art4d X TOSTEM : TOSTEM Classroom ส่งต่อรอยยิ้มผ่านการดีไซน์ห้องเรียนเพื่ออนาคตของชาติ

จากจุดเริ่มต้นบนเวทีการประกวด Degree Shows 2018 สำหรับโปรเจกต์ TOSTEM Classroom เพื่อต้องการมอบคุณค่าผ่านงานดีไซน์คืนสู่สังคม โดยมี คุณดลเทพ เจตีร์ เป็นผู้ชนะรางวัล Best of the Show และ Best of Category สาขา Architectural Design (สถาปัตยกรรม) และทันทีที่การประกวดเสร็จสิ้นทางทีมงานรวมถึงสถาปนิกก็ได้เริ่มมองหาโรงเรียนที่เหมาะสมในการดำเนินงาน CSR ต่อโดยไม่รอช้า จนกระทั่งตัดสินใจเลือกโรงเรียนวัดเศวตศิลาราม อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อเป็นสถานที่ก่อสร้างห้องเรียน เนื่องจากทาง TOSTEM Thailand ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมอบสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อเอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยให้เติบโตมีพัฒนาการได้สมวัย
TOSTEM Classroom
วันที่ 4 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา โครงการ TOSTEM Classroom ก็แล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์โดยมีพิธีการเปิดอาคารเรียน โดยได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญจากหลายภาคส่วนมาร่วมกล่าวเปิดงาน รวมถึงคุณวิชา วรสายัณห์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ลิกซิล ประเทศไทยและคุณฮิโรกาชุ โมโรคุมะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการที่ร่วมเขียนคำอวยพรบนกระจกอาคารเรียนหลังใหม่ และร่วมกันปลูกต้นไม้และเพ้นท์กระถางต้นไม้ร่วมกับน้องๆ นักเรียนโรงเรียนวัดเศวตศิลารามเพื่อสร้างบรรยากาศสดใสให้กับอาคารเรียน รวมถึงยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำดีๆ ที่ได้ทำร่วมกัน
เมื่องานดีไซน์กลายเป็นห้องเรียนที่เต็มไปด้วยรายละเอียด
จากแนวความคิดในการออกแบบ ‘Safe Explorer’ ที่ถูกคุณดลเทพ เจตีร์ตีความออกมาผ่านงานออกแบบจนได้ห้องเรียนของน้องๆ อนุบาลขนาด 80 ตร.ม. ที่มีงานสถาปัตยกรรมที่ดูเรียบง่าย สวยงามแต่ในขณะเดียวกันก็ซุกซ่อนรายละเอียดเอาไว้ในทุกพื้นที่ ตั้งแต่การเลือกใช้หลังคาทรงจั่วที่คนไทยคุ้นเคยแต่ถูกนำมาเคลียร์เส้นสายให้สบายตามากขึ้น ภายในจึงโปร่งสบายด้วยการไม่มีฝ้าเพดานทำให้รู้สึกอึดอัดเนื่องจากสถาปนิกใช้ฝ้าเพดานตามการลาดเอียงของหลังคา ผสมผสานกับการเลือกใช้คอนกรีตเป็นวัสดุหลัก เนื่องจากก่อสร้างได้ง่าย ช่างท้องถิ่นมีความชำนาญ อีกทั้งในระยะยาวแล้วยังดูแลรักษาได้ง่ายเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานแทบจะตลอดเวลาอย่างห้องเรียน
เปิดกว้างทางความคิดด้วยการเปิดสเปซ
เนื่องจากโครงการ TOSTEM Classroom เป็นอาคารเรียนสำหรับเด็กปฐมวัย สถาปนิกจึงตั้งใจออกแบบพื้นที่และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ TOSTEM เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนเป็นพิเศษ ด้วยการ ‘เปิดพื้นที่’ โดยมองเห็นถึงศักยภาพของบานเฟี๊ยมที่สามารถเปิดจนสุดได้ถึง 10 ม. อีกทั้งยังออกแบบเป็นพิเศษให้มีน้ำหนักเบา เปิด-ปิดง่ายและไม่เป็นอันตรายกับเด็กๆ โดยทำการติดตั้งบานเฟี๊ยมไว้แทนผนังแนวยาวทั้งสองด้าน ในกรณีที่เปิดจนสุดจะเสมือนเป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างภายในห้องเรียนและธรรมชาติทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด หรือในกรณีที่ปิดบานเฟี๊ยมเพื่อให้เด็กๆ นอนกลางวันหรือสอนหนังสือ ความสูงของบานเฟี๊ยมและกระจกใสที่กรุก็ยังช่วยให้ภายในห้องรู้สึกปลอดโปร่ง รู้สึกอยู่สบายและสามารถใช้พื้นที่ได้ตลอดทั้งวัน
เล่นเพื่อเรียนรู้
นอกจากการออกแบบทางสถาปัตยกรรมแล้ว ทางสถาปนิกยังตั้งใจใส่รายละเอียดในพื้นที่อย่างการสร้างสเต็ปด้วยไม้ OSB และช่องเปิดด้วยบาน FIX จาก TOSTEM เพราะลูกเล่นทางสถาปัตยกรรมเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เด็กอยากเล่นและเรียนรู้ไปกับพื้นที่ใหม่ๆ โดยสเต็ปที่ออกแบบนั้นนอกจากจะเป็นบันไดที่สามารถเคลื่อนได้ย้ายตามต้องการแล้ว ยังสามารถเก็บหนังสือหรือสื่อการเรียนการสอนได้อีกด้วย เป็นการออกแบบในลักษณะ multi-function เพื่อความคุ้มค่าในการใช้งานได้อย่างครอบคลุมและยั่งยืน
เพราะเยาวชนในวันนี้คือผู้ให้ในอนาคต
TOSTEM Classroom เป็นโครงการที่ทุกฝ่ายทุ่มเทและใส่ใจกันอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การประกวดแบบ การพัฒนาแบบ การหาโรงเรียนที่เหมาะสม การก่อสร้างหน้างานไปจนถึงการเลือกใช้วัสดุ ทุกรายละเอียดล้วนถูกผลักดันจากความตั้งใจอันดีที่จะมอบสิ่งที่ดีคืนสู่สังคม โดยเฉพาะกับการได้ออกแบบอาคารเรียนเพื่อเยาวชนให้ได้มีบรรยากาศที่ดีที่สามารถส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างสมวัยและเหมาะสม โดย TOSTEM Thailand มุ่งหวังในระยะยาวให้เยาวชนของชาติที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาประเทศต่อไป

