Tag: ประตู

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

เมื่อกล่าวถึงเอกลักษณ์ของบ้านโมเดิร์นในปัจจุบัน นอกจากหน้าตาอาคารที่เน้นความเรียบหรู มินิมอลแล้ว โถง Double Volume Space ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของพื้นที่ภายใน ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม หรืออาคารสูงอื่นๆ วันนี้เราขอพาทุกคนมาไขข้อสงสัยกันว่า โถงนี้มีข้อดีอย่างไร… ทำไมจึงเป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่กัน?

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

01 เพิ่มถ่ายเทอากาศอย่างปลอดโปร่ง

หากเราสังเกตเรือนไทยในสมัยก่อน จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วโครงสร้างของเรือนไทย มักทำเป็นหลังคาจั่วสูงและไม่ปิดฝ้า ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากหลักการถ่ายเทอากาศ เพราะโดยทั่วไปแล้วความร้อนจะลอยตัวขึ้นด้านบน แต่ความเย็นจะลอยตัวต่ำอยู่ด้านล่าง ดังนั้นจึงต้องมีพื้นที่ว่างใต้หลังคาให้ความร้อนลอยตัวขึ้น และระบายออกตามช่องว่างของหลังคาได้อย่างสะดวก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป บ้านส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาปิดฝ้าเพดานมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์กับรูปลักษณ์ และความสวยงามของสไตล์โมเดิร์น รวมถึงสามารถซ่อนงานระบบต่างๆ ได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ส่งผลทำให้มีการสะสมความร้อนภายในตัวบ้านมากขึ้นตาม

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

การออกแบบ Double Volume Space จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้อากาศถ่ายเทได้อย่างปลอดโปร่ง ด้วยความสูงของผนังจากพื้นถึงฝ้าที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว (ประมาณ 4-5 เมตร) จึงทำให้มีพื้นที่ให้ความร้อนได้ลอยตัวสูงขึ้น และหากต้องการหมุนเวียนอากาศให้ถ่ายเทอย่างต่อเนื่อง ควรมีการออกแบบช่องหน้าต่างหลายด้าน ทั้งส่วนด้านล่างและด้านบนของผนัง Double Volume Space เพื่อให้ความร้อนที่ลอยตัวสูง ได้ระบายออกไปข้างนอก พร้อมกับเปิดรับลมเย็นเข้ามาแทน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

02 สร้างความโปร่งโล่งภายในพื้นที่จำกัด

หลายคนมักเข้าใจว่าบ้านที่โปร่งโล่ง จะต้องมีขนาดกว้างขวาง แต่ในความจริงแล้วอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะความสูงของฝ้าเพดาน ประกอบกับการได้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างความโปร่งโล่งได้ แม้มีขนาดพื้นที่จำกัด  ดังนั้นเราจึงเห็นว่าพื้นที่ Double Volume Space มักมาพร้อมกับการติดตั้งหน้าต่างบานกระจกต่อกันทั้งผนัง โดยอาจจะติดตั้งบานที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ ทั้งชุดด้านบนและด้านล่าง หรือจะติดตั้งหน้าต่างชุดด้านบนเป็นบานปิดตาย เพื่อทำหน้าที่เป็นช่องแสงก็ได้

นอกจากแสงธรรมชาติจะช่วยสร้างบรรยากาศโปร่ง โล่ง สบายแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานการเปิดไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย แต่สำหรับใครที่กังวลว่าความร้อนจากแสงแดด จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก ก็สามารถเลือกใช้ชนิดกระจกที่ช่วยปกป้องความร้อน และเลือกใช้บานกรอบหน้าต่างคุณภาพสูง ที่มีตัวล็อกแน่นหนา ทำให้สามารถปิดหน้าต่างได้สนิท และป้องกันอากาศรั่วไหลได้ดี เพียงเท่านี้ก็จะสามารถประหยัดการใช้พลังงาน จากไฟส่องสว่างและเครื่องปรับอากาศได้พร้อมๆ กัน

03 ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน

ด้วยลักษณะของโถงที่มีความโอ่อ่า หรูหราในตัว ทำให้ Double Volume Space ถูกนำมาใช้กับพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร หรือโถงต้อนรับ ที่เป็นเหมือนพระเอกของบ้าน และมีการเสริมองค์ประกอบที่ทำให้บ้านมีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้านยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า (Chandelier) หลากหลายรูปแบบ, การกรุผนังด้วยวัสดุพิเศษ หรือบานกรอบประตู-หน้าต่าง ที่มีสีสันและลวดลายผิวสัมผัสของวัสดุสวยงาม เข้ากับสไตล์ของบ้าน ซึ่งเราสามารถเลือกสีบานกรอบ ที่มีโทนสว่าง กลมกลืนไปกับสีของผนัง เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูเบา สบาย หรือจะเลือกสีโทนเข้ม ตัดกับผนัง เพื่อเน้นดีไซน์ของหน้าต่าง รวมถึงเสริมหน้าตาภายนอกของบ้านให้ดูโดดเด่นขึ้นก็ได้

04 เชื่อมต่อความรู้สึกคนในบ้านผ่านการมองเห็น

นอกจากการจัดแปลนแบบ Open Space ที่เชื่อมต่อพื้นที่ฟังก์ชันในแนวนอนแล้ว ยังมี Double Volume Space ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อในแนวตั้งอีกเช่นกัน ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้คนในบ้านรู้สึกเชื่อมต่อกันได้ แม้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเราสามารถออกแบบพื้นที่ชั้นบนให้เป็นระเบียงทางเดิน หรือพื้นที่นั่งเล่น ที่เปิดโล่ง เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการมองเห็น การใช้งาน และการไหลเวียนอากาศ หรือจะออกแบบให้เป็นห้องนอน หรือห้องทำงาน ที่ถูกกั้นด้วยบานหน้าต่างกระจก เพื่อรักษาความส่วนตัว แต่ยังสามารถมองเห็นโถงด้านล่างได้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลในเรื่อง การเชื่อมต่อความรู้สึกแล้ว ยังทำให้คนในบ้านสามารถมองเห็นได้ เมื่อมีแขกมาเยือน หรือหากมีผู้บุกรุกเข้ามาในบ้าน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

05 เปิดมุมมองทิวทัศน์ธรรมชาติรอบบ้านให้กว้างขึ้น

โถง Double Volume Space ไม่แค่เพียงการเชื่อมต่อการมองเห็นภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยเปิดมุมมองทิวทัศน์ให้กว้างขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพสวนของเรา บริบทรอบข้างบ้าน และท้องฟ้าสดใสได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการที่มีทัศนียภาพที่ดี จะส่งผลทำให้บรรยากาศบ้านของเราดูมีชีวิตชีวา ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นการเสริมให้บ้านดูหรูหราได้อีกทางหนึ่ง อย่างบ้านหรืออาคารในเมือง ที่มีทัศนียภาพพาโนรามาของตึกรอบๆ

เมื่อเปิดรับธรรมชาติแล้ว ในขณะเดียวกันก็ควรมีการป้องกันจากความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเช่นกัน โดยเฉพาะวันที่ฝนตก ฟ้าร้อง หรือพายุเข้า ดังนั้นบานประตู-หน้าต่างจึงต้องมีกลไกที่ช่วยรับมือได้ทุกสภาพอากาศ อย่างผลิตภัณฑ์ของ TOSTEM ที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถต้านแรงลมได้สูงถึง 2,000 Pascal ตอบโจทย์ทั้งบ้านและอาคารสูง มาพร้อมกับกลไกป้องกันน้ำฝนในโปรไฟล์กรอบล่างหลายชั้น และมีวาล์วระบายน้ำ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำที่เอ่อล้นไหลย้อนกลับเข้ามาภายในบ้าน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

ที่สำคัญบานประตู-หน้าต่างของ TOSTEM ยังสามารถสั่งทำขนาดพิเศษ ที่มีความสูงถึง 3 เมตร ต่างจากปกติที่สูงเพียง 2 เมตรเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์กับดีไซน์ Double Volume Space ของบ้านและอาคารสูง โดยยังคงประสิทธิภาพความทนทานในทุกๆ ด้าน ตามมาตรฐาน JIS หรือ Japanese Industrial Standards ควบคู่กับมาตรฐาน ASTM จากสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

อย่างที่รู้กันว่าอากาศร้อนกับเมืองไทยเป็นของคู่กันเสมอ แต่ด้วยเทรนด์อาคารโมเดิร์นในปัจจุบัน ที่มักใช้ประตู-หน้าต่างกระจกเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ยากต่อการหลีกเลี่ยงความร้อน ที่จะเข้ามาสะสมในตัวบ้าน ซึ่งการเลือกชนิดกระจกที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดความร้อนจากแสงแดดได้ วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกระจก 4 ประเภท เพื่อให้คุณสามารถเลือกกระจก ที่จะช่วยตอบโจทย์ในการป้องกันความร้อนได้อย่างดีที่สุด    

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกโฟลต (Float Glass)

กระจกโฟลต เป็นกระจกที่คล้ายกับกระจกแผ่นทั่วไป แต่มีฟองอากาศน้อยกว่า ทำให้ผิวเรียบสนิททั้งสองด้าน มีความโปร่งแสงสูง ทำให้ความร้อนผ่านได้ง่าย สามารถมองทะลุผ่านได้อย่างชัดเจน และแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กระจกใส และกระจกสี ซึ่งกระจกสีมีคุณสมบัติช่วยลดทอนแสงแดดได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติดูดความร้อนมากกว่ากระจกใส ทำให้ความร้อนยังสามารถแผ่เข้าสู่ตัวอาคารได้ง่ายเช่นเดิม

แม้กระจกโฟลตจะมีความแข็งแรงเพียงพอ สำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร แต่ควรหลีกเลี่ยงใช้ในทิศที่หันเข้าหาแดดจัด หรือได้รับความร้อนทั้งวัน นอกจากนี้ยังควรเพิ่มเกราะป้องกันความร้อนเสริมอีกชั้น ด้วยระแนง หรือ Double Skin Façade เพื่อช่วยกรองแสงให้กับพื้นที่ภายในอาคาร และเป็นการรักษากระจกให้มีอายุการใช้งานยาวนาน

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกนิรภัย (Laminated Glass)

กระจกนิรภัย หรือกระจกลามิเนต เป็นการนำกระจกธรรมดาหรือกระจกเทมเปอร์ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไป มาประกบกัน และคั่นตรงกลางด้วยแผ่นฟิล์ม PVB (Poly Vinyl Butyral) หรือ EVA (Ethylene Vinyl Acetate) ซึ่งแผ่นฟิล์มจะทำหน้าที่ยึดเศษกระจก ไม่ให้ร่วงหล่นจากกรอบบานเมื่อแตก ทำให้กระจกลามิเนตทนทานต่อแรงกระแทกและแรงดันสูง มีความปลอดภัยมากกว่าชนิดอื่นๆ ช่วยป้องกันเสียงรบกวนและเก็บเสียงได้ดี

ที่สำคัญยังช่วยป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้มากถึง 90% จึงเหมาะกับการใช้ในทุกๆ ส่วนของบ้าน สามารถออกแบบให้เป็นทั้งประตู-หน้าต่าง, พื้นทางเดิน, บันได, ราวกันตก , Skylight และ Facade แต่กระจกลามิเนตยังมีข้อจำกัดในเรื่องของแผ่นฟิล์ม เพราะหากอยู่ในสภาวะที่มีความชื้นสูง แผ่นฟิล์มจะดูดความชื้น และส่งผลให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะของกระจกเสื่อมลง

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกฉนวนกันความร้อน (Insulated Glass)

กระจกฉนวนกันความร้อน หรือกระจกอินซูเลท เป็นกระจกที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความร้อนเป็นพิเศษ เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาคารสูง ที่นิยมติดกระจกรอบอาคาร และมีโอกาสรับแสงแดดมากกว่าบ้านหรืออาคารขนาดเล็ก

มีวิธีการทำโดยนำกระจกชนิดใดก็ได้ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกัน คล้ายหลักการทำกระจกลามิเนต แต่จะเว้นช่องตรงกลางสำหรับติดตั้งเฟรมอะลูมิเนียม และถูกบรรจุด้วยอากาศแห้งหรือก๊าซเฉื่อย เพื่อทำหน้าที่ป้องกันแสงแดดและลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร รวมถึงยังช่วยสะท้อนแสงแดดออกไปได้มากกว่า 95%-98% ทำให้สามารถลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ รักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้คงที่ และลดการใช้ไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวัน เป็นทางเลือกการประหยัดพลังงานภายในอาคารที่น่าสนใจเลยทีเดียว

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจก Low-E (Low-Emission Glass)

กระจก Low-E เป็นกระจกที่ถูกนำมาเคลือบสารโลหะ เพื่อลดการแผ่รังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร ในขณะที่มีการสะท้อนแสงค่อนข้างต่ำ ทำให้แสงแดดยังคงสามารถส่องเข้ามาได้มาก ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในอาคารสูง หรืออาคารทั่วไปที่ต้องการประหยัดพลังงาน แต่ต้องการแสงธรรมชาติเทียบเท่าเดิม โดยกระจก Low-E แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กระจก Low-E แบบผิวเคลือบผิวแข็ง (Hard Coat Low-E) และกระจก Low-E แบบผิวเคลือบผิวแข็ง (Soft Coat Low-E)

กระจก Hard Coat Low-E ลดการแผ่รังสีความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคารได้น้อย ทำให้กักเก็บความร้อนภายในอาคารได้ดี จึงเหมาะกับการใช้ในเมืองหนาวมากกว่า ทำให้กระจก Soft Coat Low-E จึงเป็นที่นิยมใช้มากกว่าในเมืองร้อนอย่างไทยเรา แต่กระจก Soft Coat Low-E ไม่ควรใช้บานเดี่ยวเนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยด่างจากสภาพอากาศ จึงนำมาประกบ 2 ชั้น และบรรจุอากาศตรงกลาง เหมือนกับกระจกอินซูเลท ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพการป้องกันความร้อนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

นอกจากการเลือกกระจกป้องกันความร้อนได้ดีแล้ว ก็ต้องมีควบคู่กันคือบานกรอบประตู-หน้าต่าง ที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำ จะทำให้บานกรอบแตกหักได้ง่าย เมื่อผ่านสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน รวมถึงทำให้ยาแนวเสื่อมสภาพหรือเสียหายเร็ว ซึ่งส่งผลต่อการรั่วซึมของอากาศและน้ำฝน ที่สามารถเข้าสู่ช่องว่างระหว่างกระจกได้ โดยเฉพาะกระจกอินซูเลท และกระจก Low-E ที่มีช่องว่างของก๊าสเฉื่อยตรงกลาง

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมของ TOSTEM มีการทดสอบประสิทธิภาพความทนทานต่อรังสีอินฟาเรดและรังสียูวีเข้มข้น เพื่อการันตีคุณภาพได้ว่า วงกบและกรอบบานอะลูมิเนียม รวมถึงอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะไม่เปลี่ยนรูป ไม่บิดงอ ไม่มีรอยแตกร้าวเสียหาย หลังจากการเผชิญกับความร้อนและแสงแดดรุนแรง ที่สำคัญนวัตกรรมการชุบ สีอะโนไดซ์ของ TOSTEM ยังทำให้สีติดทนนาน ไม่หลุดร่อน ไม่ซีดจาง เนื่องจากเป็นการนำอะลูมิเนียมไปชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า จนเกิดเป็นชั้นฟิล์มอะลูมิเนียมออกไซด์ ที่มีผิวเรียบเนียน และมีเฉดสีที่เข้ากับงานออกแบบหลากหลายสไตล์ พร้อมเคลือบด้วย TEXGUARD เสริมความทนทานอีกชั้น ซึ่งต่างจากวิธี Powder Coated ทั่วไป ที่เป็นการใช้สีฝุ่นพ่นลงบนพื้นผิวอะลูมิเนียม ทำให้สีซีดจางลงได้ง่ายเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

เมื่อกล่าวถึงบ้านจัดสรร หลายคนมักนึกถึงกลุ่มบ้านที่มีดีไซน์หน้าตาคล้ายกัน เรียงติดกันเป็นแถว แถมยังไม่ค่อยมีพื้นที่นอกตัวบ้านให้ตกแต่งพื้นที่บริเวณสวนมากนัก จนทำให้บางคนเลือกที่จะนำบ้านจัดสรรหน้าตาเดิมนำมารีโนเวทใหม่ ให้กลายเป็นบ้านที่ใช่ ตามสไตล์ที่ชอบมากขึ้น เช่นเดียวกันกับ Baan Ladprao บ้านโฉมใหม่ของคุณอาย วราพร เธียรปรีชา ที่ซ่อนห้องนั่งเล่นเรือนกระจกสุดร่มรื่นไว้ใจกลางบ้าน

