ายเทสะดวก และโดนแสงแดดอ่อนๆ บ้าง เพื่อให้ต้นไม้มีสุขภาพดี สามารถเจริญเติบอย่างสวยงาม หรือหากต้องการต้นไม้ใบสวยที่ไม่ง้อแดด ที่เน้นการดูแลรักษาได้ง่ายเหมาะกับไลฟ์สไตล์ก็จะยิ่งเหมาะสม หรือหากเลือกปลูกต้นไม้ที่สามารถช่วยฟอกอากาศ ได้ ก็จะช่วยให้บรรยากาศรวมถึงอากาศในห้องทำงานสดชื่นขึ้นอีกด้วย
จาก 4 ไอเดียที่เราแนะนำมานี้ จะสังเกตได้ว่าการไหลเวียนของแสงและอากาศเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้บรรยากาศภายในห้องทำงานน่าอยู่สบาย การเลือกประตู-หน้าต่างที่มีคุณภาพสูง จึงเปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันอันแข็งแกร่ง ที่ช่วยปกป้องเสียงและอุณหภูมิจากภายใน แต่ยังเปิดวิวทิวทัศน์ให้เราสามารถใช้ชีวิตและ Work from Home ได้อย่างสบายกายสบายใจ ซึ่งผลิตภัณฑ์ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ทุกชิ้นล้วนผ่านกระบวนการผลิตและการทดสอบประสิทธิภาพอย่างเข้มงวด ตามมาตรฐานการผลิตจากญี่ปุ่นควบคู่กับมาตรฐานจากอเมริกา จนได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมายาวนานตลอด 100 ปี
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมจากแบรนด์ TOSTEM สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย