fbpx

Tag: ประตู

VI ARI เพนเฮาส์ผสานความหรูหรากับความคลาสสิกอย่างลงตัว

“อารีย์” นับเป็นศูนย์รวมความหลากหลาย ที่มีทั้งความสมัยใหม่และความคลาสสิกผสมผสานกันอย่างลงตัว

วันนี้ TOSTEM จึงพามาชม Project Reference ล่าสุดที่ตั้งอยู่ในกลางย่านอารีย์อย่างโครงการ VI ARI เพนเฮาส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมบ้านเก่าในย่านอารีย์ยุค 70-80s มาตีความใหม่ในสไตล์โมเดิร์นคอนเทมโพรารี และยังโดดเด่นด้วยการใช้ประตูหน้าต่างคุณภาพสูงรุ่น ATIS จาก TOSTEM ที่ช่วยเปิดมุมมองการมองเห็นได้กว้างไกล และเติมเต็มดีไซน์ได้ลงตัว

มาชมความสวยงามในทุกมุมมองไปพร้อมๆ กัน

ดีไซน์ที่หรูหราแต่คลาสสิก

การผสมผสานความหรูหราและคลาสสิกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สะท้อนผ่านรายละเอียดการตกแต่งภายในที่พิถีพิถัน ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ไปจนถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์ ประตูและหน้าต่าง TOSTEM รุ่น ATIS ช่วยเสริมบรรยากาศหรูหราด้วยกรอบอะลูมิเนียมสี Shine Gray ที่ดูทันสมัย แต่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกด้วยรูปทรงที่เรียบง่าย ช่วยขับเน้นความงามของเฟอร์นิเจอร์และงานศิลปะภายในบ้าน ทำให้ทุกมุมมองสวยงามและน่าประทับใจ ไม่ว่าจะมองจากภายในหรือภายนอก

ออกแบบพื้นที่เปิดโล่งด้วย Double Space

แนวคิดการออกแบบ Double Space สูง 6 เมตร สะท้อนถึงการผสานความโมเดิร์นและคลาสสิกได้อย่างลงตัว ด้วยการสร้างพื้นที่โปร่ง โล่ง ที่เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเลือกใช้หน้าต่าง TOSTEM รุ่น ATIS เป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ พร้อมดีไซน์แบบ Streamline ไร้รอยต่อ ทำให้เกิดรูปทรงเพรียวบางที่ไม่รบกวนทัศนียภาพ แต่ยังคงซ่อนฟังก์ชันการใช้งานสำคัญไว้ภายใน ช่วยเสริมสร้างมิติให้กับพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

เชื่อมต่อพื้นที่ภายนอกและภายใน

ตัวโครงการมีการออกแบบที่สร้างความต่อเนื่องระหว่างพื้นที่ภายในและภายนอก โดยใช้ประตูบานเลื่อน TOSTEM รุ่น ATIS เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญ ซึ่งไม่เพียงขยายพื้นที่ใช้สอยให้กว้างขวางขึ้น แต่ยังสร้างมุมมองที่ไร้ขอบเขต เพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะการเชื่อมต่อตัวบ้านกับพื้นที่พักผ่อนอย่างสระว่ายน้ำ ซึ่งระบบล็อก 3 ชั้นของประตู ATIS ช่วยสร้างความอุ่นใจในประสิทธิภาพการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายจากการเปิดประตูโดยไม่ตั้งใจอีกด้วย

ปรับแต่งดีไซน์สู่เอกลักษณ์เฉพาะตัว

สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวในทุกรายละเอียด ด้วยประตูหน้าบ้าน GIESTA จาก TOSTEM ที่สามารถปรับแต่งดีไซน์ให้เข้ากับสไตล์การออกแบบโดยรวมของ VI ARI ได้อย่างลงตัว ลายไม้ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่ตัวบ้าน และยังแข็งแรงทนทานด้วยวัสดุจากเหล็กเคลือบเลซิ่นลายไม้ มอบดีไซน์ที่โดดเด่น และสวยงาม สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของการดีไซน์ในโครงการดังกล่าวนี้

สัมผัสความพิเศษของชีวิตที่ VI ARI กับบ้านที่ตอบทุกความต้องการของคุณ ที่นี่

ออกแบบสถาปัตยกรรม: Stu/D/O Architects
ออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน: P49 DEESIGN
ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม: TK Studio


เลือกประตูหน้าต่างประหยัดพลังงาน ก้าวสู่ชีวิตที่ยั่งยืน

เลือกประตูหน้าต่างประหยัดพลังงาน ก้าวสู่ชีวิตที่ยั่งยืน

การเลือกใช้ประตูและหน้าต่างที่มีการออกแบบที่ประหยัดพลังงาน ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนมากขึ้น บทความนี้ TOSTEM ขอรวบเอาทริคดีๆ เกี่ยวกับการเลือกหน้าต่างประหยัดพลังงานและประตูที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นอีกทางที่ทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกอนาคตที่ยั่งยืนของโลกไปพร้อมกัน