“เราไปดูตัวอย่างที่โชว์รูมของ TOSTEM แล้วก็รู้สึกประทับใจ ตรงที่สีโอเค ความหนาของบานกรอบ กระจกก็โอเค การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ถือว่าคุ้มค่า เพราะเป็นบานประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม สามารถเปิดเห็นสวนได้เต็มที่ ทำให้บ้านดูสวยขึ้นเยอะมาก”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล
คุณอาย วราพร เธียรปรีชา (เจ้าของบ้าน)
จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จุดเริ่มต้นของบ้านแห่งนี้ มาจากความชอบของเจ้าของบ้าน ที่ต้องการอยู่อาศัยในบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่มีรูปทรงสวยงาม ทันสมัย ท่ามกลางบรรยากาศสวนธรรมชาติรอบบ้านในทุกๆ วัน จนเป็นที่มาของบ้านรูปทรงกล่องสีขาว ที่ถูกจัดวางสอดประสานกันอย่างลงตัว บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร 

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

สร้างความโปร่งโล่ง ภายใต้ความเป็นส่วนตัว

สถาปนิกเลือกที่จะรักษาพื้นที่ฟังก์ชันภายในไว้คงเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายนอกอาคารใหม่ ให้มีความโปร่ง โล่ง สบาย แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย โดยนำโรงจอดรถที่มีดีไซน์สอดคล้องกับตัวบ้าน วางไว้ด้านหน้าทางเข้า เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และเชื่อมต่อกับระเบียงทางเดิน Semi-Outdoor ก่อนเข้าสู่พื้นที่ฟังก์ชันอื่นๆ ภายในบ้าน ซึ่งข้อดีของการออกแบบทางเดินให้เป็น Semi-Outdoor แทนทางเดินภายในบ้านตามทั่วไป คือ ทำให้แสงและลม สามารถไหลเวียนถ่ายเทได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้บรรยากาศของบ้านไม่น่าเบื่อ และยังสามารถสอดแทรกกะบะต้นไม้ หรือสวนเล็กๆ ระหว่างทาง ตามความต้องการของเจ้าของบ้านได้

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

นอกจากการออกแบบในเชิงฟังก์ชันแล้ว รูปแบบและโทนสีวัสดุ ยังสามารถส่งผลต่อความอยู่สบายของบ้านเช่นกัน อย่างการนำหลักการสะท้อนแสงของวัสดุสีขาว มาช่วยลดทอนความทึบตันของอาคาร และช่วยพรางตาทำให้พื้นที่ดูกว้างขวางกว่าความเป็นจริง รวมถึงมีการเลือกใช้ประตู-หน้าต่าง ที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน มีเส้นกรอบของอะลูมิเนียม ช่วยขับเน้นสัดส่วนอาคารให้ดูสูงโปร่งขึ้น พร้อมกับเปิดรับแสงและลมธรรมชาติเข้ามาสู่ตัวบ้าน และสำหรับฟังก์ชันที่อยู่ในด้านหันออกนอกตัวบ้าน อย่างห้องนอนและห้องน้ำ สถาปนิกก็ได้ออกแบบฟาซาดระแนงสีขาวเข้ากับตัวบ้าน มาทำหน้าที่กรองแสงแดด และอำพรางสายตา เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

Glass House ห้องนั่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติ

Glass House เป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกต่อเติมขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในบ้าน และชานไม้ที่ยื่นออกไปในสวนน้ำตกจำลอง ซึ่งสถาปนิกตั้งใจออกแบบพื้นที่นี้ ให้คล้ายกับเรือนกระจก โดยมีการติดตั้งบานกระจกอะลูมิเนียมรอบด้าน เพื่อเปิดรับมุมมองทัศนียภาพในหลากหลายมิติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับรู้ถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

อยู่สบาย ปลอดภัย รับมือได้ทุกสภาพอากาศ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศได้ไม่มีสะดุด คือ การสร้างความปลอดภัยในขณะใช้งาน ซึ่งหน้าต่างบานสไลด์ รุ่น GRANTS สี Natural White จาก TOSTEM ก็สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี เนื่องจากเป็นบานกรอบอะลูมิเนียมที่ถูกออกแบบพิเศษ สามารถต้านทานแรงลมได้สูง มาพร้อมกับระบบป้องกันน้ำ 2 ชั้น ซ่อนอยู่ภายในตัวกรอบบานล่าง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกจากขอบหน้าต่าง ช่วยลดปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าสู่ตัวบ้านได้ ในขณะเดียวกันบานกรอบอะลูมิเนียม TOSTEM ก็มีความแข็งแรง ทนทานต่อแสงแดดและรังสียูวีได้สูง ไม่แตกหักง่าย และการทำสีอะลูมิเนียมแบบอะโนไดซ์ ยังช่วยทำให้สีไม่หลุดลอกหรือซีดจาง แม้ต้องเจอกับแสงแดดจ้า หรือผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