10 สถาปัตยกรรมทั่วโลกที่น่าจับตาปี 2020

ก้าวข้ามเข้าสู่ปี 2020 อย่างเป็นทางการ แวดวงงานออกแบบสถาปัตยกรรมก็คึกคักไม่น้อย เนื่องจากปีนี้ครบรอบการจัดงานยิ่งใหญ่ระดับโลกหลายรายการด้วยกันทั้งโอลิมปิก งาน Expoและงานแสดงศิลปะจากทั่วมุมโลก วันนี้เราจึงมีอัพเดตงานสถาปัตยกรรมที่น่าจับตามองในปี 2020 ที่หลายโครงการใกล้จะเปิดอย่างเป็นทางการให้ยลโฉมให้เวลาอันใกล้นี้แล้ว

Tokyo 2020 Olympic Stadium

Architects : Kengo Kuma and Associates

สำหรับไฮไลท์สำคัญในแวดวงงานสถาปัตยกรรมของหนีไม่พ้นสนามกีฬาแห่งชาติโตเกียวสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่กำลังจะมีพิธีเปิดในวันที่ 24 กรกฎาคม เพื่อต้อนรับเหล่านักกีฬาจากทั่วโลก แน่นอนว่าเจ้าภาพอย่างญี่ปุ่นทุ่มทุนไปไม่น้อยถึง 149 พันล้านเยนโดยเฉพาะในเรื่องของงานดีไซน์ที่ได้ Kengo Kuma สถาปนิกญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกมาออกแบบให้ สนามกีฬาเป็นทรงวงรีขนาดใหญ่ ใต้สแตนเชียร์มีโครงสร้างเหล็กรองรับอยู่ ภายนอกจะมองเห็นคล้ายเมล็ดสนที่แบ่งเป็นชั้น แต่ละชั้นจะปลูกต้นไม้เอาไว้ด้วยเพื่อเชื่อมโยงธรรมชาติโดยรอบให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างไรก็ตามระหว่างการออกแบบและก่อสร้างใหม่ได้เกิดข้อพิพาทต่างๆ ไม่น้อย ทั้งของวัสดุที่ใช้หรือผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม นั่นยิ่งกระตุ้นให้ญี่ปุ่นระมัดระวังการก่อสร้างโครงการนี้อย่างยิ่ง

EXPO 2020 Architects: Zaha Hadid

Expo 2020 เป็นงานนิทรรศการระดับโลกที่จะจัดขึ้น ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ได้ชนะสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โป 2020 ระหว่างวันที่ 20 ต.ค. 2563 ถึง 10 เม.ย. 2564 ภายใต้แนวความคิด Connecting Minds, Creating the Future บนพื้นที่ขนาด 276 เฮกตาร์กินบวิเวณกว้างเข้าไปในทะเลสาบ Inciralti โดยมีประเทศเข้าร่วมงานกว่า 180 ประเทศ ออกแบบ โดย Zaha Hadid ที่ได้เสนอแบบด้วยตัวเองก่อนล่วงลับ ด้วยแนวความคิดที่จะให้ผืนน้ำ ผืนทรายและท้องฟ้าบรรจบกัน และเมื่อจบงานจะช่วยส่งเสริมให้บริบทโดยรอบสวยงามและสะอาดยิ่งขึ้น

Egyptian Pavilion Proposal For 2020 Venice Biennale Architects: Cosmos Architecture

อีกหนึ่งอีเวนต์ใหญ่ของการออกแบบกับ 2020 venice architecture biennale ครั้งที่ 17 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23พฤษภาคมถึง 29 พฤศจิกายน 2563 ภายใต้แนวความคิด ‘the world is putting new challenges in front of architecture ที่เสมือนชักชวนเหล่าสถาปนิกมาร่วมกันออกแบบโครงการเพื่อจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน นั่นจึงเป็นเริ่มต้นให้ Cosmos Architecture ออกแบบ Egyptian Pavilion ที่มีชื่อว่า ‘watermarks – surviving the anthropocene’ เพื่อสื่อถึงผลกระทบที่มนุษย์มีต่อโลกใบนี้และสร้างสมดุลให้กับความหลากหลายทางนิเวศวิทยาของอียิปต์ เพราะปัจจุบันอียิปต์กำลังสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากพื้นที่ธรรมชาติกลายเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว Egyptian Pavilion จึงหวังว่าจะเป็นจุดประกายครั้งสำคัญอีกครั้งให้คนหันมาให้ความสำคัญของธรรมชาติให้มากขึ้นกว่าเดิม

IKEA VIENNA

Architects: querkraft architekten

IKEA ได้เริ่มใส่ใจสิ่งแวดล้อมในการออกแบบโครงการของตัวเองมากขึ้น โดยได้เริ่มก่อสร้างอาคารสูงเจ็ดชั้นที่ทันสมัยในบริเวณสถานี westbahnhof ของเวียนนา ออกแบบโดย querkraft architekten โดดเด่นด้วยเปลือกอาคารสีเขียวที่มาจากการปลูกต้นไม้กว่า 60 ต้น นอกจากนั้น IKEA แห่งนี้ยังไม่มีที่จอดรถ เนื่องจากต้องการ มุ่งเน้นให้คนเดินเท้า ปั่นจักรยานและผู้ที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก

Burning Man 2020

Architects: FR-EE Fernando Romero Enterprise

เวียนกลับมาอีกครั้งกับงาน Burning Man 2020 ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีบนพื้นที่ Black Rock City ในทะเลทรายตะวันตกเฉียงเหนือของเนวาดา เพื่อเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ของคนรักศิลปะทุกๆ แขนงมารวมตัวกัน ซึ่งในปี 2020 นี้จะจัดระหว่าง 30 สิงหาคม ถึง 7 กันยายน โดยมีหนึ่งพาวิลเลี่ยนขนาดมหึมาที่พลาดไม่ได้ ออกแบบโดย FR-EE Fernando Romero Enterprise สถาปนิกมือดีอันดับต้นๆ ของโลกด้านการสร้างพาวิลเลี่ยนในงานอีเวนต์ ซึ่งสำหรับที่นี่นั้นได้ออกแบบพาวิลเลี่ยนโดยแฝงเรื่องราวความเป็นไปของมนุษย์เข้ากับความเชื่อทางศาสนา เพื่อให้ที่นี่กลายเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่มีจิตวิญญาณสืบทอดกันมานับพันปีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในที่แห่งนี้

Chapel of Sound

Architects: OPEN Architecture

โครงการ Chapel of Sound ตั้งอยู่ในเขตทางตอนเหนือของเขตเทศบาลเมืองปักกิ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทที่สูญเสียประชากรไปจำนวนมากเนื่องจากขาดทรัพยากรอย่างรุนแรง ทางการจีนจึงจัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ สร้างงานในพื้นที่และดึงนักลงทุนกลับเข้ามา ตัวโครงการ Chapel of Sound ประกอบด้วยอัฒจันทร์กึ่งกลางแจ้ง เวทีกลางแจ้งและแท่นชมวิวที่สามารถมองเห็นพื้นที่ชนบทภูเขาของกำแพงเมืองจินซานหลิงได้อย่างสวยงาม

Pier55

Architects: Heatherwick Studio

โครงการ Pier 55 ออกแบบโดย Thomas Heatherwick เป็นโครงการปรับภูมิทัศน์เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะให้กับเมือง อีกทั้งยังมีทั้งสถานที่จัดแสดงกลางแจ้งและเขตรักษาพันธุ์สัตว์น้ำที่มีอัฒจันทร์ถึง 800 ที่นั่งที่ โดยพื้นที่โครงการทั้งหมดจะถูกยกขึ้นสูงให้อยู่บนเสาคอนกรีตรูปเห็ดจำนวน 300 ตัว วางห่างจากชายฝั่งแม่น้ำฮัดสัน 186 ฟุต สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเดินผ่านทางสะพานเชื่อมต่อ

Sinfonia Varsovia

Architects: Atelier Thomas Pucher

หลังจากได้รับรางวัลการออกแบบชนะเลิศระดับนานาชาติในปี 2010 เพื่อเป็นที่ตั้งของวงดนตรี Sinfonia Varsovia Orchestra ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก็เป็นเวลา 10 พอดีที่ในปี 2020 นี้จะเปิดใช้งานจริง Sinfonia เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์เพื่อฟื้นฟูตัวละครในประวัติศาสตร์ของวอร์ซอว์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ศูนย์ดนตรีแห่งนี้ถือเป็นจุดศูนย์กลางในการฟื้นฟูประวัติศาสตร์ของกรุงวอร์ซอตะวันออก ภายนอกอาคารเป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเพื่อตั้งใจให้เป็นแหล่งพื้นที่สีเขียวอีกแห่งหนึ่งของเมือง

Wasl Tower

Architects: UNStudio, Werner Sobek

Wasl Tower ตั้งอยู่ใจกลางถนนสายหลักที่เชื่อมต่อเอมิเรตส์ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Burj Khalifa และเมื่อสร้างเสร็จ Wasl Tower จะเป็นอาคารที่กรุด้วยเซรามิกที่สูงที่สุดของโลก ด้วยความสูง 300 เมตร ภายในเป็นอาคาร Mixed-use ประกอบด้วยสำนักงาน ร้านอาหาร โรงแรมและอพาร์ทเมนท์สุดหรู

Nike is LeBron James Building

Architects: Olson Kundigอาคารใหม่ของไนกี้ออกแบบโดย Olson Kundig ซึ่งตั้งใจให้ที่นี่เป็นที่ตั้งของทีมนวัตกรรมขั้นสูงของไนกี้ โดยตั้งชื่อว่า Nike is LeBron James Building ซึ่งลีบอร์น เจมส์เองเรียกได้ว่าเป็นนักบาสฯ แห่งยุคเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำลายสถิติต่างๆ ไปจนถึงรายได้จากการเป็นนักบาสอย่างมหาศาล อาคารดังกล่าวประกอบด้วยห้องปฏิบัติการวิจัยด้านกีฬาที่ล้ำสมัยและค้นคว้าด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และมี Nike Sport Research Lab (NSRL) รวมถึงสนามบาสเก็ตบอลขนาดใหญ่ของเอ็นบีเอ ลู่วิ่งระยะ 200 เมตรและระยะทาง 100 เมตร สนามฝึกซ้อมหญ้าเทียม ซึ่งล้วนแต่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนและพัฒนาทักษะของนักกีฬาให้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่