ทริคติดตั้งประตูหน้าต่าง ให้ประหยัดพลังงาน
เมื่อเราพูดถึงการออกแบบที่มีประสิทธิภาพทางพลังงานสำหรับประตูและหน้าต่าง สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ การใช้วัสดุที่มีฉนวนที่ดี ด้วยการเลือกวัสดุที่มีการฉนวนที่ดี เช่น อะลูมิเนียมหรือพลาสติกที่ทนทานต่ออุณหภูมิ เพื่อช่วยในการรักษาอุณหภูมิในบ้าน ทำให้บ้านประหยัดพลังมากมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงคำนึงถึง การติดตั้งประตูหน้าต่างอย่างถูกต้อง จะช่วยทำให้ระบบประหยัดพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ระบบล็อก ที่มีประสิทธิภาพ หนาแน่น เพื่อลดการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็น


ส่วนรูปแบบหน้าต่างที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ดี คือ หน้าต่างบานติดตาย (fixed-pane window) หรือ หน้าต่างบานกระทุ้ง ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากช่วยลดการรั่วซึมของอากาศ แต่ทั้งนี้การติดตั้งหน้าต่างจะต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ สามารถติดตั้งให้ตรงมาตรฐาน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานที่สมบูรณ์

สำหรับประตู ควรเลือกเป็นประตูเหล็ก ประตูไฟเบอร์กลาส หรือประตูอะลูมิเนียม เพราะเป็นวัสดุที่แข็งแรง และช่วยประหยัดพลังงานได้ด้วย มากกว่านั้นคือประตูเหล่านี้จะไม่บิดงอหรือแตกร้าวง่าย ทำให้ป้องการรั่วไหลอากาศได้ดีนั่นเอง

วิธีการเลือกวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตประตูหน้าต่าง นับว่าเป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง เช่น อะลูมิเนียมหรือกระจก เพราะนอกจากจะช่วยลดการใช้วัสดุใหม่ ยังช่วยลดการสร้างขยะ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) ที่จะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยวัสดุรีไซเคิลมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ ดังนี้

1. ช่วยลดการใช้พลังงาน

การรีไซเคิล เป็นอีกวิธีในการช่วยลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบในการผลิต ไม่สิ้นเปลืองทั้งน้ำมันและพลังงาน ส่งผลให้การใช้พลังของโลกเป็นไปอย่างคุ้มค่ามากขึ้น และช่วยเรื่องการจัดการขยะ เพราะยิ่งขยะถูกนำไปรีไซเคิลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยลดปริมาณขยะ รวมถึงมลพิษที่เกิดจากขยะ ก็จะลดลงตามไปนั่นเอง

2. มีความทนทาน

การรีไซเคิล เช่น รีไซเคิลวัสดุก่อสร้างนั้นต้องแยกวัสดุแต่ละชนิดออกจากกันก่อนนำวัสดุชนิดเดียวกันไปหลอมรวมใหม่ หรือนำวัสดุต่างชนิดมาประกอบกัน เพื่อให้เกิดวัสดุใหม่ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น เช่น การรีไซเคิลเศษแก้วกับวัสดุอื่นๆ อย่างหินปูนและสารต่างๆ  เพื่อรีไซเคิลเป็นวัสดุใหม่ อย่าง ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

3. ช่วยลดการใช้สารเคมี

วัสดุรีไซเคิลไม่ต้องการการใช้สารเคมีมากมาย ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิตได้ 

ฉะนั้นการเลือกใช้ประตูและหน้าต่างที่มีการออกแบบที่ประหยัดพลังงาน เป็นอีกการลงมือทำที่เห็นผลได้จริง ทั้งในแง่การลดการใช้พลังงาน และการลดรายจ่ายในการดูแลบ้านของเราเองในอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยโลกตั้งเเต่ต้นทางการผลิตในอุตสาหกรรม เพราะตระหนักถึงสิ่งเเวดล้อมเกิดขึ้นมากมาย มากกว่านั้นยังใส่ใจไปถึงวัสดุในการนำมาใช้ ด้วยการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อย่าง PremiAL R100 จาก TOSTEM ที่ได้คิดค้นและผลิตวัสดุที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในเป้าหมายการมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนของ TOSTEM มาโดยตลอด 


PremiAL R100 ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%
ผลิตที่โรงงานทอสเท็มไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครได้รับการรับรองจากฉลากสิ่งแวดล้อม EcoLeaf และ JIC Quality Assurance Ltd. โดยมีการตรวจสอบกระบวนการผลิต เพื่อให้แน่ใจว่าใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% และไม่มีอะลูมิเนียมใหม่มาเจือปน ซึ่งการใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลนี้ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 97% เมื่อเทียบกับการถลุงอะลูมิเนียมใหม่ 



นอกจากนี้  PremiAL R100 นวัตกรรมประตู-หน้าต่างรักษ์โลก โดย LIXIL HOUSING TECHNOLOGY ภายใต้แบรนด์ TOSTEM ยังสามารถเลือกสีได้ตามต้องการ ซึ่งมีคุณภาพเหมือนอะลูมิเนียมใหม่ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัส สีสัน หรือรูปแบบต่างๆ ที่ถูกออกแบบอย่างตั้งใจ เพื่อผสานความลงตัวระหว่างการใช้งาน สไตล์ และความยั่งยืนเข้าหากันอย่างไร้เส้นแบ่ง 


PremiAL R100 จึงไม่ใช่แค่อะลูมิเนียมรีไซเคิลทั่วไป แต่เป็นวัสดุแห่งอนาคต  ด้วยคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่าการใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิลจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Scope 3 ลงได้ถึง 30% ภายในปี 2031 ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน สำหรับผู้สนใจสินค้า สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ท้ายบทความ 


