fbpx

Tag: ประตู

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

แม้ความหรูหราจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ถูกกำหนดว่าจะต้องมีหน้าตาแบบไหน แต่ด้วยค่านิยมที่สั่งสมกันมาตั้งแต่ยุคสมัยกรีกโบราณ ทำให้ ‘สถาปัตยกรรมคลาสสิก’ ที่มีความใหญ่โต หนักแน่น ในขณะเดียวกันก็แฝงรายละเอียดลวดลายอันปราณีต กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบอาคาร ที่สะท้อนถึงความหรูหรา ยิ่งใหญ่ไปโดยปริยาย และเป็นสาเหตุที่ทำให้สถาปัตยกรรมคลาสสิกถูกหยิบนำมาประยุกต์เข้ากับสไตล์อื่นๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ความหรูหราที่แตกต่างกันไป เช่นเดียวกับ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ได้นำแรงบันดาลใจจาก Classic Contemporary สถาปัตยกรรมโดดเด่นในนิวยอร์ก มาออกแบบในครั้งนี้ 

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

เสน่ห์สถาปัตยกรรม Classic Contemporary

Classic Contemporary เป็นการนำสไตล์คลาสสิกมาประยุกต์ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น เดิมทีนิยมใช้ในย่าน Upper East Side ของนิวยอร์ก ซึ่งเป็นย่านที่หรูหราที่สุดของเกาะแมนฮัตตัน โดยตัวอาคารยังคงความหนักแน่น อวดความแข็งแกร่งของคอนกรีต ตามสไตล์คลาสสิก แต่มีการลดทอนรายละเอียดขอบปูนปั้นลง ให้ภาพรวมดูเข้าถึงง่ายมากขึ้น

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ในการออกแบบของ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา ก็ได้ลดทอน Façade อาคารให้ดูเรียบมากขึ้นจากสไตล์ Classic Contemporary แบบดั้งเดิม แต่ยังคงกลิ่นอายความหรูหราไว้ โดยออกแบบขอบคิ้วบัวอาคาร ให้เป็นกรอบเหลี่ยมคมและเหลี่ยมลบมุม แทนการใช้ลวดลายอันวิจิตรปราณีตตามต้นฉบับ มีการแบ่งช่วงเสาให้เป็นจังหวะซ้ำกันชัดเจน เพื่อเน้นกรอบประตู-หน้าต่างให้โดดเด่น พร้อมกับยื่นตัวระเบียงออกมา เพื่อเพิ่มมิติความงามให้กับกรอบประตู-หน้าต่าง รวมถึงช่วยสร้างร่มเงา และลดความร้อนของแสงแดดที่ส่องเข้าสู่ตัวบ้านอีกด้วย

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ความลงตัวระหว่างความลักชูรี่และโมเดิร์น

การเลือกโทนสีกรอบบานประตู-หน้าต่าง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบ ที่ช่วยเติมเต็มความหรูหราแบบดั้งเดิมและความทันสมัยของยุคใหม่ให้ลงตัว เพราะการตัดกันระหว่างสีผนังสีขาว กับบานกรอบหน้าต่างอะลูมิเนียมสี Autumn Brown จาก TOSTEM จะช่วยขับเน้นจังหวะการแบ่งช่องเปิดที่เป็นระเบียบให้โดดเด่นขึ้น ประกอบกับลวดลายและโทนสีน้ำตาลลายไม้ธรรมชาติของประตูเหล็กลายไม้ GIESTA สี TEAK ที่ช่วยยกระดับดีไซน์หน้าตาอาคาร จากความเรียบง่ายให้กลายเป็นเรียบหรูได้ภายในพริบตา

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

ในขณะเดียวกันหน้าต่างอะลูมิเนียมสี Autumn Brown ก็เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศภายในบ้าน ที่ถูกออกแบบให้เป็นสไตล์ Contemporary (ร่วมสมัย) มากกว่าภายนอก หากสังเกตจะเห็นว่าภายในบ้านไม่มีการใช้ขอบคิ้วบัว ที่บ่งบอกความเป็นคลาสสิก แต่จะเน้นความสว่างและอบอุ่นของสเปซภายใน ชวนให้ผู้อยู่อาศัยได้มาแต่งเติมสีสัน ที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของตนเองลงไปได้เต็มที่

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

บ้านที่ตอบโจทย์ทุกช่วงจังหวะของชีวิต

นอกจากสไตล์ Classic Contemporary ที่เป็นจุดเด่นของโครงการแล้ว การจัดวางฟังก์ชันก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เพราะที่นี่มีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เชื่อมต่อกันได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน ตามการใช้งานในแต่ละช่วงวัยของผู้อยู่อาศัย รวมถึงเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ของคนในครอบครัวไปในตัว อย่างพื้นที่ Living Room ที่เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่น โต๊ะรับประทานอาหาร และเคาน์เตอร์เตรียมอาหารเข้าไว้ด้วยกัน

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

การจัดวางฟังก์ชันอย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งผลดีเพียงแค่ในแง่ของการใช้งานเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้าง ความโปร่งโล่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่อาศัย ให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านอย่างสบายกายและใจ อย่างพื้นที่โถง Double Volume ที่เชื่อมพื้นที่แนวตั้ง 2 ชั้นให้กลายเป็นห้องโถงเพดานสูง โดยมีการเปิดช่องหน้าต่างกระจกสูงรอบด้าน เพื่อเปิดรับแสงและลมธรรมชาติให้เข้ามาถ่ายเทอย่างสะดวกสบาย พร้อมเปิดรับทิวทัศน์สวนคอร์ทยาร์ดกลางบ้านและบรรยากาศธรรมชาติโดยรอบ

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ภายในบ้าน ที่มีการติดตั้งหน้าต่างกระจกบานอะลูมิเนียม รุ่น ATIS, WE70 และ WE PLUS จาก TOSTEM เพื่อมอบความโปร่งโล่ง สบาย ปลอดภัย พร้อมกับความหรูหราที่เข้ากันกับสไตล์ Classic Contemporary อย่างลงตัว ด้วยคุณสมบัติเด่นของรุ่น WE70 และ WE PLUS ที่มีระบบป้องกันน้ำรั่วประสิทธิภาพสูง มาพร้อมวาล์วระบายน้ำตรงโปรไฟล์กรอบล่าง ทั้งยังต้านทานต่อแรงดันลมได้ดี จึงเหมาะกับการนำมาใช้กับบ้านในเมืองไทยมาก

อีกรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ รุ่น ATIS ที่ถูกออกแบบให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติข้างนอก โดยการซ่อนนวัตกรรมและงานระบบเอาไว้ภายในวงกบ ทำให้ตัวบานกรอบ Slim ดูเรียบหรูขึ้นอีกขั้น และมาพร้อมกับเทคโนโลยีมุ้งกันแมลงล่องหน ที่มีการใช้ขนาดเส้นตาข่ายเล็กกว่าขนาดเส้นไนลอนในมุ้งทั่วไปถึง 40% ซึ่งจะช่วยให้สามารถมองเห็นวิวข้างนอกชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันแมลง และปล่อยให้ลมสามารถลอดผ่านเข้ามาได้ดีกว่าเดิม

AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สัมผัสความหรูหรา แรงบันดาลใจจากนิวยอร์ก

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการบ้านเดี่ยว ที่สะท้อนถึงความงามระหว่างความดั้งเดิมและความทันสมัยของสถาปัตยกรรม ผ่านการออกแบบรูปทรงอาคารสอดผสานกับความโดดเด่นของโทนสีประตู-หน้าต่างได้อย่างลงตัว หากใครที่สนใจโครงการ AERIE ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://thenestproperty.co.th/th/ หรือหากสนใจผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม แบรนด์ TOSTEM สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยครับ


คุณภาพของประตูหน้าต่าง

7 เกณฑ์วัดคุณภาพที่เป็นหัวใจสำคัญของประตูหน้าต่าง TOSTEM

นอกจากความสวยงามของประตูหน้าต่างแล้ว มาตรฐานด้านประสิทธิภาพและคุณภาพก็เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ TOSTEM ที่สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เพื่อเป็นการการันตีว่าผลิตภัณฑ์ของ TOSTEM จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของบ้านและอาคารที่พักอาศัยได้ครบทุกมิติ 

คุณภาพของประตูหน้าต่าง

กว่าจะมาเป็นสินค้าคุณภาพของ TOSTEM ทางโรงงาน TOSTEM มีการควบคุมการผลิตด้วยระบบ Quality Assurance (การประกันคุุณภาพ) และ Quality Control (การควบคุมคุณภาพ) ให้ได้ตามมาตรฐาน JIS หรือ Japanese Industrial Standards จากญี่ปุ่นที่มีความเข้มงวดสูง จนได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะต้องผ่านการทดสอบหลากหลายด่านดังนี้

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบการป้องกันการรั่วซึมของน้ำ

‘การรั่วซึมจากฝนสาด’ เป็นปัญหาพบเจอได้ทั่วไปในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้นและมีฝนชุกอย่างประเทศไทย ซึ่งปัญหาหลักๆ ที่เรามักเผชิญมี 2 ประเด็น คือ (1) การรั่วซึมของน้ำตามรอยต่อของหน้าต่างหรือตามซีลยาแนวระหว่างวงกบหน้าต่างและผนัง และ (2) การรั่วซึมจากน้ำฝนล้นราง ดังนั้นผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างทุกรุ่นของ TOSTEM จึงถูกออกแบบให้ซีลป้องกันน้ำตามรอยต่อและมีระบบป้องกันน้ำฝนในโปรไฟล์ โดยกรอบล่างทำหน้าที่รองรับน้ำฝน แล้วระบายออกด้านนอกผ่านวาล์วระบายน้ำ จึงช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนล้นไหลย้อนกลับเข้ามาภายในบ้าน โดยผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นจะต้องผ่านการทดสอบจากการจำลองเหตุการณ์พายุฝน โดยการให้แรงดันแทนแรงลมพายุและพ่นปริมาณน้ำ 4 ลิตร / ตร.ม. / นาที เทียบเท่าฝนตกหนัก 240 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง เพื่อการันตีประสิทธิภาพการป้องกันการรั่วซึมตามมาตรฐาน JIS

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบความทนทานต่อแรงลมพายุ

ประตูหน้าต่างจำเป็นต้องมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับแรงปะทะจากลมพายุที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค เมื่อเกิดลมพายุประตูหน้าต่างจะต้องไม่หลุดออกจากผนังเพื่อทำหน้าที่ปกป้องทั้งผู้อยู่อาศัยและทรัพย์สินภายใน หลังพายุผ่านไปประตูหน้าต่างจะต้องไม่มีความเสียหายและใช้งานต่อเนื่องได้ตามปกติ บานกรอบประตูหน้าต่างของ TOSTEM สามารถรับมือกับแรงลมในระดับรุนแรง เทียบเท่ากับพายุโซนร้อนได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีค่าความสามารถในการต้านทานแรงลม (Wind loading Resistance) ระหว่าง 500-2000 Pascal ซึ่งตอบโจทย์ทั้งงานออกแบบบ้านแนวราบไปจนถึงอาคารสูง รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้กับทุกเขตภูมิอากาศอีกด้วย

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบการรั่วไหลของอากาศ

แม้การเปิดประตูหน้าต่างเพื่อถ่ายเทอากาศจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่อาศัย แต่การป้องกันอากาศรั่วไหลก็เป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กัน เพราะในปัจจุบันเราต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะทางอากาศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือฝุ่นละออง PM2.5 รวมถึงมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านกันอย่างแพร่หลาย ดังนั้นจึงควรเลือกประตู-หน้าต่างที่สามารถปิดได้แน่นสนิท ไม่มีช่องว่างระหว่างวงกบและตัวบาน เพื่อลดการรั่วไหลของอากาศผ่านประตูหน้าต่างที่ปิดไว้ ซึ่งศูนย์ทดสอบ TOSTEM ก็ได้มีการนำผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นเข้าทดสอบโดยวิธีการควบคุมแรงดันของภายในและภายนอกประตู-หน้าต่าง เพื่อจำกัดปริมาณอากาศที่รั่วไหลของให้เป็นไปตามค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบการป้องกันเสียงรบกวน