5 วิธีจัดการบ้านปลอดภัยจากเชื้อโรคร้าย

แม้จะมั่นใจว่าอยู่ในบ้านที่สะอาดเรียบร้อยแล้ว แต่เชื้อโรคร้ายหลายสายพันธุ์ก็ยังแฝงตัวติดอยู่กับข้าวของใช้งานประจำวัน แม้จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่ก็ทุกคนก็ประมาทไม่ได้จากที่เคยทำความสะอาดอยู่แล้ว ยิ่งต้องเพิ่มความเข้มข้นของการดูแลบ้านเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวมั่นใจตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ทอสเท็มจึงมาแนะนำ 5 วิธีจัดการบ้านปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆนานาที่พร้อมเข้ามารังควานเราทุกเมื่อเริ่มต้นแรกสุดจากการรักษาสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรง ไปพร้อมกับการสร้างสภาพแวดล้อมในบ้านให้สะอาดปลอดเชื้อเสมอ เพื่อลดโอกาสสะสมเชื้อให้น้อยที่สุด เพิ่มความสุขให้มากที่สุด

อากาศสะอาด ถ่ายเทสะดวก

หัวใจสำคัญของหลักการรักษาสุขลักษณะภายในบ้านที่เรียนรู้กันมายาวนานคือการให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทและสดชื่นอยู่สม่ำเสมอ เพื่อหมุนเวียนเอาอากาศเก่าออกไปสู่นอกบ้าน นำอากาศใหม่เข้ามาภายในบ้าน อย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมง เปิดหน้าต่างให้กว้างออกเพื่อรับอากาศและลมอย่างเต็มที่ หรือหากมีบานหน้าต่างภายในบ้านสักส่วนที่เป็นบานกระทุ้งหรือบานสำหรับระบายอากาศโดยเฉพาะสามารถเปิดทิ้งไว้ได้ทั้งวันอย่างปลอดภัย ก็ช่วยให้การระบายอากาศเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เช็คระบบปรับอากาศ

สำหรับอากาศร้อนในช่วงนี้ หนีไม่พ้นจะต้องใช้เครื่องปรับอากาศกันแทบทุกวัน ซึ่งทั้งตัวแอร์เองและท่อแอร์เป็นแหล่งสะสมความชื้นที่เอื้อให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ การล้างเครื่องปรับอากาศจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก หรือการถอดแผ่นกรองแอร์ไปทำความสะอาดก็ช่วยขั้นต้นได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งส่วนกักฝุ่นของบ้านส่วนอื่นๆ ทั้งมุ้งลวด หรือมู่ลี่ ก็อาจทำพร้อมกันไปได้ เพราะใช้วิธีทำความสะอาดแบบเดียวกัน ด้วยการล้างน้ำเปล่าก่อน แล้วค่อยใช้แปรงชุบน้ำสบู่อุ่น ขัดฝุ่นต่างๆ ออกให้เกลี้ยง หรืออาจใช้น้ำยาเดตตอลช่วยทำความสะอาดได้ (ระวังห้ามให้โดนร่างกาย) แล้วนำไปผึ่งตากแดดให้แห้งสนิท

เพิ่มความถี่การทำความสะอาด

ในจุดที่เราต้องสัมผัสและใช้งานอยู่เป็นประจำ จำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างละเอียดทุกซอกมุม กับตั้งแต่ของชิ้นใหญ่อย่างเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องใช้งาน ไปจนถึงของชิ้นเล็กชิ้นน้อย โดยเฉพาะของที่ต้องนำออกจากบ้านไปด้วย เช่น กุญแจบ้าน โทรศัพท์มือถือ รีโมทคอนโทรล แว่นตา เป็นต้น จะให้ดีให้เช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดกรดไฮโปรคลอรัส ซึ่งมีความปลอดภัยต่อร่างกายมนุษย์ด้วย เช็ดทำความสะอาดบนพื้นผิวตั้งแต่ก่อนนำเข้ามาในบ้าน และกลับถึงบ้านก็ต้องล้างมือด้วยสบู่ทันที เพื่อช่วยลดการปนเปื้อนกลับเข้ามาภายในบ้าน หลักฐานทางวิชาการ จากข้อมูลโดยนายแพทย์สุธี ทุวิรัตน์ บอกว่า เชื้อไวรัสโควิดสามารถอยู่บนพื้นผิวกระดาษได้ประมาณ 1 วัน บนโลหะประมาณ 2 วัน และพลาสติก 3 วัน