เลือกหน้าต่างอย่างไร ให้รับมือลมพายุ

เมื่อพูดถึงความแข็งแรงทนทานต่อแรงลมของบ้าน หลายคนคงนึกถึงเสาหรือผนังกำแพงเป็นอันดับแรก แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าต่าง เองก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งแน่นอนว่าผู้อยู่อาศัยต้องไม่อยากที่จะสัมผัสความรู้สึกไม่ปลอดภัย เมื่อถึงวันที่เจอลมพายุแล้วกรอบบานหน้าต่างสั่น ชำรุด กรอบหน้าต่างโก่งหลุดจากวงกบ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่แค่สร้างความเสียหายต่อบ้านเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของคนในครอบครัวอีกด้วย

สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมตัวรับมือ ด้วยการเลือกใช้บานหน้าต่างที่มีประสิทธิภาพทนทานต่อแรงลม  ซึ่ง TOSTEM เข้าใจดีถึงความสำคัญนี้ จึงได้พัฒนาบานประตูหน้าต่างที่มีประสิทธิภาพการต้านทานลมสูง รับแรงปะทะจากลมพายุได้อย่างปลอดภัย  มาดูกันว่า ระดับแรงลมที่เราต้องเผชิญนั้นมีระดับเท่าไรบ้าง และควรเลือกหน้าต่างแบบไหนให้เหมาะสมกับบ้านของคุณ

Wind Load Performance มาตรฐานจำเป็นสำหรับหน้าต่าง
หน้าต่างที่มีมาตรฐานต้านแรงลม Wind Pressure Resistance Performance ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายภายในบ้านได้เป็นอย่างดี โดยผู้อยู่อาศัยสามารถสังเกตได้จากฉลากบนตัวสินค้า ซึ่งบ่งบอกว่าสินค้านี้ผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้มาตรฐานในการใช้งาน และมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลก คือ มาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น หรือ JIS (Japanese Industrial Standards) 

ข้อดีของการเลือกใช้หน้าต่างต้านแรงลม

การเลือกหน้าต่างที่ได้รับรองคุณสมบัติต้านแรงลม เป็นการช่วยให้คุณแน่ใจได้ว่าหน้าต่างที่คุณเลือกนั้นทำหน้าที่ปกป้องบ้านของคุณได้ ตั้งแต่การป้องกันลมพายุจากธรรมชาติ และยังช่วยป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สินและการบาดเจ็บในช่วงเหตุการณ์สภาพอากาศเลวร้าย

นอกจากนี้ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงผ่านการทดสอบมาแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้าน ลดเสียงรบกวน รวมถึงมีส่วนช่วยในการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคาร ทำให้บ้านประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น

ระดับแรงลมที่เราต้องเผชิญมีระดับเท่าไรบ้าง

เรื่องการต้านทานลมของประเทศไทย Wind Pressure Resistance Performance มีหน่วยเป็น Pa (ปาสคาล) ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งมีประสิทธิภาพการต้านทานลมมากตามไปด้วย ซึ่งค่าเหล่านี้อยู่ในสเปคของบานหน้าต่าง

ทั้งนี้ระดับความแรงลมที่ส่งผลต่อการขับรถที่ใช้ความเร็วสูง รวมถึงทำให้คนยืนทรงตัวลำบาก คือความเร็วประมาณ 104-131 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากบ้านต้องเผชิญความเร็วลมระดับนี้ ควรใช้หน้าต่างที่สามารถต้านทานแรงลมได้ 800 Pa ขึ้นไป  

ส่วนระดับรุนแรงสูงสุดคือ 198 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระดับนี้ทำให้บ้านไม้พัง สิ่งปลูกสร้างด้วยเหล็กผิดรูป และเสาไฟฟ้าล้มได้ จึงควรใช้หน้าต่างที่สามารถต้านทานแรงลมได้ 1,800 Pa ขึ้นไป ฉะนั้นควรเลือกหน้าต่างที่มีค่าการต้านทานแรงลมให้เหมาะสมกับอาคารบ้านเรือนของเรา เพราะหากเลือกใช้หน้าต่างที่มีค่าการต้านทานแรงลมไม่เหมาะสม เช่น อาคารสูง 20 เมตร แต่เลือกใช้บานประตูหน้าต่างที่ต้านแรงลมได้เพียง 800 Pa เมื่อเกิดพายุอาจเป็นอันตรายต่อทั้งผู้อยู่อาศัยและทรัพย์สินภายในที่พักอาศัยได้

อยู่อาคารสูง ต้องเลือกหน้าต่างต้านแรงลมอย่างไรให้ปลอดภัย

การอยู่อาศัยคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคาร High Rise มีข้อดีคือสามารถมองเห็นวิวธรรมชาติภายนอกในมุมมองทางสายตาที่กว้างไกล แต่ขณะเดียวกันยิ่งอยู่อาคารสูง แรงปะทะของลมก็ยิ่งมากขึ้น โดยสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งในที่โล่ง จะได้รับผลกระทบจากลมพายุมากกว่าพื้นที่ที่มีบ้านเรือนหนาแน่น ส่วนตึกหรืออาคารที่มีระดับความสูงมากๆ เช่น อาคารสำนักงานหรือคอนโด ต้องเผชิญความเร็วลมมากกว่าบ้านแนวราบ