“บ้านก็เย็นขึ้นจากก่อนรีโนเวท สีอะลูมิเนียมข้างนอกที่โดนฝน โดนแดด ก็ไม่ซีด ตอนติดตั้งทาง TOSTEM ก็มีการประสานงานกับผู้รับเหมาได้ดี เพราะว่าบ้านเรามีการติดตั้งผ้าม่าน มุ้งจีบ และระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีการเดินสาย เซนเซอร์ประกบประตู-หน้าต่างทุกบาน ดังนั้นงานติดตั้งจึงมีความซับซ้อน แต่ TOSTEM ก็ได้ให้คำแนะนำ คำปรึกษาอย่างดี จนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา ก็สามารถแปลงโฉมให้เป็นบ้านในฝันได้ หากมีการออกแบบตัวอาคารที่ดี ควบคู่กับการเลือกวัสดุอย่างเหมาะสม สำหรับใครที่สนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพให้กับบ้านและการอยู่อาศัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ขอขอบคุณ

Owner : คุณอาย วราพร เธียรปรีชา และครอบครัว


ทอสเท็ม เปิดโครงการ TOSTEM Knowledge Sharing เดินหน้าเสริมทักษะ ความรู้ กรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมให้นิสิตนักศึกษา


ทอสเท็ม เดินหน้าส่งเสริมทักษะ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสำเร็จรูป ให้นักศึกษามหาวิทยาชั้นนำ

ทอสเท็ม ผู้ผลิตประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมแบรนด์ TOSTEM เดินหน้าส่งเสริมทักษะ และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสำเร็จรูป ให้นักศึกษามหาวิทยาชั้นนำของไทย ภายใต้โครงการ TOSTEM Knowledge Sharing โดยจัดอบรมเชิงวิชาการและเชิงปฏิบัติให้กับนักศึกษา

ทอสเท็ม เปิดโครงการ TOSTEM Knowledge Sharing เดินหน้าเสริมทักษะ ความรู้ กรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมให้นิสิตนักศึกษา
นายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์ กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี
บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

นำทีมโดยนายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์ กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมแบรนด์ ทอสเท็ม (TOSTEM) เปิดเผยว่า โครงการ TOSTEM Knowledge Sharing มีวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรม เพื่อเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ ทักษะต่างๆ และเทคโนโลยี ของ TOSTEM ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสำเร็จรูป ให้กับนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เพื่อนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานต่อไปในอนาคต เป็นการยกระดับการทำงาน เพิ่มพูนองค์ความรู้ ทักษะ รวมถึงเรื่องของนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในท้องตลาด ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ และการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพบเจอในชีวิตการทำงานจริงในสายอาชีพของ นักออกแบบ หรือสถาปนิก

สำหรับโครงการ TOSTEM Knowledge Sharing ได้นำร่องเริ่มจัดกิจกรรมครั้งแรกให้กับ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โดยจัดให้มีการบรรยายพิเศษในวิชาวัสดุและการก่อสร้างประยุกต์ (Applied Construction Materials) พร้อมจัดกิจกรรม Work Shop ในกิจกรรม TOSTEM Knowledge Sharing at CMU ในหัวข้อเรื่อง “ระบบวัสดุประเภทประตูหน้าต่าง และการออกแบบวัสดุประเภทอะลูมิเนียม” พร้อมเนื้อหาที่ทาง TOSTEM เตรียมมาให้นักศึกษาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบไปด้วย

1) ประวัติ และความเป็นมาของระบบประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม
2) ชนิดของประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม
3) ประสิทธิภาพขั้นพื้นฐานของประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม
4) การทำสีเคลือบผิวอะลูมิเนียม
5) ดีไซน์ และการออกแบบรายละเอียด curtainwall ของ TOSTEM
6) ระบบพรีเอ็นจิเนียร์ของทอสเท็ม (TOSTEM Pre Engineered)
7) วัสดุอะลูมิเนียม นวัตกรรมและเทคโนโลยีของ TOSTEM

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Product Assembling Workshop นักศึกษายังได้ทดลองประกอบชิ้นงานผลิตภัณฑ์จริง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริงได้

ทอสเท็ม เปิดโครงการ TOSTEM Knowledge Sharing เดินหน้าเสริมทักษะ ความรู้ กรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมให้นิสิตนักศึกษา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัฐพงษ์ อังกสิทธิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ศิษย์เก่าและวิชาชีพสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยทางมหาวิทยาลัย ซึ่งมีอาจารย์ภูมิ ทรัพย์ไพบูลย์กิจ อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชาวัสดุและการก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างประยุกต์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้ริเริ่ม

ทอสเท็ม เปิดโครงการ TOSTEM Knowledge Sharing เดินหน้าเสริมทักษะ ความรู้ กรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมให้นิสิตนักศึกษา

นางสาวธิญดา เกลี้ยกล่อม นายกสโมสรนักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า กิจกรรม TOSTEM Knowledge Sharing เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์กับนักศึกษาเป็นอย่างมาก โดยนักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียม ทั้งในเรื่องของสเปคประตูหน้าต่าง โซลูชั่นการใช้งานของตัวอุปกรณ์ ดีไซน์ การออกแบบ และเรื่องของนวัตกรรมเทคโนโลยีของงานกรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียม และยังได้ลงมือทดลองประกอบสินค้าจริง

ทอสเท็ม เปิดโครงการ TOSTEM Knowledge Sharing เดินหน้าเสริมทักษะ ความรู้ กรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมให้นิสิตนักศึกษา

TOSTEM ยินดีที่จะเปิดโอกาสให้กับน้องๆ นักศึกษา และสถาปนิกรุ่นใหม่ที่สนใจ เรียนรู้ เสริมทักษะเรื่องกรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียม โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณธารารัตน์ เงินชารี ฝ่ายการตลาด TOSTEM เบอร์โทร 02-901-4455 ต่อ 4221, 098-991-4692


Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

PetFriendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

เพราะว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว และบรรดาน้องๆ ก็จะกิน นอน พักผ่อนในบ้านของเราเช่นเดียวกับที่เราทำ ฉะนั้นการจัดพื้นที่แบบ Pet Friendly ให้เป็นมิตรทั้งคนและสัตว์เลี้ยง จะช่วยให้ทุกชีวิตในบ้านอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว และนี่คือ ไอเดียออกแบบบ้าน ที่จะทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่อันอบอุ่น ปลอดภัย และช่วยเติมเต็มความรักให้กับเราและสัตว์เลี้ยงในทุกวันไปด้วยกัน

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

อยาก Pet Friendly ต้องเลือกพื้นบ้านให้เฟรนด์ลี่กับสัตว์เลี้ยง

ควรเลือกปูพื้นที่สามารถทนต่อกิจกรรมของพวกสัตว์เลี้ยงได้ และยังคงความสวยงามของสภาพแวดล้อมบ้าน ที่สำคัญต้องปลอดภัยทั้งกับคนและสัตว์เลี้ยง ด้วยการเลือกชนิดวัสดุพื้นที่เหมาะสม ทำความสะอาดง่าย เพื่อสุขอนามัยที่ดี ทนทานต่อรอยข่วน และไม่ลื่นจนเกินไป เช่นกระเบื้องปูพื้นที่มีพื้นผิวด้านหยาบ หรือมีค่ากันลื่น ระดับ R9 เป็นอย่างน้อย กระเบื้องพื้นยาง ปูนขัดมัน เพื่อช่วยในการยึดเกาะของเท้าสัตว์เลี้ยง เนื่องจากหากเลือกพื้นที่เดินไม่สะดวก แล้วเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มบ่อยๆ จะส่งผลต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อโรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip dysplasia)

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

มีการระบายอากาศที่ดี ลมถ่ายเทได้ทั่วถึง

ทั้งเราและสัตว์เลี้ยงต่างต้องการอากาศที่ดี ดังนั้นควรออกแบบพื้นที่ให้มีการระบายอากาศที่เพียงพอ เป็นต้นว่า ดีไซน์บ้านให้มีประตู หน้าต่าง หรือช่องลม ที่แสงแดดส่องถึงและสามารถเปิดรับอากาศธรรมชาติให้ไหลเวียนเข้ามาภายในบ้านได้ เพื่อช่วยลดปัญหากลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ความชื้น ไปจนถึงเชื้อรา ซึ่งอาจเป็นแหล่งก่อเกิดเชื้อโรคต่างๆ ที่ส่งผลเสียทั้งต่อสุขภาพของตัวเราและสัตว์เลี้ยงได้

ขณะเดียวกันในวันที่เราไม่อยู่บ้าน เมื่อปิดล็อกประตูหน้าต่าง อากาศก็ควรถ่ายเทได้ทั้งวัน  เผื่อวันไหนสัตว์เลี้ยงของเราต้องอยู่บ้านตามลำพังจะได้รับอากาศที่ดี ซึ่ง 𝗧𝗢𝗦𝗧𝗘𝗠 มีโซลูชั่นเพื่อสร้างการไหลเวียนและถ่ายเทอากาศให้บ้านคุณ ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม 𝗧𝗢𝗦𝗧𝗘𝗠 𝗔𝗶𝗿𝗳𝗹𝗼𝘄 𝗦𝘆𝘀𝘁𝗲𝗺 เช่น 𝗔𝗶𝗿𝗳𝗹𝗼𝘄 𝗦𝗹𝗼𝘁 ที่มีเฉพาะในรุ่น WE70 และ WE PLUS ช่องระบายอากาศพร้อมแผงมุ้งสเตนเลส หรือประตูระบายอากาศ 𝗔𝗶𝗿𝗳𝗹𝗼𝘄 𝗗𝗼𝗼𝗿 ที่ถูกออกแบบให้สามารถระบายอากาศ โดยไม่ต้องเปิดบานประตู ช่วยลดอุณภูมิระหว่างวันในบ้าน ลดกลิ่นอับ และสามารถป้องกันเหล่าแมลงและสัตว์มีพิษจากข้างนอกที่อาจเข้ามารบกวนได้อีกด้วย

หน้าต่างบานใหญ่เปิดรับวิว ช่วยสัตว์เลี้ยงผ่อนคลาย

จัดเตรียมพื้นที่หรือมุมโปรดของสัตว์เลี้ยงให้อยู่ใกล้หน้าต่าง ที่ได้รับแสงธรรมชาติเพียงพอ และสามารถรับวิวข้างนอกได้ ช่วยทำให้สัตว์เลี้ยงไม่อึดอัด เพราะไม่เช่นนั้น สัตว์เลี้ยงอาจก่อความเสียหายให้กับข้าวของภายในบ้านได้ และควรเลือกใช้บานประตูสไลด์ที่กรอบบานแข็งแรง และมีระบบล๊อกที่แน่นหนา อย่างบานประตูสไลด์ของ TOSTEM ที่มีฟังก์ชั่นระบบล๊อกที่โดดเด่นเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน

การที่สัตว์เลี้ยงของเราได้มองเห็นทัศนียภาพด้านนอก มองนกมองแมลงตัวน้อยๆ รอบๆ บ้าน หรือบางทีได้เห็นเงาสะท้อนของตัวเอง ก็ทำให้เข้าใจว่ามีเพื่อน ฉะนั้นการออกแบบที่เชื่อมต่อมุมมองระหว่างพื้นที่ด้านและด้านนอกเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ที่ดีทั้งกับสัตว์เลี้ยงและคน