น้ำยาฆ่าเชื้อ ของสำคัญติดบ้าน

ในยุคนี้ น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นเหมือนน้ำยาสามัญประจำบ้านอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยทำให้บ้านหลังนี้เป็นเขตปลอดเชื้อ ทั้งเชื้อโรคทั่วไปในอากาศ และโดยเฉพาะเชื้อไวรัสโควิดที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในบ้านเราขณะนี้ หากไม่สามารถจัดหาน้ำยาฆ่าเชื้อเฉพาะได้ สามารถใช้งานไฮเตอร์รุ่นผ้าขาว ซึ่งมีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปรคอลไรต์ความข้มข้น 6% ผสมน้ำในอัตราส่วน 1:20 มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้อย่างดี ใช้เช็ดถูทำความสะอาดพื้นและเฟอร์นิเจอร์ทุกซอกทุกมุม แต่จำเป็นจะต้องเตรียมใหม่ทุกครั้งที่ใช้งาน (ข้อมูลจากนายแพทย์สุธี ทุวิรัตน์ ​นักวิชาการอิสระ)

ฆ่าเชื้อผืนผ้า

อย่างที่ทราบกันดีว่า ผ้าเป็นประเภทของวัสดุที่กักฝุ่นและเชื้อโรค โดยเฉพาะสารคัดหลั่งต่างๆ จากร่างกายที่ติดอยู่บนผืนผ้าได้ยาวนานกว่าพื้นผิวประเภทอื่นๆ ผืนผ้าภายในบ้านทั้งเสื้อผ้าเองก็ดี หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน จึงเป็นส่วนสำคัญที่ประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะหากภายในบ้านมีคนที่มีความเสี่ยงการสัมผัสเชื้อ ควรแยกผ้ากันซักเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยก่อนซักเสื้อผ้าควรนำเสื้อผ้ามาแช่น้ำร้อนประมาณ 80 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 10 นาที หรือแช่ด้วยคลอรีนความเข้มข้น 0.02 เปอร์เซ็นต์

ติดตั้งวงกบระบบไหนเหมาะกับบ้านคุณมากที่สุด

สำหรับ ‘วงกบประตู-หน้าต่าง’ เปรียบได้กับหน้าตาของบ้าน เพราะเป็นส่วนที่กำหนดความงามทั้งเรื่องของเส้นสายและขนาดของช่องเปิด รวมไปถึงเรื่องความปลอดภัยในเวลาเดียวกัน เนื่องจากหากทำการติดตั้งวงกบไม่ได้มาตรฐานหรือเลือกใช้วัสดุที่ไม่มีคุณภาพแล้วก็สามารถส่งผลทำให้บ้านเกิดรอยร้าวได้ในอนาคต ซึ่งนอกเหนือจากวงกบที่มีคุณภาพแล้ว ระบบการติดตั้งวงกบเพื่อให้เหมาะกับบ้านก็เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจไม่น้อย โดยสำหรับการติดตั้งวงกบประตู-หน้าต่างในปัจจุบันนั้นนิยมใช้กัน 2 ระบบ ได้แก่ ระบบแห้งและระบบเปียก ซึ่งแต่ละระบบจะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและประเภทของวงกบที่จะใช้เป็นหลัก

ระบบเปียก

เป็นระบบแบบดั้งเดิมที่มักใช้กับงานก่ออิฐฉาบปูนแบบทั่วไป และช่างก่อสร้างมีความคุ้นเคยสูง ซึ่งในขั้นตอนการติดตั้งนั้นจำเป็นต้องให้ประตู-หน้าต่างทุกบานจะต้องมีเสาเอ็นและทับหลังโดยรอบ เพื่อให้ตัววงกบยืดติดกับผนังได้อย่างมั่นคง ไม่เกิดการแตกร้าว แต่การติดตั้งวงกบแบบระบบเปียกนั้นไม่ได้เหมาะกับวงกบทุกชนิด โดยทั่วไปนิยมใช้กับวงกบไม้ที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็งอย่างไม้สัก ไม้ตะเคียน ไม้แดงและไม้มะค่า วงกบไม้ทั่วไปใช้ขนาด 2” x 4” ส่วนวงกบห้องน้ำจะใช้ขนาด 2”x 5” ซึ่งนอกจากระบบเปียกจะเหมาะกับวงกบไม้แล้วยังสามารถใช้ได้กับวงกบ UPVC และไม้เทียมได้เช่นกัน

ขั้นตอนการติดตั้งวงกบแบบระบบเปียก

– กำหนดระยะยึดสกรู

– นำวงกบประตู-หน้าต่างที่ประกอบแล้วมาเจาะด้านหลังวงกบด้วยสว่านไฟฟ้า แล้วยึดด้วยสกรูปล่อยแฉกแบน

– นำวงกบที่ยึดสกรูแล้วมาตั้งบริเวณที่ติดตั้ง ตรวจสอบระดับทั้งแนวดิ่งและแนวราบให้เรียบร้อย

– เว้นช่องรอบๆ ระหว่างวงกบกับผนังขนาด 10 ซม. และใช้ลวดมัดไม้ยึดด้านในให้แน่นกับวงกบ

– ยึดไม้แบบก่อสร้างเข้ากับวงกบแล้วพันเข้ากับเหล็กเสาเอ็น

– เทคอนกรีตให้เต็มแบบหล่อทับหลังวงกบและรอปูนแห้งตัวถอดไม้ค้ำยันและไม้ยึดด้านในออก

– ได้วงกบประตูที่พร้อมติดบานประตู-หน้าต่างตามที่ต้องการ

ระบบแห้ง

การติดตั้งวงกบระบบแห้งเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเนื่องจากช่วยในเรื่องของการประหยัดเวลาและงบประมาณหน้างานไปได้มาก โดยมากใช้กับชุดประตู-หน้าต่างสำเร็จมาจากโรงงาน ทำให้งานได้มาตรฐานและคุณภาพในการก่อสร้างได้อย่างดี อีกทั้งงานยังสะอาดเรียบร้อยเนื่องจากไม่ต้องเปรอะเปื้อนจากน้ำปูน ซึ่งการติดตั้งแบบระบบแห้งสามารถติดตั้งกับผนังได้ทั้งแบบก่ออิฐฉาบปูนและผนังโครงคร่าวไม้

ขั้นตอนการติดตั้งวงกบแบบระบบแห้ง

– เตรียมช่องเปิดประตู-หน้าต่างให้พร้อม

– ประกอบด้วยชุดประตูที่ประกอบเข้ากับวงกบแล้วพร้อมด้วยคิ้วปะ (Architrave)

– ตรวจสอบความเรียบร้อยของช่องเปิดทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง และนำวงกบมาทาบกับช่องเปิดดูความพอดี

– นำชุดประตูและวงกบเข้าช่องเปิดปูนเพื่อกำหนดตำแหน่งยึดสกรู

– ใช้สว่านเจาะรูเพื่อใส่พุก

– วัดระดับดิ่งและฉากชุดประตู ยิงสกรูเพื่อยึดวงกบ หลังจากนั้นตรวจสอบระดับดิ่งและฉากชุดประตู

– เก็บรอยต่อระหว่างวงกบกับผนังด้วยกาวยาแนว และโป๊วปิดรอยเจาะสกรูบนวงกบด้วยกาวไฟเบอร์เอนกประสงค์

– ได้วงกบประตูที่พร้อมติดบานประตู-หน้าต่างตามที่ต้องการ

สรุป

– ระบบเปียกเหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการติดตั้งวงกบไม้ อาจต้องใช้ช่างที่ชำนาญและมีเวลาติดตั้งและขั้นตอนที่ยุ่งยาก

– ระบบแห้งเหมาะสำหรับโครงการบ้านจัดสรรที่ต้องการใช้เวลาก่อสร้างและติดตั้งรวดเร็วและได้มาตรฐาน สามารถใช้ได้กับวงกบ UPVC เหล็ก ไม้เทียมและอลูมิเนียมได้เป็นอย่างดี