ดังนั้นนอกจากการพิจารณาเลือกหน้าต่างจากแรงลมที่บ้านหรืออาคารต้องเผชิญแล้ว ยังต้องพิจารณาร่วมกับความสูงของอาคารด้วย ได้แก่

▪ อาคารที่สูง 10 – 20 เมตร ควรใช้หน้าต่างที่ต้านทานแรงลมได้ระหว่าง 800 -1,200 Pa
▪ อาคารที่สูง 20 – 40 เมตร ควรหน้าต่างที่ต้านทานแรงลมได้ระหว่าง 1,200 -1,600 Pa
▪ อาคารที่สูงมากกว่า 40 เมตร  ควรหน้าต่างที่ต้านทานแรงลมได้ 1,600 Pa ขึ้นไป

หน้าต่างแต่ละรุ่นจาก TOSTEM มีค่าต้านทานแรงลมหลายระดับ TOSTEM เป็นผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมคุณภาพสูง ที่อยู่ภายใต้มาตรฐาน JIS หรือ Japanese Industrial Standards และ ASTM International สำหรับประตูและหน้าต่างโดยเฉพาะ ฉะนั้นสามารถมั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ TOSTEM ผ่านการทดสอบการต้านทานแรงลมด้วยมาตรฐานสากล มีคุณสมบัติต้านทานแรงลม รับมือกับพายุ ลม ฝน ได้อย่างสบายๆ

สินค้าแต่ละรุ่นของทอสเท็มมีค่าต้านแรงลมหลายระดับ และมาพร้อมประสิทธิภาพความทนทานต่อทุกสภาพแวดล้อมให้ทุกคนมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ตามความต้องการ ดังต่อไปนี้

▪ WE40 (500 Pa)
รุ่น WE40 เหมาะกับบ้านแนวราบ มีค่าประสิทธิภาพ การต้านทานแรงลม 500 Pa การต้านทานน้ำรั่ว 100 Pa และป้องกันเสียงรบกวน 25 เดซิเบล
▪WE 70 (800 Pa)
อีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานรูปแบบอาคารแนวราบ โดยมีการต้านทานแรงลมอยู่ที่ 800 Pa การต้านทานน้ำรั่ว 150 Pa การป้องกันอากาศรั่วไหล A-3 ส่วนการป้องกันเสียงรบกวน 25 เดซิเบล

▪ATIS (1,200 Pa)
รุ่น ATIS สามารถต้านแรงลมได้ถึง 1,200 Pa เหมาะกับการใช้งานบ้านทั่วไป ผลิตจากอะลูมิเนียมคุณภาพสูง แข็งแรง ทนทาน กันน้ำ กันเสียง และกันความร้อนได้ดี

▪WE PLUS (1,600 Pa)
จุดเด่นคือสามารถเพิ่มความสูงได้ถึง 3 เมตร พร้อมประสิทธิภาพการต้านการแรงลมได้ 1,600 Pa จึงตอบโจทย์การใช้งานสำหรับอาคารสูงยิ่งขึ้นนั่นเอง

▪ATIS PLUS, GRANTS (2,000 Pa)
ATIS Plus เป็นรุ่นที่พัฒนาให้เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอาคารสูง โดยสามารถต้านแรงลมได้มากขึ้นถึง 2000 Pa พร้อมการป้องกันการรั่วซึมของน้ำ และป้องกันการรั่วไหลของอากาศได้ดียิ่งขึ้น ส่วนรุ่น GRANTS สามารถต้านแรงลมได้ถึง 2,000 Pa เช่นกัน อีกทั้งยังต้านทานน้ำรั่ว 300 Pa ป้องกันอากาศรั่วไหล 10.7 m3 / h·m2 และการป้องกันเสียงรบกวน 25 เดซิเบล


(ภาพหลังเหตุการณ์พายุลูกเห็บถล่ม)

ยกตัวอย่างเหตุการณ์พายุลูกเห็บถล่ม ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อกลางเดือนมีนาคม 66 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบ้าน และอาคารต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่มีโครงการหนึ่งที่วัสดุและประตู หน้าต่าง ‘รอด’ จากภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิดในครั้งนี้ นั่นก็คือโครงการคอนโดมิเนียมหรู ธัช ฮิลล์ เพลส เอลลิแกนท์ สามารถอ่านบทความสัมภาษณ์เจ้าของโครงการได้ที่บทความในลิงก์นี้เลย https://tostemthailand.com/2023/05/12/tostem-doors-and-windows-ready-to-withstand-all-weather-conditions/ 

สำหรับผู้อยู่อาศัยที่อยากสัมผัสสินค้าจริง หรือต้องการปรึกษาและเลือกแบบหน้าต่างที่มีค่าการต้านทานแรงลมให้เหมาะสมกับอาคารบ้านเรือนของคุณ TOSTEM ผู้เชี่ยวชาญด้านประตู-หน้าต่าง เรามีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญรอตอบรับความต้องการทั้งในแง่ฟังก์ชั่นและดีไซน์ หลากหลายช่องทางการติดต่อ ตามลิงก์ด้านล่าง



มุ้งลวดแต่ละชนิด เหมาะกับการใช้งานแบบไหน?