นอกจากการปิดแน่นสนิทของบานกรอบจะทำให้อากาศไม่รั่วไหลแล้ว ยังช่วยในเรื่องการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย ซึ่งทางศูนย์การทดสอบของ TOSTEM ได้มีการนำผลิตภัณฑ์ไปทดสอบ ติดตั้งบนผนังกั้นระหว่าง 2 ห้อง โดยมีการปล่อยเสียงที่ความดัง 100 เดซิเบลที่ห้องฝั่งหนึ่ง และทำการวัดความดังของเสียงที่ได้ยินที่ห้องอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งตามมาตรฐาน JIS แล้ว ประตู-หน้าต่าง TOSTEM สามารถลดความดังของเสียงได้ถึง 25 เดซิเบล ทำให้บรรยากาศภายในบ้านเงียบสงบลง ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนในบ้านอย่างเป็นส่วนตัว 

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบความทนทานต่อแสงแดดและรังสียูวี

เราทราบกันดีว่าแสงแดดกับประเทศไทยเป็นของคู่กันเสมอ ดังนั้นคุณสมบัติความทนทานต่อแสงแดด จึงกลายเป็นเงื่อนไขขั้นพื้นฐานของวัสดุอาคารไปโดยปริยาย เช่นเดียวกับของผลิตภัณฑ์ TOSTEM ที่ต้องมีการทดสอบประสิทธิภาพความทนทานต่อแสงแดดจัดและรังสียูวี เพื่อการันตีได้ว่าหลังจากการผ่านรังสีอินฟาเรดและรังสียูวีที่เข้มข้นแล้ว ตัวประตูหน้าต่างและอุปกรณ์จะไม่มีรอยแตกร้าว และสีอะลูมิเนียมที่ได้จากการทำสีแบบอะโนไดซ์จะไม่ซีดจางลง 

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบความทนทานต่อกรดและด่าง

ไม่เพียงแค่แดด ลม ฝนเท่านั้นที่สามารถป้องกันได้ แต่ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ยังถูกออกแบบให้สามารถรับมือกับธรรมชาติทุกรูปแบบ และสามารถติดตั้งได้ทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบนภูเขา เขตพื้นที่ราบ หรือริมทะเล ดังนั้นจึงต้องมีการทดสอบความทนทานต่อกรดและด่าง เพื่อการันตีได้ว่าวัสดุที่ใช้จะมีความแข็งแกร่ง ไม่ถูกกัดกร่อน หรือเกิดสนิมได้โดยง่าย 

คุณภาพของประตูหน้าต่าง
  1. เกณฑ์ทดสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง ความทนทาน

แน่นอนว่าประตูหน้าต่างย่อมมีการเปิด-ปิดเป็นประจำทุกวัน วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาติดตั้งจำเป็นความแข็งแรงเพียงพอศูนย์ทดสอบ TOSTEM จึงได้มีการทดสอบจำนวนรอบในการเปิด-ปิดของประตูหน้าต่างโดยใช้ระบบแขนกลควบคุมการทดสอบจำนวน 100,000 รอบตามมาตรฐาน JIS  เพื่อทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าประตู-หน้าต่าง TOSTEM จะมีความแข็งแรง ทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน

คุณภาพของประตูหน้าต่าง

ด่านทดสอบต่างๆ เหล่านี้ คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ TOSTEM ที่ให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการผลิตและการทดสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งนอกจากเกณฑ์การทดสอบทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมา ยังมีเกณฑ์การทดสอบอื่นๆ อีกมากมาย ที่ใช้ในการทดสอบผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งมอบคุณภาพตามมาตรฐานระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประตูหน้าต่าง TOSTEM จนได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมายาวนานถึง 100 ปี


หากสนใจสินค้า TOSTEM สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทีปุ่มด้านบนเลย!

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

5 ดีไซน์บ้านที่เลือกใช้โทนสี Natural Black

‘สีดำ’ เป็นสีที่ถูกนำมาใช้กับทุกองค์ประกอบของบ้านและอาคารมาเนิ่นนาน เพราะเป็นสีที่มีความโดดเด่นในตัวเอง สวยงามไร้กาลเวลา ในขณะเดียวกันก็ยังส่งเสริมภาพรวมอาคารให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ด้วยภาพลักษณ์ของสีที่สะท้อนถึงความร่วมสมัยและความสุขุม ทำให้สีดำมักถูกนำมาหยิบมาใช้กับสถาปัตยกรรมหลากหลายสไตล์เสมอ และวันนี้เราก็ได้รวบรวมตัวอย่างบ้านจากบานประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียม TOSTEM สี Natural Black รวมถึงทริคการออกแบบที่น่าสนใจมาฝากกันเช่นเคย

Private House V60

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

บ้านสองชั้นสไตล์ Contemporary ของสองกัปตันเครื่องบิน ที่ต้องการให้บ้านเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนจากชั่วโมงบินอันแสนเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นสถาปนิกจึงตั้งใจออกแบบให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสัมผัสธรรมชาติได้จากทุกมุมของบ้าน รวมถึงมองเห็นกันและกันได้แม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ดังนั้นจึงเป็นที่มาของรูปทรงอาคารกล่องสี่เหลี่ยม ที่มีการยื่นแต่ละห้องออกไปให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติรอบด้าน และแทนที่ผนังทึบด้วยประตู-หน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานรอบด้าน เพื่อเปิดรับภาพทิวทัศน์และลมธรรมชาติได้ถึง 180 องศา พร้อมทั้งมีระเบียงยื่นต่อเนื่องออกไป ใช้สำหรับเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างภายในและภายนอก รวมถึงช่วยปกป้องพื้นที่ใช้สอยหลักจากแสงแดดและสายฝนอีกด้วย

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

เมื่อมองจากภายนอกบ้าน เราจะสัมผัสได้ถึงความดิบ เท่ แข็งแกร่งของตัวบ้าน จากวัสดุที่เน้นโทนสีเทาและดำหลากหลายเฉด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ บานกรอบประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมสี Natural Black จาก TOSTEM ที่เข้ากันกับวัสดุหิน เหล็ก และอิฐ ได้อย่างลงตัวซึ่งสะท้อนรสนิยมและตัวตนของเจ้าของบ้านออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ชัดเจน นอกจากนี้ประตูหน้าต่างสีดำยังตัดกันกับสีของวัสดุไม้ภายในบ้าน ทำให้บรรยากาศภายในดูทั้งอบอุ่นและเท่ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเรียกได้ว่ามีความกลมกลืนและความแตกต่างผสมผสานกันในทุกมิติเลยทีเดียว