แบ่งโซนพื้นที่สำหรับนอน กิน หรือถ่ายของเสียอย่างชัดเจน

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

มาถึงอีกหนึ่งการออกแบบ้าน Pet Friendly ที่ขาดไม่ได้เลยคือ จัดสรรพื้นที่ใช้สอยของคนและสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจน กำหนดว่าพื้นที่ส่วนไหนบ้างที่เราจะใช้ร่วมกัน เริ่มจากโซนนอน สามารถผสมผสานที่นอนของสัตว์เลี้ยงเข้ากับเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินในห้องรับแขก ช่วยทั้งให้สัตว์เลี้ยงได้ใช้เวลาร่วมกับเราในพื้นที่ส่วนกลาง แถมยังประหยัดพื้นที่และโดนใจสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะน้องหมา น้องแมว เพราะชอบมุดและซุกตัว

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง
สินค้า Interior ประตูภายใน มีให้เลือกใช้ทั้งแบบบานแขวนไร้รางพื้น และบานเลื่อนมีรางพื้น

ต่อด้วยโซนกิน โซนอาบน้ำและโซนถ่ายของเสีย อาจออกแบบไว้บริเวณพื้นที่กลางแจ้งของบ้าน และอีกสิ่งสำคัญควรแบ่งพื้นที่ให้ชัดว่า โซนไหนของบ้านที่ไม่อยากให้น้องๆ เข้าถึงได้ เช่น ห้องครัว สามารถออกแบบหาฉากกั้น หรือเลือกใช้ประตูบานเลื่อน (Interior Door) มากันพื้นที่เพื่อการใช้สอยที่สะดวกยิ่งขึ้น

สร้างพื้นที่เล่นสนุกให้เหมาะสมกับชนิดสัตว์ เพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงเครียดจนเกินไป

ด้วยความที่สัตว์แต่ละชนิดมีพฤติกรรมไม่เหมือนกัน การจัดพื้นที่ใช้สอยควรมีพื้นที่รองรับการเล่นสนุก เพื่อไม่ให้บรรดาสัตว์เลี้ยงของเราเครียดจนส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในที่สุด อีกทั้งการเล่นเป็นเหมือนการออกกำลังกาย จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงได้อีกด้วย

Pet-Friendly House ไอเดียออกแบบบ้าน ที่เป็นมิตรกับคนและสัตว์เลี้ยง

อย่างเช่น หากคุณเลี้ยงสุนัขก็ควรจัดสรรพื้นที่ปล่อยพลัง เพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่ต้องการพื้นที่พอสมควร อาจจะจัดโซนสวนหน้าบ้านไว้ให้ได้วิ่งเล่นกับลูกบอล หรือบ้านไหนมีน้องแมว ซึ่งมีพฤติกรรมชอบลับเล็บให้คมผ่านการขีดข่วน วิ่งไล่จับสัตว์เล็กอื่นๆ ฉะนั้นควรแบ่งพื้นที่ที่มีของเล่นแมว คอนโดแมว ไม้ตกแมว กล่องฝนเล็บ ให้แมวได้เล่นสนุก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

เพราะสัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทั้งผู้อาศัยและสัตว์เลี้ยงนับเป็นเรื่องที่สำคัญ ควรคำนึงถึงวัสดุในการเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการระบายอากาศ แม้ในวันที่เราไม่อยู่บ้านก็มีช่องเปิด (Airflow slot) ที่เปิดรับลมได้ไม่ต้องกังวัลเรื่องความปลอดภัย หรือการกั้นโซนเพื่อแบ่งกิจกรรมในแต่ละวันภายในบ้านให้ไม่รบกวนกันด้วยประตูบานเลื่อน (Interior Door)



ข้อมูลอ้างอิง

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

แม้ความหรูหราจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ถูกกำหนดว่าจะต้องมีหน้าตาแบบไหน แต่ด้วยค่านิยมที่สั่งสมกันมาตั้งแต่ยุคสมัยกรีกโบราณ ทำให้ ‘สถาปัตยกรรมคลาสสิก’ ที่มีความใหญ่โต หนักแน่น ในขณะเดียวกันก็แฝงรายละเอียดลวดลายอันปราณีต กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบอาคาร ที่สะท้อนถึงความหรูหรา ยิ่งใหญ่ไปโดยปริยาย และเป็นสาเหตุที่ทำให้สถาปัตยกรรมคลาสสิกถูกหยิบนำมาประยุกต์เข้ากับสไตล์อื่นๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ความหรูหราที่แตกต่างกันไป เช่นเดียวกับ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ได้นำแรงบันดาลใจจาก Classic Contemporary สถาปัตยกรรมโดดเด่นในนิวยอร์ก มาออกแบบในครั้งนี้ 

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

เสน่ห์สถาปัตยกรรม Classic Contemporary

Classic Contemporary เป็นการนำสไตล์คลาสสิกมาประยุกต์ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น เดิมทีนิยมใช้ในย่าน Upper East Side ของนิวยอร์ก ซึ่งเป็นย่านที่หรูหราที่สุดของเกาะแมนฮัตตัน โดยตัวอาคารยังคงความหนักแน่น อวดความแข็งแกร่งของคอนกรีต ตามสไตล์คลาสสิก แต่มีการลดทอนรายละเอียดขอบปูนปั้นลง ให้ภาพรวมดูเข้าถึงง่ายมากขึ้น