มุ้งลวด เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับที่พักอาศัยเป็นอย่างมาก โดยจะถูกติดตั้งบริเวณบานประตูและหน้าต่าง เพื่อป้องกันสิ่งต่างๆ ที่อาจเข้ามารุกรานในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็น งู ตะขาบ หรือแมลงต่างๆ อีกทั้งคุณสมบัติอีกอย่างของมุ้งหรือมุ้งลวดยังช่วยป้องกันฝุ่นและกรองแสงแดดที่จะสาดเข้ามาในบ้านให้เบาบางลงได้อีกด้วย

บทความนี้ TOSTEM ขอพามารู้จักรูปแบบของมุ้งที่มีอยู่ในปัจจุบัน และมุ้งของแต่ละรุ่นจากทอสเท็ม ที่ตอบโจทย์ทุกดีไซน์ และความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ ไว้ที่บทความนี้ให้แล้ว 

  1. มุ้งบานเลื่อน
    มุ้งแบบบานเลื่อน ที่นิยมกันมีทั้งแบบบานเดี่ยวและบานคู่ ซึ่งคุณสมบัติเด่นๆ ของมุ้งแบบบานเลื่อนคือ ใช้งานสะดวก ทุ่นแรงได้ดีเพราะการเปิดใช้เพียงมือเลื่อน มากกว่านั้นคือเป็นมุ้งมาตรฐานที่หลายบ้านนิยมใช้เนื่องจากติดตั้งง่าย โดยสามารถติดตั้งแบบรางบนและล่าง หรือจะติดตั้งด้านในหรือขอบวงกบก็ได้ 

(มุ้งบานเลื่อน – ไม่ใช่สินค้าของทอสเท็ม)

  1. มุ้งบานเปิด

มุ้งแบบบานเปิดเป็นรูปแบบมุ้งลวดที่หลายบ้านนิยมใช้บ่อยที่สุด ข้อดี คือ ใช้งานง่ายไม่ต้องติดตั้งรางเพิ่ม โดยสามารถนำบานมุ้งลวดมาติดกับวงกบประตูหน้าต่างได้เลย แต่ทั้งนี้หากติดตั้งมุ้งแบบบานเปิด ควรเผื่อพื้นที่ไว้ด้วย เพราะมุ้งลักษณะนี้จะมีวงเปิดที่กว้างกว่ามุ้งประเภทอื่น

(มุ้งบานเปิด – ไม่ใช่สินค้าของทอสเท็ม)

  1. มุ้งพับจีบ

ลักษณะคล้ายพัด สามารถพับเก็บได้ เหมาะกับประตูหน้าต่างที่มีขนาดใหญ่ และเป็นมุ้งที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ตัวบ้านมีเสน่ห์ได้เป็นอย่างดี

(มุ้งพับจีบ – ไม่ใช่สินค้าของทอสเท็ม)

  1. มุ้งแบบบาน FIX
    เป็นมุ้งลวดที่จะยึดติดกับเฟลมหน้าต่าง อย่างเช่น หน้าต่างบานเกล็ด เหมาะสำหรับการติดตั้งในจุดที่ไม่ได้มีการเปิด-ปิด บ่อย เช่นบริเวณห้องน้ำ หรือห้องครัว 

(มุ้งแบบบาน FIX)

มุ้งลวดจาก TOSTEM เข้าได้กับทุกสไตล์การแต่งบ้าน 


สำหรับใครที่ใช้ประตู-หน้าต่างของ TOSTEM ไม่ต้องกังวลกับการเลือกมุ้งกันแมลง เพราะสินค้าแต่ละรุ่นจากทอสเท็มมีมุ้งกันแมลงแบบเฉพาะตัว ให้เลือกหลายรูปแบบ อาทิเช่น 

มุ้งลวดบานจีบสำหรับ GRANTS
อุปกรณ์เสริมเพื่อเติมความสะดวกสบายรอบด้านให้กับการใช้งานกรอบบานหน้าต่าง ซึ่งมุ้งลวดบานจีบสำหรับสินค้ารุ่น GRANTS จะใช้กับหน้าต่างบานเปิดและบานกระทุ้ง โดยมีลักษณะเป็นบานจีบที่ติดตั้งภายในวงกบของบานหน้าต่าง สามารถเลื่อนเปิดปิดได้ ไม่ต้องกางออกไว้ตลอด เฉพาะ GRANTS Casement Window และ GRANTS Awning Window เท่านั้น

หากใครสนใจคลิกดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

https://ebook.iroamaround.com/tostem/catalog/grants_catalog/th/mobile/index.html?utm_source=Facebook&utm_medium=social&utm_campaign=20230807_grants_catalog_for)Facebook-Aug-23&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR2ZFO8xa0EklQgsgvzzahp8U7M-xtbz3Q-GifEonlXYxIWhBGkSqQxHsOg_aem_AYgz-KBTM-Tw-F5sPEJ3z9af_06gYH44AcWBZiec40fUskp0dERDO2AQZRglmesGy3UE6s7UJOkg1bpe2J0YcYji

มุ้งล่องหนสำหรับ ATIS
จุดเด่นของมุ้งล่องหนของซีรีย์ ATIS  คือมาพร้อมนวัตกรรมเกราะป้องกันล่องหนที่ดีที่สุด โดยใช้เทคโนโลยี Invisible Shield ผลิตจากเส้นตาข่ายที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นไนลอนทั่วไปถึง 40% ดังนั้นเมื่อติดตั้งกับบานประตูหน้าต่างจึงยังคงมอบทัศนียภาพการมองเห็นวิวด้านนอกที่ชัดเจน ไม่บดบังทัศนีภาพการมอง ลดช่องว่างลง แต่ยังช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ด้วยการเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ (Airflow)

และด้วยตาข่ายที่มีขนาดเล็ก จึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันแมลงขนาดเล็กไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาได้

ตัวอย่างมุ้งล่องหน

ดูรายละเอียดสินค้าได้ที่ https://tostemthailand.com/products/atis/?utm_source=facebook&utm_medium=social&utm_campaign=202307_facebook_product-detail_atis

นอกจากนี้มุ้งลวดสำหรับรุ่นอื่นๆ ของ TOSTEM สามารถสั่งทำมุ้งลวดเพื่อใช้งานได้เช่นกัน โดยเป็นมุ้งลวดแบบเรียบ สามารถใช้ได้ทั้งกับบานหน้าต่างแบบสไลด์ บานสวิง หรือบานกระทุ้ง ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถปรึกษาและเลือกแบบที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้กับทีมช่างผู้เชี่ยวชาญของ TOSTEM 

เพราะ TOSTEM พร้อมบริการทุกความต้องการของการอยู่อาศัยในบ้าน ให้คุณและคนที่คุณรัก มีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย และไร้กังวลกับทุกสิ่งกวนใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์ท้ายบทความ


ประตูบานเลื่อน: เลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้านและการใช้งานของคุณ

ประตูบานเลื่อน เป็นประตูที่มีลักษณะการเปิดด้วยกลไกเลื่อน ซึ่งทำให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกรูปแบบประตูที่เจ้าของบ้านและอาคารต่างๆ นิยมใช้กันเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้หากใครกำลังสงสัยอยู่ว่าจะเลือกแบบไหนดี เราได้รวบรวมข้อมูลมาฝากไว้ให้แล้ว เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้สอดรับกับความต้องการของคุณเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ประเภทประตูบ้านเลื่อน

1. ประตูบานเลื่อนแบบบานฟิกส์ยึดติดกับที่
เหมาะกับบ้านที่ต้องการความโปร่งโล่ง นิยมติดตั้งไว้เป็นประตูระเบียง ประตูทางเข้า ประตูเชื่อมโยงกับสวน เพื่อรับวิวและแสงภายนอก หรือนิยมใช้ในการแบ่งห้องภายในบ้านให้เป็นสัดส่วน หรือกั้นห้องเพื่อไม่ให้แอร์ออก ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยเซฟค่าไฟได้

(บานเลื่อนแบบเข้ามุมเชื่อมต่อธรรมชาติ)

(บานเลื่อนภายในห้องนอนเปิดรับแสงธรรมชาติ)

2. ประตูบานเลื่อนแบบ 4 panels

เป็นประตูยอดนิยม ลักษณะบานประตู 4 บานประกอบกัน เหมาะสำหรับใช้เป็นประตูหลักหน้าบ้าน หรือประตูระเบียงขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่มีความกว้างของช่องประตูตั้งแต่ 2.5 เมตรขึ้นไป

(ลักษณะบานประตู 4 บานประกอบกัน)

(เชื่อมต่อพื้นที่เหมือนระเบียงขนาดใหญ่)

3. ประตูบานเลื่อนแบบบานเฟี้ยม 

เสน่ห์ของบานเฟี้ยม คือกลไกการพับอันเป็นเอกลักษณ์ ช่วยในเพิ่มความแตกต่างให้กับการออกแบบสถาปัตยกรรม เพิ่มความสวยงาม แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวเมื่อปิดบาน และเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ต่างๆ อย่างราบรื่นเมื่อเปิด

วัสดุสำหรับทำประตูบานเลื่อนที่นิยม มีอะไรบ้าง

  • uPVC 
    Unplasticised Polyvinyl Chloride (uPVC) หรืออีกชื่อคือ ไวนิล (Vinyl) เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมสำหรับผลิตประตูบานเลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะเป็นโพลิเมอร์เกรดพิเศษที่ทนต่อแสงแดด ความร้อนได้เป็นอย่างดี 

  • เหล็ก
    คุณสมบัติของประตูเหล็ก คือมีความแข็งแรงทนทาน ยากต่อการงัดแงะ แต่ข้อควรระวังคือเหล็กมีการสนิม ฉะนั้นต้องมีการเคลือบป้องกันสนิม เพราะหากอยู่ในจุดที่ต้องเจอความชื้นสูง ก็จะเป็นสนิทและอาจเกิดการเสียหายได้
  • ไม้ 
    ถ้าพูดถึงความสวยงาม แน่นอนว่าคงไม่อาจปฏิเสธประตูไม้ไปได้ เพราะด้วยลวดลายและความเป็นธรรมชาติของวัสดุ ทำให้เข้ากับบ้านได้แทบจะทุกสไตล์ ทั้งยังให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ แต่ทั้งนี้หากต้องการเลือกใช้ประตูบานเลื่อนวัสดุไม้ แนะนำให้เลือกเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง ไม้สัก และควรหลีกเหลี่ยงการติดตั้งบริเวณที่มีความชื้น เพราะไม้อาจบวม หด หรือ ขึ้นราได้  

  • อะลูมิเนียม
    อะลูมิเนียมเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา เข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ และด้วยปัจจุบันมี ผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น บานลสิมในรุ่น ATIS หรือ ขนาดสูงมากขึ้นในรุ่น GRANTS จากทอสเท็ม ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านดีไซน์ของโครงการบ้านและโครงการเชิงพาณิชย์ระดับลักชัวรี่ ขยายความสูงของประตูบานเลื่อน สูงสุด 4.5 เมตร และหน้าต่างบานเปิด สูงสุด 3.5 เมตร

(รูปแบบระบบล็อกของทอสเท็ม)
(รูปแบบระบบล็อกของทอสเท็ม)

นอกจากนี้ข้อดีของประตูทอสเท็ม ยังคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยมีระบบล็อกที่ยากต่อการบุกรุกจากภายนอกและยังป้องกันน้ำท่วมอีกด้วยระบบการระบายน้ำ Drainage system


Security ระบบล็อกที่แน่นหนา
ประตูบานเลื่อนของทอสเท็ม มีให้เลือกหลากหลายแบบ เช่น บานฟิกส์, 4 panels หรือบานเฟี้ยม ไปจนถึง TOSTEM สามารถให้คำปรึกษา และออกแบบขนาดความกว้างและยาวของหน้าบานให้ลงตัวกับพื้นที่ของคุณได้ตามต้องการ รวมถึงมาตรฐานการผลิตตัวบานมีคุณภาพเพราะผลิตจากโรงงาน และบางรุ่นนั้นสามารถเลือกติดตั้งมุ้งลวดเพิ่มเติมได้ ไปจนถึงติดตัวล็อกดิจิตอลเสริมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

การระบายน้ำ Drainage system
บานประตูหน้าต่างเป็นด่านแรกๆ ที่น้ำฝนต้องปะทะก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน นอกจากความแข็งแรงทนทานของกรอบบานที่ทนต่อแรงปะทะของลมแล้ว ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่อยู่ในกรอบบานของทอสเท็ม (TOSTEM) ก็มีส่วนช่วยป้องกันน้ำขังในระบบราง น้ำฝนถูกระบายออกได้โดยไม่ขังอยู่ในกรอบและราง ซึ่งช่วยป้องกันความชื้นส่วนเกินที่เข้าบ้านแล้ว และยืดอายุการใช้งานกรอบบานให้ยาวนานยิ่งขึ้น ฃ

(ระบบระบายน้ำของทอสเท็ม – Drainage system)

สำหรับผู้สนใจและต้องการทราบข้อมูลเรื่องประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมเพิ่มเติม คลิกไปที่ลิงก์ท้ายบทความได้เลย 


01 รู้ก่อน ป้องกันได้ เช็ก 5 จุดเสี่ยงน้ำรั่วซึมในบ้าน

รู้ก่อน ป้องกันได้ เช็ก 5 จุดเสี่ยงน้ำรั่วซึมในบ้าน

เมื่อฤดูฝนมาเยือน หลายคนคงกังวลเรื่องปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าบ้าน เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์แล้ว ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย

TOSTEM ผู้เชี่ยวชาญด้านประตู-หน้าต่าง เข้าใจปัญหานี้ดี จึงขอเสนอ เช็กลิสต์สำคัญ เตรียมรับมือหน้าฝน ว่ามีจุดไหนของบ้านที่ควรระวังและป้องกันการรั่วซึม

หน้าฝนนี้จุดไหนของบ้ารั่วซึมบ่อยสุด

ปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าบ้านช่วงหน้าฝนนั้นมีด้วยกันหลากหลายปัญหา และเมื่อขึ้นชื่อว่าปัญหา ย่อมส่งผลเสียตามมาให้กับบ้านอย่างแน่ๆ ดังนั้นลองมาเช็กลิสต์กันว่ามีจุดไหนในบ้านบ้างที่ควรต้องระวัง

  1. หลังคา 

การเกิดหลังคารั่วในระหว่างฝนตก เป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น หลังคามีรอยแตก แผ่นหลังคาถูกวางไม่ตรง รอยต่อหลังคาไม่สมมาตร วัสดุปูหลังคาไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น ซึ่งวิธีแก้คือหมั่นสังเกตรอยแตกร้าว หรือรอยต่อต่างๆ ว่ามีคราบน้ำหรือไม่ หากมีแนะนำให้ติดต่อช่างเพื่อซ่อมแชม 

  1. รางน้ำฝน

จุดนี้เป็นอีกจุดที่ควรระวัง เพราะหากรางน้ำฝนมีการอุดตัน การระบายน้ำก็ทำได้ไม่ดี ยิ่งถ้าฝนตกหนักก็อาจทำให้รางน้ำฝนเกิดการแตกหัก ทำให้ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และน้ำก็อาจรั่วซึมเข้าไปในบริเวณบ้านเราได้ด้วย ซึ่งทางแก้นอกจากการหมั่นสังเกต อีกหนึ่งวิธีก็คือการเลือกวัสดุที่ได้มาตรฐาน ทนทานต่อการใช้งานนั่นเอง

  1. ฝ้าเพดาน 

ช่วงหน้าฝน ปัญหาฝ้าเพดานรั่ว เป็นอีกปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยมีหลายสาเหตุ เป็นต้นว่า หลังคารั่ว วัสดุของแผ่นฝ้าเพดานไม่กันความชื้น ไปจนถึงด้านบนของฝ้าตรงกับห้องน้ำ ซึ่งวิธีเฝ้าระวังง่ายๆ คือหากมองไปที่ฝาแล้วพบคราบน้ำสีน้ำตาลที่เกิดจากการซึมของน้ำ แนะนำว่ารีบแก้ไขให้เร็ว เพราะน้ำอาจรั่วจนทำฝ้าพัง และที่สำคัญก็ทำให้บ้านเกิดเชื้อราได้อีกด้วย 

  1. ผนังบ้าน

จุดผนังบ้านเป็นอีกจุดที่ไม่ควรมองข้าม ยิ่งเวลาฝนตกหนักๆ แรงปะทะของน้ำฝนที่มาพร้อมกับลมแรงๆ ที่ปะทะมาทุกๆ ปี ก็สามารถสร้างความเสียหายกับผนังมีรอยรั่วหรือแตกร้าวได้ พอมีรอบรั่วน้ำก็จะซึมเข้ามาได้ ฉะนั้นต้องคอยสังเกตซ่อมบำรุงบ้านให้ดี 

  1. ขอบประตู-หน้าต่าง 

สาเหตุที่เกิดน้ำรั่วซึมบริเวณวงกบหรือขอบประตูหน้าต่าง ส่วนใหญ่เกิดจากการติดตั้ง วัสดุเสื่อมสภาพ หรือรางระบายน้ำของหน้าต่างชำรุดอุดตัน หรือมาจากรอยร้าวบนผนัง รอยร้าวบริเวณมุมวงกบ ก็เป็นอีกสาเหตุให้น้ำรั่วซึมได้ 

*ไม่ใช่สินค้าทอสเท็ม

ดังนั้นทางแก้ปัญหาประตู-หน้าต่างเกิดน้ำซึมเข้าตัวบ้าน สามารถทำได้ง่ายๆ คือรีบซ่อมแซมก่อนฤดูฝนจะมาเยือน เพราะถ้าฝนมาหนักๆ บ้านของเราและเจ้าของบ้านเองต้องไม่มีความสุขแน่ๆ

นอกจากการซ่อมแซมประตูหน้าต่างที่ชำรุด ก่อนฝนมาเยือนแล้ว ยังสามารถเริ่มต้นจากการเลือกติดตั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เฉกเช่นผลิตภัณฑ์ TOSTEM มุ่งมั่นพัฒนา นวัตกรรม ที่ผ่านการทดสอบ  Water Tightness Performance อย่างเข้มงวด 

เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราสามารถป้องกันน้ำฝนรั่วซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังมีข้อดีอีกหลายประการ ดังนี้

1. มีดีลเลอร์ที่ได้มาตรฐานในการติดตั้ง
ทอสเท็ม ให้ความสำคัญตั้งแต่ตัวผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงปลายทางการติดตั้งในสถานที่จริง เพื่อให้งานสถาปัตยกรรมสวยงามทุกองค์ประกอบ ที่สำคัญคงด้วยประสิทธิภาพในการใช้งาน ฉะนั้นสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะไม่เกิดการรั่วซึม เพราะทอสเท็มมีดีลเลอร์ที่มีความชำนาญ ทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การใช้งานหน้าบานเป็นไปตามมาตรฐานการติดตั้ง และมีระบบเดรนน้ำ ช่วยป้องกันการรั่วซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การดีไซน์รางและบานประตู
ผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างของ TOSTEM ถูกออกแบบให้ซีลป้องกันน้ำตามรอยต่อ โดยกรอบจะทำหน้าที่รองรับน้ำฝน แล้วจะระบายออกด้านนอกผ่านวาล์วระบายน้ำเมื่อเวลาผ่านไป

3. สามารถต้านแรงลมฝนและต้านทานน้ำฝนรั่ว
ผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นของ TOSTEM จะต้องผ่านการทดสอบจากการจำลองเหตุการณ์พายุฝน โดยการให้แรงดันแทนแรงลมพายุและพ่นปริมาณน้ำ 4 ลิตร / ตร.ม. / นาที เทียบเท่าฝนตกหนัก 240 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง เพื่อการันตีประสิทธิภาพการป้องกันการรั่วซึมตามมาตรฐาน JIS ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก

4.โครงสร้างแข็งแรง ทนทานและปลอดภัย TOSTEM มีการทดสอบจำนวนรอบการเปิด-ปิดของประตูหน้าต่าง โดยใช้ระบบแขนกลควบคุมการทดสอบจำนวน 100,000 รอบ ตามมาตรฐาน JIS ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าจะมีความแข็งแรง ทนทาน และที่สำคัญมีระบบล็อกที่แน่นหนา เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับทุกคนในบ้าน

สำหรับบ้านไหนที่กำลังเตรียมบ้านให้พร้อมกับหน้าฝน และกำลังมองหาประตู หน้าต่าง ที่มีคุณสมบัติป้องกันน้ำ รวมถึงมีดีลเลอร์ที่ได้มาตรฐานในการติดตั้ง TOSTEM มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่น หลากหลายดีไซน์ ที่สามารถเข้าได้กับทุกแบบบ้านและอาคาร โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ลิ้งค์ท้ายบทความ