Villa Chomchan

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี คู่สีขาว-ดำก็ยังคงเป็นคู่สีที่ดูสวยงามลงตัวกับบ้านเสมอ เช่นเดียวกันกับโครงการ Villa Chomchan ที่นำคู่สีขาว-ดำ มาผสานกับรูปทรงสี่เหลี่ยม เพื่อสร้างความโดดเด่น เรียบ เท่ ให้กับอาคารสไตล์โมเดิร์น โดยนำความเข้มของสีดำมาใช้ขับเน้นองค์ประกอบสำคัญของบ้านอย่าง ประตู-หน้าต่าง, ฟาซาดอะลูมิเนียม, ผนังโถงกลาง, พื้นชาน, บันได และท็อปเคาน์เตอร์ ในสัดส่วนที่พอดีกับผนังสีขาว ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ทำให้เราสามารถสัมผัสได้ถึงความลงตัวของบ้านตั้งแต่แรกพบ ซึ่งนับว่าเป็นหลักการออกแบบที่ขาดไม่ได้สำหรับการเลือกสีอาคาร ที่สำคัญแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านจากประตู-หน้าต่างรอบด้าน และกระทบยังผนังสีขาว ยังช่วยทำให้พื้นที่ภายในดูกว้างขึ้น เสริมบรรยากาศให้ดูละมุน อบอุ่น และสบายตา

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

88 Hillside

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

การได้ตื่นเช้ามาพบกับภาพทิวทัศน์ของภูเขา พร้อมกับบรรยากาศอันเงียบสงบ เป็นส่วนตัว เรียกได้ว่าเป็นฝันของใครหลายๆ คน ซึ่งโครงการ 88 Hillside ก็ได้นำความฝันนี้มาต่อยอดเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นบนเนินเขา ที่ใช้บานประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสี Natural Black มาเป็นหัวใจหลักในการออกแบบ ด้วยขนาดความสูงและความกว้างของบานประตู-หน้าต่าง ทำให้สามารถเปิดรับภาพทิวทัศน์พาโนรามาได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่โถง Double volume space ที่ใช้บานหน้าต่างขนาดใหญ่พิเศษจาก TOSTEM มาติดตั้งได้เต็มความสูงผนัง 2 ชั้นโดยไร้คานกั้น ซึ่งต้องพึ่งพาเทคนิคขั้นสูงในการติดตั้งพร้อมกับสิ่งสำคัญที่สุดอย่าง ‘ความแข็งแรงของบานหน้าต่าง’ ที่สามารถรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย ทำให้งานออกแบบสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในการก่อสร้างอย่างไร้ขอบเขต ช่วยเติมเต็มสุนทรียภาพในการพักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างเต็มที่

อ

Malton Gates Krungthep Kreetha

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

ความหรูหราไม่จำเป็นต้องคู่กับสีทองเสมอไป เพราะทุกสีสามารถสร้างความหรูหราได้หากผ่านการออกแบบที่เหมาะสม เช่นเดียวกันกับโครงการบ้านหรูระดับลักชูรี่ Malton Gates Krungthep Kreetha ที่เลือกนำบานประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสีดำ มาจับคู่กับบ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกได้อย่างลงตัว ด้วยเส้นสายแนวตั้งและแนวนอนของบานกรอบ ที่สอดรับกันกับดีไซน์ทั้งภายในและภายนอกอาคาร แต่มีความโดดเด่นในตัวเอง รวมทั้งยังสะท้อนแนวคิด ‘ประตูสู่ความเป็นอยู่ที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ’ ของโครงการ ด้วยฟังก์ชันการใช้งานและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ TOSTEM ที่มอบความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูงสุดในแก่ผู้อยู่อาศัย

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

Monsane

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

อีกหนึ่งบ้านสไตล์คลาสสิกน่าสนใจ ที่นำบานประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสีดำมาผสานกับกรอบซุ้มโค้งของอาคาร เพื่อสร้างบรรยากาศหรูหราและอบอุ่น พร้อมแฝงกลิ่นอายสถาปัตยกรรมตะวันตกจางๆ ซึ่งรูปทรงเส้นโค้งเหล่านี้สามารถลดทอนความแข็งของอาคารได้เป็นอย่างดี และตอบโจทย์กับเทรนด์ออกแบบปัจจุบันที่กำลังให้ความสนใจกับ Arch Design แต่ในขณะเดียวกันประตู-หน้าต่างรูปทรงสี่เหลี่ยม ก็ตอบโจทย์กับการเปิดรับทิวทัศน์และแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูโปร่ง โล่ง สบาย และหากสังเกตจะเห็นว่าผนังบ้านมีสีขาวโทนครีม ซึ่งหลายคนมักเข้าใจว่าสีโทนครีมจะต้องคู่กับสีโทนน้ำตาล หรือสีเอิร์ธโทนเท่านั้น ดังนั้นบ้าน Monsane จึงถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทำให้เราเห็นว่าสีดำก็สามารถจับคู่กับสีโทนครีมได้ดีเช่นกัน

จาก 5 ดีไซน์บ้านที่เรายกตัวอย่างมา จะเห็นว่าประตู-หน้าต่างสี Natural Black สามารถเข้าได้กับบ้านทุกสไตล์ และด้วยนวัตกรรมพิเศษจาก TOSTEM ที่นำอะลูมิเนียมไปชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า หรือเรียกว่าการอะโนไดซ์ (Anodized) พร้อมเคลือบอีกชั้นด้วย TEXGUARD ทำให้สีอะลูมิเนียมดูสวยงามอย่างมีมิติ มีผิวสัมผัสเรียบเนียน และทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มั่นใจได้ว่าสีอะลูมิเนียมจะไม่ซีดจาง คงความงามอยู่คู่กับบ้านได้นานถึง 40 ปี

หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่าง TOSTEM สี Natural Black และสีอื่นๆ ที่น่าสนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้า “ผลิตภัณฑ์” บนเว็บไซต์ได้เลย 


หากใครสนใจสินค้า TOSTEM สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทีปุ่มด้านบนเลย!

ออกแบบบ้านอย่างไรให้รับมือกับฝนได้อยู่หมัด

ออกแบบบ้านอย่างไรให้รับมือกับฝนได้อยู่หมัด

เมื่อก้าวเข้าสู่ฤดูฝนหลายๆ คนอาจกังวลความปลอดภัยของบ้าน โดยเฉพาะการรั่วซึมจากฝนที่นำมาสู่สารพัดปัญหาภายในบ้าน ทั้งทำให้ตัวอาคารเสียหาย ก่อให้เกิดความชื้นและเชื้อราสะสม ซึ่งส่งผลอันตรายต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัย รวมถึงความอยู่สบายของบ้าน วันนี้เราจึงชวนทุกคนมาแก้ต้นเหตุของปัญหาเหล่านี้ ด้วยไอเดียการออกแบบบ้านป้องกันฝนที่เรานำมาฝากกัน

ออกแบบบ้านอย่างไรให้รับมือกับฝนได้อยู่หมัด

ยื่นระยะชายคาออกไปให้เพียงพอ

การจะรับมือกับฤดูฝนให้อยู่หมัดได้ต้องมีเกราะป้องกันที่ดี โดยเฉพาะ ‘หลังคาบ้าน’ ปราการด่านแรกที่เผชิญกับแดด ลม ฝนโดยตรง ซึ่งหลังจากที่เลือกรูปแบบหลังคาให้เหมาะสมกับสไตล์ของตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องคำนึงเสมอคือ ‘ระยะชายคา’ ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันฝนสาดและช่วยสร้างร่มเงาให้กับตัวบ้าน โดยระยะยื่นชายคาที่เหมาะสมสำหรับบ้านในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้น คือ 1.00-1.20 เมตร ซึ่งเป็นระยะชายคาที่ป้องกันฝนได้ดี และโครงสร้างหลังคาทั่วไปสามารถรับน้ำหนักได้ โดยไม่ต้องเสริมโครงสร้างค้ำยันเพิ่ม แต่ในขณะเดียวกันการเสริมค้ำยัน เพื่อที่จะยื่นระยะชายคามากกว่า 1.20 เมตร ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันฝนและแดดแล้ว เรายังสามารถออกแบบพื้นที่ใต้ชายคา ให้เป็นระเบียงสำหรับนั่งพักผ่อนหรือใช้สอยอเนกประสงค์ก็ได้

ออกแบบบ้านอย่างไรให้รับมือกับฝนได้อยู่หมัด

ติดตั้งรางน้ำฝนบนหลังคา

‘รางน้ำฝน’ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะมาเสริมทัพให้ชายคาสามารถป้องกันฝนได้ดียิ่งขึ้น โดยรางน้ำฝนจะทำหน้าที่รองรับน้ำฝนจากแนวชายคา ให้ไหลลงตามท่อหรือโซ่ระบายน้ำฝนมายังจุดที่กำหนดไว้ ในปัจจุบันรางน้ำฝนได้ถูกออกแบบด้วยหลากหลายวัสดุ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและรูปแบบหลังคาที่แตกต่างกัน โดยแบ่งหลักๆ เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ‘รางน้ำฝนโลหะ’ ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานสูง มีน้ำหนักเบา และมีลักษณะเป็นชิ้นเดียวยาวต่อเนื่องไร้รอยต่อ ทำให้ช่วยลดปัญหารั่วซึมได้ และ ‘รางน้ำฝนวัสดุสังเคราะห์’ อย่างไฟเบอร์กลาสหรือไวนิล ซที่มีความคงทนสูง สวยงาม และมีอายุการใช้งานยาวนาน

ออกแบบบ้านอย่างไรให้รับมือกับฝนได้อยู่หมัด

เสริมเกราะป้องกันอีกชั้นด้วยฟาซาดอาคาร

นอกจากจะป้องกันฝนจากด้านบนแล้ว ก็อย่าลืมป้องกันในบริเวณด้านข้างด้วย เพราะเมื่อมีแรงลมพัดปะทะมายังตัวบ้าน จะทำให้ทิศทางของฝนเกิดเบี่ยงเบนและสาดเข้ามายังผนังด้านข้างได้ ดังนั้นจึงควรออกแบบเปลือกอาคารหรือฟาซาด ให้มี Double-Skin เพื่อช่วยเสริมเกราะป้องกันอีกชั้น รวมถึงสร้างความสวยงามให้กับหน้าตาอาคารได้หลายรูปแบบ เช่น ระแนงไม้โปร่ง, ผนังอิฐบล็อกช่องลม หรือแผงอะลูมิเนียมฉลุลาย เป็นต้น

ออกแบบบ้านอย่างไรให้รับมือกับฝนได้อยู่หมัด

เลือกประตู-หน้าต่างที่เหมาะสมกับทุกสภาพอากาศ

ประตู-หน้าต่าง ถือเป็นหัวใจสำคัญของบ้าน ที่นอกจากจะคำนึงถึงคุณสมบัติการเปิดรับลมธรรมชาติ, การระบายอากาศ, ความสวยงามของบานกรอบที่เข้ากับสไตล์บ้าน และการเชื่อมต่อบรรยากาศภายในบ้านกับธรรมชาติด้านนอกอย่างต่อเนื่องแล้ว อีกคุณสมบัติที่ต้องให้ความสำคัญคือ ‘ประสิทธิภาพการป้องกันรั่วซึมจากฝน’ ซึ่งประตู-หน้าต่างของ TOSTEM ก็ได้มีการออกแบบให้รับมือกับฤดูฝนได้อยู่หมัด ไม่ว่าจะมีพายุหรือฝนตกหนักก็สามารถปกป้องภายในบ้านได้อย่างปลอดภัย ด้วยประสิทธิภาพการต้านทานน้ำฝนที่เกิดจากแรงดันลม หรือ Water Tightness ที่ผ่านการทดสอบด้วยมาตรฐาน JIS จากญี่ปุ่นและมาตรฐาน ASTM จากสหรัฐอเมริกา ที่สำคัญมีการออกแบบโปรไฟล์กรอบล่าง ให้มีวาล์วระบายน้ำติดตั้งในทุกรุ่น และมีระบบป้องกันน้ำ 2 ชั้นในรุ่น GRANTS ที่ช่วยให้น้ำฝนไม่เอ่อล้นและไหลรั่วซึมเข้ามาตามรอยต่อของบานกรอบประตู-หน้าต่าง

ออกแบบบ้านอย่างไรให้รับมือกับฝนได้อยู่หมัด

ปลูกต้นไม้เป็นเกราะป้องกันอันแสนสบายตา

ไม่เพียงแค่องค์ประกอบของบ้านเท่านั้นที่จะรับมือกับฝนได้ แต่หากปลูกต้นไม้ให้ถูกวิธีก็สามารถป้องกันฝนได้เช่นกัน โดยการจะปลูกต้นไม้ที่ดีนั้น เราควรเลือกใช้พืชพรรณหลากหลายระดับ ทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่มสูง ไม้พุ่มเตี้ย และพืชคลุมดิน จัดวางประกอบกัน เพื่อทำให้สวนของเราสามารถรับมือกับฝนได้ทุกองศา ทุกทิศทาง พร้อมทั้งช่วยสร้างความหลากหลายในธรรมชาติ ทำให้บ้านดูร่มรื่นสบายตา และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เช่น ปลูกต้นปีป ซึ่งเป็นไม้ยืนต้น ร่วมกับรั้วต้นไทรเกาหลี (ไม้พุ่มสูง), ต้นลิ้นมังกร (ไม้พุ่มเตี้ย) และหนวดปลาดุกแคระ (ไม้คลุมดิน) เป็นต้น

ออกแบบบ้านอย่างไรให้รับมือกับฝนได้อยู่หมัด

เพียงเท่านี้บ้านของเราก็สามารถผ่านฤดูฝนได้อย่างปลอดภัย และหากใครต้องการเสริมความมั่นใจให้กับบ้าน ด้วยประตู-หน้าต่าง TOSTEM ที่สามารถรับมือกับทุกวิกฤตสภาพอากาศ พร้อมตอบโจทย์การใช้งานและเข้าได้กับดีไซน์บ้านทุกสไตล์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่


หากใครสนใจสินค้า TOSTEM สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทีปุ่มด้านบนเลย!

C+I House บ้านที่ใช้สินค้า TOSTEM

House C+I การออกแบบบ้านกะทัดรัด ให้โปร่ง โล่ง สบาย

หากเป็นเมื่อก่อนเราอาจอยากได้บ้านที่ใหญ่โต กว้างขวาง อยู่กันได้หลายคน แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์ของคนก็เปลี่ยนแปลงตาม บ้านในฝันของคนรุ่นใหม่หลายคนจึงไม่ได้จำกัดอยู่เรื่องขนาดที่ต้องใหญ่เพียงเท่านั้น แต่ทว่าอยู่แล้วสบายทั้งกายและใจแม้จะมีพื้นที่เล็กๆ หรือขนาดกะทัดรัดก็ตาม เช่นเดียวกับ House C+I ที่ถูกออกแบบตามไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้าน และความต้องการสำหรับครอบครัวขนาดเล็กอย่างพอดิบพอดี

C+I House บ้านที่ใช้สินค้า TOSTEM

‘มินิมอล เรียบง่าย กะทัดรัด และมีพื้นที่สีเขียว’ คือโจทย์แรกที่สถาปนิก blankstudio ได้รับ ด้วยไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านที่ค่อนข้างมีระเบียบ เรียบร้อย และเป็นคนที่ชอบธรรมชาติ ชอบต้นไม้ บวกกับข้อจำกัดของลักษณะผืนที่ดิน ที่มีหน้าแคบแต่ลึก ซึ่งกว้าง 10 เมตร ยาว 34 เมตร จึงเป็นที่มาของหน้าตาบ้านโมเดิร์น รูปทรงเหลี่ยม เน้นสีขาว ดูคลีนๆ หลังนี้

C+I House บ้านที่ใช้สินค้า TOSTEM

ธรรมชาติบนพื้นที่กะทัดรัด

พื้นที่หน้าบ้านซึ่งหันออกทางทิศตะวันตก ถูกออกแบบให้ทำหน้าที่ป้องกันความร้อนจากแสงแดดให้กับตัวบ้าน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองช่วง ได้แก่ ช่วงแรกที่ติดกับถนน ส่วนนี้สถาปนิกออกแบบให้เป็นโรงจอดรถที่เข้า-ออกได้สะดวก พร้อมคอร์ทยาร์ดเล็กๆ สำหรับปลูกต้นไม้ เพื่อสร้างร่มเงาและสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้านจากมุมมองข้างนอก

C+I House บ้านที่ใช้สินค้า TOSTEM

ช่วงที่สองจะถูกกั้นด้วยประตูระแนง ที่สามารถเลือกเปิดเพื่อเชื่อมพื้นที่สวนให้ต่อเนื่องกัน หรือเลือกปิดเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวอีกชั้นก็ได้ ซึ่งพื้นที่นี้เป็นถูกออกแบบให้เป็นสวนพักผ่อนย่อนใจ ที่มีทั้งสนามหญ้า และกระบะต้นไม้แนวยาวขนานไปกับทางเดินเข้าบ้าน ให้สามารถมานั่งเล่น หรือทำกิจกรรมต่างๆ พร้อมกับฟังเสียงน้ำไหลแสนผ่อนคลายจากผนังน้ำตกได้

การวางฟังก์ชันสำหรับบ้านหน้าแคบ

สถาปนิกออกแบบฟังก์ชันภายในบ้านในรูปแบบ Open Plan เพื่อทำให้บ้านขนาดกะทัดรัดดูกว้างขึ้น ทั้งพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหาร และครัวที่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างโปร่งโล่ง มีการเลือกใช้สี ดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์และวัสดุประตูหน้าต่างที่เรียบง่าย เข้ากับสีผนังและภาพรวมของบ้าน รวมถึงมีคอร์ทเล็กๆ สำหรับโชว์พืชอวบน้ำ และคอร์ทหลังบ้านสำหรับปลูกไม้ยืนต้นที่มีเรือนยอดสูงชะลูดขึ้นไปถึงชั้น 2

C+I House บ้านที่ใช้สินค้า TOSTEM

สำหรับพื้นที่ชั้น 2 นั้นถูกแบ่งให้เป็นห้องนอน ห้องแต่งตัว และห้องน้ำ ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถมองเห็นพื้นที่ชั้นล่าง และบรรยากาศธรรมชาติรอบๆ ผ่านบานประตูหน้าต่างกระจกทั้งสองด้าน ซึ่งตอบโจทย์กับความต้องการของเจ้าของบ้าน ที่อยากพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ และมองเห็นต้นไม้ตลอดเวลาในทุกๆ วัน

C+I House บ้านที่ใช้สินค้า TOSTEM

การออกแบบช่องว่าง เพื่อสร้างบรรยากาศน่าสบาย

‘ช่องว่าง หรือ Void’ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้บ้านรูปทรงกล่อง ไม่ดูทึบตัน ดังนั้นเราจึงเห็นว่าทั้งภายในและภายนอกของบ้าน มีการเปิดช่องว่างทั้งประตูหน้าต่าง และ Skylight เพื่อเปิดรับแสงและลมธรรมชาติ ให้เข้ามาไหลเวียนผ่านทุกพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง

ซึ่งบ้านหลังนี้ก็ได้มีการเลือกใช้บานประตูหน้าต่างของ TOSTEM รุ่น WE40 และ WE70 หลากหลายบาน ได้แก่ บานฟิกซ์ เพื่อเปิดรับแสงแต่ไม่รับลม เหมาะกับพื้นที่โถง Double Volume Space, บานเลื่อนสไลด์ ที่ถูกใช้กับพื้นที่เกือบทั้งหมดของบ้าน และหน้าต่างบานเปิด สะดวกต่อการใช้งานในห้องน้ำ นอกจากนี้ยังมีประตูหน้าบ้านรุ่น GIESTA ที่มาพร้อมกับระบบตัวล็อคแน่นหนา และประตูรุ่น AIRFLOW DOOR ที่ถูกออกแบบพิเศษเพื่อการระบายอากาศโดยเฉพาะ ทำให้บ้านทั้งปลอดโปร่งและปลอดภัยในเวลาเดียวกัน

สีอะลูมิเนียมก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมตัวบ้านให้ดูคลีนขึ้น ซึ่งสีที่ใช้ในบ้านหลังนี้ คือ สี SHINE GRAY ที่มีเสน่ห์โดดเด่นในตัวเอง ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้ากับผนังสีขาวได้อย่างลงตัว และด้วยคุณสมบัติของการชุบสีอะโนไดซ์ ทำให้สีเกาะตัวกับอะลูมิเนียมได้ยาวนาน ไม่ซีดจาง แม้จะผ่านสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน

เราจะเห็นได้ว่าแม้ขนาดพื้นที่จะมีข้อจำกัด แต่การออกแบบพื้นที่ให้เชื่อมถึงกัน มีการเจาะช่องว่างให้เหมาะสม และเลือกใช้สีที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้สว่างขึ้น ก็สามารถสร้าง ‘ความน่าอยู่สบาย’ ให้เกิดขึ้นได้ภายในพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตร ไม่แพ้กับบ้านหลังใหญ่เลยทีเดียว

หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่าง TOSTEM ที่สามารถเชื่อมต่อธรรมชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

ขอขอบคุณ

  • Owner: คุณพีโรรส เปลี่ยนเชาว์ และคุณพุดตาน มิตรานันท์ (ที่ดิน 85 ตารางวา | พื้นที่ใช้สอย 180 ตารางเมตร)
  • Architect: blankstudio
  • Photograph: Panoramic Studio

หากสนใจต้องการบานประตูหรือหน้าต่างสามารถคลิกดูแบบที่ต้องการได้เลย


ประตูไม้มีกี่ประเภท แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?

ประตูไม้มีกี่ประเภท แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?

จะดีแค่ไหนถ้าบ้านของเรานำวัสดุธรรมชาติอย่าง “ไม้” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้าน อย่างตำแหน่งที่เราสามารถใกล้ชิด และ สัมผัสธรรมชาติได้ทั้งสายตา และมือ อยู่เป็นประจำ นั่นก็คือ “บานประตู” แต่บานประตูไม้ในปัจจุบันมีหลายประเภทให้เลือกใช้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าบานประตูไม้แบบไหนถึงจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับบ้านของเรา วันนี้ TOSTEM จึงนำคุณสมบัติบานประตูไม้แต่ละชนิดไม่ว่าจะเป็น ไม้จริง ไม้อัด ไม้เทียม หรือ เหล็กลายไม้ มาให้ได้รู้จักกัน ก่อนจะซื้อหานำมาติดตั้ง เพื่อให้บ้านของเรารู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ และอยู่สบายมากยิ่งขึ้น

ประตูไม้มีกี่ประเภท แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?

ไม้จริงได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีต

ปัจจุบันบานประตู ไม้จริง ถือได้รับความนิยมมาโดยตลอด เพราะสามารถติดตั้งได้ทั้งภายใน และภายนอก ให้สีสันที่อ่อนโยน และผิวสัมผัสที่ผ่อนคลาย ไม้ส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาใช้ผลิตประตู ได้แก่ ไม้สัก เพราะเป็นไม้เนื้ออ่อน ให้สีน้ำตาลอ่อน มีลวดลายเป็นเส้นตรง หากเป็นไม้ที่โตเต็มที่จะมีน้ำมันที่ช่วยป้องกันแมลง และปลวกได้ดี

ประตูไม้มีกี่ประเภท แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?

อีกชนิดของไม้ที่นิยมไม่แพ้กันก็คือ ไม้แดง ไม้เนื้อแข็งสีน้ำตาลเข้ม มีลวดลายทั้งเส้นตรง และโค้งมนผสมผสานกัน ไม้แดงสามารถทนแดด และฝนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ไม้ประเภท เต็งรัง มะค่า ประดู่ หรือ ตะเคียน ก็นิยมนำมาใช้ทำประตูด้วยเช่นกัน เพราะไม้เหล่านี้มีความแข็งแรง หากเคลือบน้ำยารักษาเนื้อไม้ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

แต่ในปัจจุบันไม้เหล่านี้มีราคาที่สูงขึ้นอยู่ตลอด เพราะจำนวนไม้ในธรรมชาติที่หายากมากขึ้น ตามท้องตลาดบางครั้งอาจจะเป็นไม้ที่ยังไม่โตเต็มที่ มีความแข็งแรงน้อย และ มีความชื้นสะสม เมื่อนำมาใช้ผลิตบานประตู และนำไปติดตั้งที่บ้านก็อาจจะเกิดการบวม และผุพังเพราะปลวก และแมลงได้

ประตูไม้มีกี่ประเภท แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?

ไม้อัดราคาย่อมเยา

หลายคนเริ่มหันมาใช้บานประตูไม้อัด HDF  (High Density Fiber : HDF Door) เพราะมีราคาถูกกว่าไม้จริง น้ำหนักเบา และหาซื้อได้ง่าย เนื่องจากโครงสร้างของประตูผลิตขึ้นจากไม้หลายชนิด พร้อมปิดทับด้วยแผ่นใยไม้อัดให้เสมือนกับผิวไม้จริง โดยใช้เรซิ่นในการประสานวัสดุให้ติดแน่นทนนาน

แต่สิ่งต้องห้ามสำหรับประตูไม้อัดก็คือการติดตั้งบริเวณภายนอกอาคาร เนื่องจากเมื่อโดนแดด และฝนในระยะเวลาหนึ่งจะทำให้ประตูบวม สีซีด และผุพัง ประตูไม้อัดจึงเหมาะกับติดตั้งภายในอาคารมากกว่า 

ประตูไม้มีกี่ประเภท แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?

นวัตกรรมในการผลิตไม้สังเคราะห์

เมื่อนวัตกรรมด้านวัสดุถูกพัฒนามากขึ้น การพยายามออกแบบประตูไม้ด้วยกระบวนแบบใหม่ หรือ การใช้วัสดุอื่นเข้ามาทดแทน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกให้กับเจ้าของบ้าน เช่น บานประตูไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) ที่ถูกผลิตขึ้นจากไม้จริง แต่นำไม้มาผ่านกระบวนการทางวิศวกรรม เช่น กระบวนการอัดสลับเสี้ยน หรือ การอัดประสานกาวกันน้ำ เพื่อให้ไม้มีความแข็งแรง ไม่ยืด หด หรือ ขยายตัว แถมยังสามารถเลือกปิดผิวหน้าด้วยไม้ธรรมชาติได้หลากหลายประเภท นอกจากนี้ยังสามารถสั่งผลิตตามขนาดที่เราต้องการได้ อย่างไรก็ตามประตูไม้เอนจิเนียร์ควรจะติดตั้งภายใน หรือกึ่งภายนอกมากกว่า เพราะเมื่อโดนแสงแดดโดยตรงเป็นระยะเวลานานก็อาจจะเกิดสีซีดจางได้

นอกจากนี้ยังมีไม้เทียมอีกหลายประเภทที่ถูกผลิตด้วยวัสดุอื่น ไม่ว่าจะเป็น ไฟเบอร์ซีเมนต์ พอลิเมอร์ไวนิลผสมกับผงไม้จริง หรือ ประตูไม้สังเคราะห์ WPC (WOOD PLASTIC COMPOSITE) ที่มีส่วนผสมของผง PVC กับเศษไม้เข้าด้วยกัน จึงทำให้มีความทนทาน กันน้ำ และเชื้อรา รวมไปถึงยังสามารถผลิตรูปแบบบานประตูให้ดูแตกต่างได้อย่างไม่จำกัด แต่วัสดุเหล่านี้มีข้อเสียตรงที่มีความบอบบาง หากใช้ของแข็ง หรือสิ่งของแหลมคม เจาะ หรือ ทุบ ก็อาจจะสร้างความเสียหายให้กับภายได้บ้านได้

ประตูไม้มีกี่ประเภท แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?
ประตู GIESTA จาก TOSTEM

ประตูเหล็กเคลือบเรซิ่นลามิเนตลายไม้

เพื่อทลายข้อจำกัดของประตูไม้จริง ไม้อัด และไม้เทียม จึงเป็นที่มาของประตูเหล็กเคลือบเรซิ่นลามิเนตลายไม้ หรือ ที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งคือ ประตูอะลูมิเนียมลายไม้ ที่เลือกใช้แผ่นเหล็กที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบพิเศษ จนแผ่นเหล็กมีลักษณะ บาง  เบา และมีความแข็งแรงสูง ช่องว่างระหว่างแผ่นเหล็กเป็น PU แรปด้วยเรซิ่นลายไม้ได้หลายรูปแบบให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติเสมือนไม้จริง โดยชั้นในเคลือบอีพ็อกซี่เพื่อป้องกันสนิม

นอกจากนี้ยังเสริมภายในบานด้วยฉนวนโพลิสไตรินเพื่อลดความร้อนให้กับประตู ด้วยคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมนี้ จึงทำให้ประตูเหล็กเรซิ่นลายไม้ได้รับความนิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก 

ประตูไม้มีกี่ประเภท แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?

ทลายข้อจำกัดไม้ทุกประเภท

ไม่ว่าจะยุคสมัยใดบานประตูไม้ก็ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง แต่เนื่องด้วยสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทำให้การตัดไม้จริงในป่ามาใช้งานอาจจะไม่เกิดความยั่งยืน แถมมีราคาสูงอีกด้วย การออกแบบจึงพยายามพัฒนาบานประตูไม้ ที่เลือกใช้ไม้ให้คุ้มค่ามากที่สุด จึงเกิดเป็นบานประตูไม้อัด หรือ บานประตูไม้สังเคราะห์ เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของราคาที่ถูกขึ้น และให้ผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติได้เช่นเดิม

ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ทาง TOSTEM จึงได้คิดค้น และออกแบบบานประตูเหล็กเคลือบเรซิ่นลามิเนตลายไม้ รุ่น GIESTA หรือที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า ประตูอะลูมิเนียมลายไม้ TOSTEM ที่ผลิตขึ้นจากแผ่นเหล็กบาง แรปด้วยเรซิ่นลายไม้เป็นธรรมชาติ ทำให้มีน้ำหนักเบา บาง แต่มีความแข็งแรง ทนทานสูง ไม่เกิดสนิม และยังลดความร้อนให้กับภายในบ้านได้อีกด้วย จึงสามารถติดตั้งได้ทั้งภายใน-นอก นอกจากจะมีประตูหน้าบานแบบทึบแล้วยังมีรุ่นฝังช่องกระจกเพื่อเปิดรับความสว่างจากภายนอก พร้อมมือจับอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ที่ออกแบบตามหลัก Universal Design สามารถใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ยังสามารถเลือกระบบล็อคเพื่อความสะดวกและปลอดภัยได้ตามที่เราต้องการอีกด้วย  หากใครกำลังวางแผนติดตั้งบานประตูไม้แบบใหม่ ทาง TOSTEM ยินดีให้คำปรึกษา และแนะนำเพื่อให้ได้บานประตูไม้ที่เหมาะสมกับตัวบ้าน และไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมากที่สุด


หากสนใจต้องการบานประตูหรือหน้าต่างสามารถคลิกดูแบบที่ต้องการได้เลย