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ในการออกแบบของ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา ก็ได้ลดทอน Façade อาคารให้ดูเรียบมากขึ้นจากสไตล์ Classic Contemporary แบบดั้งเดิม แต่ยังคงกลิ่นอายความหรูหราไว้ โดยออกแบบขอบคิ้วบัวอาคาร ให้เป็นกรอบเหลี่ยมคมและเหลี่ยมลบมุม แทนการใช้ลวดลายอันวิจิตรปราณีตตามต้นฉบับ มีการแบ่งช่วงเสาให้เป็นจังหวะซ้ำกันชัดเจน เพื่อเน้นกรอบประตู-หน้าต่างให้โดดเด่น พร้อมกับยื่นตัวระเบียงออกมา เพื่อเพิ่มมิติความงามให้กับกรอบประตู-หน้าต่าง รวมถึงช่วยสร้างร่มเงา และลดความร้อนของแสงแดดที่ส่องเข้าสู่ตัวบ้านอีกด้วย

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ความลงตัวระหว่างความลักชูรี่และโมเดิร์น

การเลือกโทนสีกรอบบานประตู-หน้าต่าง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบ ที่ช่วยเติมเต็มความหรูหราแบบดั้งเดิมและความทันสมัยของยุคใหม่ให้ลงตัว เพราะการตัดกันระหว่างสีผนังสีขาว กับบานกรอบหน้าต่างอะลูมิเนียมสี Autumn Brown จาก TOSTEM จะช่วยขับเน้นจังหวะการแบ่งช่องเปิดที่เป็นระเบียบให้โดดเด่นขึ้น ประกอบกับลวดลายและโทนสีน้ำตาลลายไม้ธรรมชาติของประตูเหล็กลายไม้ GIESTA สี TEAK ที่ช่วยยกระดับดีไซน์หน้าตาอาคาร จากความเรียบง่ายให้กลายเป็นเรียบหรูได้ภายในพริบตา

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ในขณะเดียวกันหน้าต่างอะลูมิเนียมสี Autumn Brown ก็เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศภายในบ้าน ที่ถูกออกแบบให้เป็นสไตล์ Contemporary (ร่วมสมัย) มากกว่าภายนอก หากสังเกตจะเห็นว่าภายในบ้านไม่มีการใช้ขอบคิ้วบัว ที่บ่งบอกความเป็นคลาสสิก แต่จะเน้นความสว่างและอบอุ่นของสเปซภายใน ชวนให้ผู้อยู่อาศัยได้มาแต่งเติมสีสัน ที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของตนเองลงไปได้เต็มที่

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

บ้านที่ตอบโจทย์ทุกช่วงจังหวะของชีวิต

นอกจากสไตล์ Classic Contemporary ที่เป็นจุดเด่นของโครงการแล้ว การจัดวางฟังก์ชันก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เพราะที่นี่มีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เชื่อมต่อกันได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน ตามการใช้งานในแต่ละช่วงวัยของผู้อยู่อาศัย รวมถึงเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ของคนในครอบครัวไปในตัว อย่างพื้นที่ Living Room ที่เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่น โต๊ะรับประทานอาหาร และเคาน์เตอร์เตรียมอาหารเข้าไว้ด้วยกัน

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

การจัดวางฟังก์ชันอย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งผลดีเพียงแค่ในแง่ของการใช้งานเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้าง ความโปร่งโล่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่อาศัย ให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านอย่างสบายกายและใจ อย่างพื้นที่โถง Double Volume ที่เชื่อมพื้นที่แนวตั้ง 2 ชั้นให้กลายเป็นห้องโถงเพดานสูง โดยมีการเปิดช่องหน้าต่างกระจกสูงรอบด้าน เพื่อเปิดรับแสงและลมธรรมชาติให้เข้ามาถ่ายเทอย่างสะดวกสบาย พร้อมเปิดรับทิวทัศน์สวนคอร์ทยาร์ดกลางบ้านและบรรยากาศธรรมชาติโดยรอบ

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ภายในบ้าน ที่มีการติดตั้งหน้าต่างกระจกบานอะลูมิเนียม รุ่น ATIS, WE70 และ WE PLUS จาก TOSTEM เพื่อมอบความโปร่งโล่ง สบาย ปลอดภัย พร้อมกับความหรูหราที่เข้ากันกับสไตล์ Classic Contemporary อย่างลงตัว ด้วยคุณสมบัติเด่นของรุ่น WE70 และ WE PLUS ที่มีระบบป้องกันน้ำรั่วประสิทธิภาพสูง มาพร้อมวาล์วระบายน้ำตรงโปรไฟล์กรอบล่าง ทั้งยังต้านทานต่อแรงดันลมได้ดี จึงเหมาะกับการนำมาใช้กับบ้านในเมืองไทยมาก

อีกรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ รุ่น ATIS ที่ถูกออกแบบให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติข้างนอก โดยการซ่อนนวัตกรรมและงานระบบเอาไว้ภายในวงกบ ทำให้ตัวบานกรอบ Slim ดูเรียบหรูขึ้นอีกขั้น และมาพร้อมกับเทคโนโลยีมุ้งกันแมลงล่องหน ที่มีการใช้ขนาดเส้นตาข่ายเล็กกว่าขนาดเส้นไนลอนในมุ้งทั่วไปถึง 40% ซึ่งจะช่วยให้สามารถมองเห็นวิวข้างนอกชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันแมลง และปล่อยให้ลมสามารถลอดผ่านเข้ามาได้ดีกว่าเดิม

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการบ้านเดี่ยว ที่สะท้อนถึงความงามระหว่างความดั้งเดิมและความทันสมัยของสถาปัตยกรรม ผ่านการออกแบบรูปทรงอาคารสอดผสานกับความโดดเด่นของโทนสีประตู-หน้าต่างได้อย่างลงตัว หากใครที่สนใจโครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thenestproperty.co.th/th/ หรือหากสนใจผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม แบรนด์ TOSTEM สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยครับ