fbpx

Tag: อะลูมิเนียม

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

คุณรู้มั้ยว่าความงามของสถาปัตยกรรมมีผลต่อความรู้สึกแค่ไหน และบ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง ในสมัยก่อนบ้านที่มี เสาโรมัน คิ้วบัว ซุ้มประตู เราจะรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของบ้านมีฐานะ แต่จำเป็นหรือไม่ที่เราจะแสดงออกถึงความมั่งคั่งในงานสถาปัตยกรรมผ่าน Element เหล่านั้น Derposh Grand Sriracha หมู่บ้านในศรีราชากลับใช้องค์ประกอบในโครงการแสดงถึงความ Luxury ได้อย่างเรียบง่าย

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

ความหรูหราที่เรียบง่าย

ความแพงที่ไม่ได้ตะโกนออกมา แต่กับซ่อนไว้ในงานดีไซน์ วัตถุ และ สิ่งของ ที่โครงการเลือกใช้ในหมู่บ้าน ตั้งแต่โลเคชั่นของหมู่บ้านที่ตั้งกลางทำเลเศรษฐกิจใจกลางศรีราชา ห่างจาก J park แค่ 1.6 กิโลเมตร และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ส่วนทางเข้าหมู่บ้านที่เว้นพื้นที่ไว้สำหรับสวนขนาดใหญ่ทำให้ เปิดมุมมองของคนที่ขับรถผ่านไปมาได้กว้างมากขึ้นจนกลายเป็นที่สังเกตเห็นป้ายโครงการขนาดใหญ่ ตัวหนังสือสีทองบนผนังหินสีเทาเข้ม ยิ่งยกระดับให้โครงการมากขึ้น เมื่อเข้ามาตัวโครงการเราจะเห็นต้นโอลีฟขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่หน้าหมู่บ้าน เพิ่มความหรูหราให้กับโครงการเข้าไปอีก

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

เว้นระยะห่างสำหรับพื้นที่ส่วนตัว

ภายนอกบ้านเราจะเห็นการดีไซน์แบบ British Japanese เพราะต้องการผสมผสานความมินิมอลและความหรูหราเข้าด้วยกัน เช่น การใช้วัสดุลายไม้สีอ่อนมาตกแต่งภายนอกที่ทำดูอบอุ่น และ ทำเป็นระแนงในบางจุดเพื่อทำให้เส้นตั้งโดดเด่นขึ้นมาจากตัวบ้าน รวมเข้ากับกระเบื้องลายหินสีเทาเข้มสไตล์อังกฤษที่ทำให้บ้านดูมีเสน่ห์แบบเรียบง่าย

บ้านที่เราได้มีโอกาสเข้าไปชมคือ 𝐏𝐫𝐞𝐬𝐭𝐢𝐠𝐞 𝐓𝐲𝐩𝐞 บ้านที่รองรับครอบครัวขนาดใหญ่ ด้วยพื้นที่ 260 ตารางเมตร บนที่ดิน 65 ตารางวา

ก่อนเข้าถึงตัวบ้านจะมีพื้นที่สำหรับเก็บของไว้ที่หลังโรงจอดรถ สำหรับเก็บของใช้ภายนอกบ้าน เช่น อุปกรณ์ทำสวน อุปกรณ์กีฬา ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเก็บในตัวบ้าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถือว่าสะดวกต่อการใช้งานมากเพราะเมื่อต้องการใช้ก็หยิบจับได้เลย ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในบ้าน สำหรับพื้นที่รอบ ๆ บ้านก็สำคัญมากในการตัดสินใจของผู้ซื้อ เพราะการมีพื้นที่ว่างรอบบ้านนั้นทำให้เกิดความรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด ซึ่งเป็นข้อดีของการสร้างบ้านเดี่ยว

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

โครงการของ Derposh Grand Sriracha “คอนเซปโครงการ คือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ลูกบ้านทุกหลัง โครงการเรามีแต่บ้านเดี่ยวทั้งโครงการ ไม่มีบ้านแฝด ไม่มีทาวน์โฮม จึงทำให้ลูกบ้านทุกหลังมีพื้นที่สีเขียวรอบบ้าน และมีความเป็นส่วนตัว หลังคาและกำแพงไม่ติดกัน ลมถ่ายเทสะดวกค่ะ”

คุณแนน บุญยนุช ศรขจร เจ้าของโครงการได้กล่าวถึงแนวคิดที่ทำ Derposh Grand Sriracha เป็นหมู่บ้านเดียวในศรีราชาที่ทำเป็นบ้านเดี่ยวทั้งโครงการ

บริเวณรอบ ๆ บ้านมีสวนที่โครงการจัดเตรียมไว้เป็นพื้นที่พักผ่อนให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่สวนเป็นของตัวเอง ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทำกิจกรรมภายนอกบ้านกับคนในบ้าน หรือ เล่นกับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้แล้วการเว้นระยะห่างระหว่างเพื่อนบ้านก็ทำให้คนในบ้านได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วย 

ยินดีต้อนรับสู่พื้นที่ของคนสำคัญ

ชั้นหนึ่งของบ้านจะเป็นพื้นที่ต้อนรับแขกสู่ตัวบ้าน เริ่มตั้งแต่พื้นที่แรกที่เข้ามาในตัวบ้านคือ Living room ที่เชื่อมต่อกับ Dining area ซึ่งเมื่ออยู่ในสถานที่จริงเรารู้สึกถึงความใส่ใจของดีไซเนอร์ในรายละเอียดของตัวบ้านเป็นอย่างมาก ความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3 เมตร คนที่เข้าไปในตัวบ้านจึงรู้สึกถึงความโล่งสบาย ไม่อึดอัด เว้นความสูงให้ลูกบ้านใส่ Chandelier เพิ่มความหรูหราให้กับตัวบ้านตามสไตล์ตัวเองได้อีกด้วย และเพื่อความเป็นส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ดีไซเนอร์ออกแบบให้ห้องนอนสำหรับแขกอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ก็ให้ความสำคัญกับแขกไม่ต่างจากสมาชิกในครอบครัวเพราะเขาถือว่าคนที่เข้ามาอาศัยในบ้านนี้ทุกคนคือคนสำคัญ ดีไซเนอร์จึงวางห้องนอนแขกไว้ติดพื้นที่สีเขียว ให้คนที่เข้ามาพักได้รับชมวิวจากสวนส่วนตัวในบ้าน บ้านหลังนี้แยกพื้นที่ครัวอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้เวลาประกอบอาหารส่งกลิ่นรบกวนคนที่ใช้งานส่วนอื่นของบ้าน และพื้นที่ข้าง ๆ บันไดก่อนขึ้นไปชั้นสอง ได้ออกแบบให้มีพื้นที่เก็บของขนาดย่อม สำหรับเก็บของภายในบ้านด้วย

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

พื้นที่ส่วนตัวของสมาชิกในบ้าน

ระหว่างที่เดินขึ้นชั้นสองของบ้าน เราจะเห็นความอลังการภายในบ้านจาก Double Volume บริเวณโถงบันไดของบ้านที่มี Chandelier ห้อยลงมา และการมีช่องเปิดที่สูงตั้งแต่ชานพักไปถึงสุดฝ้าของชั้นสอง ยิ่งทำให้บ้านดูโปร่งมากขึ้น ทั้งยังเป็นการนำแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้าน ทำให้บริเวณนี้ แทบจะไม่ต้องเปิดไฟให้ความสว่างเพิ่มเติมเลย ยกเว้นแค่ตอนกลางคืน ชั้นสองจะเป็นเหมือน Private zone ของคนในบ้าน ศูนย์กลางของชั้นสองจะเป็น Living room ที่สามารถมองเห็นวิวหน้าบ้านได้จากด้านบน ชั้นสองของบ้านจะรวมห้องนอนของคนในบ้านไว้ทั้งหมด 3 ห้องที่ตกแต่งสไตล์ British โดยทุกห้องนอนจะมีห้องน้ำและ Walk in closet ภายในตัว เพื่อความสะดวกสบายของคนในบ้านและความเป็นส่วนตัวของสมาชิกในบ้าน สำหรับ Master bedroom มีบริเวณระเบียงรองรับการพักผ่อน และเพิ่มการมองเห็นพื้นที่สีเขียวบริเวณบ้านได้เช่นกัน สำหรับห้องน้ำของ Master bedroom จะมีพื้นที่สำหรับอ่างอาบน้ำ Stand alone รองรับความผ่อนคลายให้สมาชิกในบ้านได้แช่น้ำสบาย ๆ นอกจากนี้ชั้นสองยังมีห้องอเนกประสงค์สำหรับคนในบ้านได้ใช้เป็นพื้นที่ทำงานอดิเรกอีกด้วย ราวกับว่าชั้นสองนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับคนในบ้านเท่านั้น

แสดงความใส่ใจด้วยรายละเอียด

สำหรับความหรูหราที่ไม่มีเสียงของบ้านหลังนี้ที่เราอดที่จะกล่าวถึงไม่ได้คือระบบ วัสดุ อุปกรณ์ ในบ้านหลังนี้ เพราะโครงการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบายในบ้าน จึงติดตั้งระบบ Smart Home ทั้ง Digital Door Lock ระบบกล้องวงจรปิด และระบบหมุนเวียนอากาศและฟอกอากาศภายในบ้านที่ทำให้บ้านเย็นขึ้นแม้ไม่เปิดแอร์ การแจ้งเตือนเมื่อเปิดปิดประตูและเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงเครื่องปรับอากาศในบ้าน โดยทั้งหมดนี้เจ้าของบ้านสามารถสั่งการได้จาก Smartphone เเค่เครื่องเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังให้ความใส่ใจเรื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน ที่ต้องมีมาตรฐาน แข็งแรง คงทน แต่ขณะเดียวกันรูปลักษณ์ต้องดูสวยงามไม่ตกยุค

“ โดยส่วนตัวแล้วการเลือกวัสดุทุกชิ้นในการทำบ้านหนึ่งหลังล้วนแต่สำคัญทั้งสิ้นค่ะ โดยเฉพาะประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม หลักๆ จะมีอยู่ 3 ปัจจัยค่ะ คุณภาพ ดีไซน์ และการใช้งาน ” คุณแนน บุญยนุช ศรขจร เจ้าของโครงการพูดถึงเกณฑ์ในการเลือกวัสดุมาใช้ในโครงการ

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

Derposh Grand Sriracha มองว่าการใช้อะลูมิเนียมตัดประกอบแม้ต้นทุนจะต่ำแต่มีปัญหาการใช้งานหลายอย่าง ทางโครงการจึงเลือกใช้ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่มีมาตรฐานการผลิต ขึ้นรูปและประกอบมาจากโรงงาน เพื่อลดปัญหาการรั่วซึมของน้ำเวลาฝนตก และลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในขั้นตอนของการติดตั้งหน้างาน แสดงให้เห็นว่าโครงการลงทุนเพื่อให้ลูกบ้านไม่ต้องเจอปัญหาจากการใช้งานประตู หน้าต่าง สำหรับอุปกรณ์ล็อกก็ใช้เป็นเดือยล็อกที่แข็งแรง คงทน ง่ายต่อการเปิด-ปิด เวลาใช้งาน และเมื่อบานประตูหน้าต่างปิดสนิท จะเป็นการลดเสียงต่าง ๆ จากภายนอกบ้าน ลูกบ้านจึงรู้สึกถึงการแบ่งพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ส่วนตัวอย่างชัดเจน

ที่สำคัญคือเรื่องดีไซน์ที่ตอบโจทย์กับบ้านแนว British Japanese ด้วยรูปแบบ Slim version ที่ทำให้บ้านดูมินิมอล ไม่รบกวนทัศนียภาพการมองเห็นของคนภายในบ้าน การที่บานกรอบประตูหน้าต่างมีลักษณะบาง จะทำให้บ้านดูหรูหรามากขึ้น และสี DUSK GRAY ที่เข้ากับกระเบื้องลายหินสีเทาเข้มของตัวบ้าน ยิ่งเพิ่มความสุขุมอย่างมีระดับให้ตัวบ้านอย่างเห็นได้ชัด

“ โครงการนี้เป็นโครงการแรกที่เราเริ่มใช้สินค้า TOSTEM ค่ะ เหตุผลที่ใช้หลักๆ ก็คือ 3 ปัจจัยที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ และก็เรื่อง Branding ที่ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับทั้งจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์  และผู้อยู่อาศัยค่ะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการบริการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้บริการติดตั้งจากบริษัท Smart Home Plus ที่ดูแลการติดตั้งและให้บริการหลังการขายเป็นอย่างดีค่ะ ”

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

Derposh Grand Sriracha นิยามใหม่ของความหรูหรา และการใช้ชีวิตในพื้นที่แห่งความสุข

พื้นที่เชื่อมสัมพันธ์

นอกจากเรื่องของตัวบ้านแต่ละหลังแล้ว ทางโครงการก็ให้ความสำคัญกับ พื้นที่ส่วนกลางมากเช่นกัน เพราะปัจจุบันโครงการได้แบ่งพื้นที่จัดทำสวนสไตล์ British Japanese มากกว่า 2 ไร่ เพื่อลูกบ้านในโครงการสามารถมาออกกำลังกายบริเวณนี้ได้ พร้อมทั้งมีสนามแบดมินตัน และศาลาจิบน้ำชาสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้ใช้งานส่วนกลางได้สัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้โครงการยังแพลน ที่จะสร้าง Clubhouse ในอนาคต เอาใจสายสุขภาพที่เพียบพร้อมไปด้วย สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ Fitness, Sauna room, Steam room, Golf simulator, Kids-corner และ Co-working space ไว้สำหรับลูกบ้านที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน โครงการตั้งใจจะให้ส่วนกลางนี้เป็นพื้นที่สาธารณะให้ลูกบ้านได้มีปฏิสัมพันธ์กัน สร้าง Community ที่ดีให้กับสังคมหมู่บ้าน

บ้านที่เรียบง่ายแต่ภายในเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจอย่าง Derposh Grand Sriracha โครงการหยิบเอา Element ต่างๆ ในโครงการมาแสดงให้เห็นถึงมูลค่าผ่านพื้นที่การใช้งานของโครงการและตัวบ้าน หากใครอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกอยากสัมผัสถึงบรรยากาศจริง สามารถแวะชมบ้านตัวอย่างได้ที่ โครงการ Derposh Grand Sriracha


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

6 กระบวนการผลิต ก่อนมาเป็นประตูและหน้าต่างทอสเท็ม

ความปลอดภัยและความอยู่สบาย คือสิ่งที่อยู่คู่กับบ้านเสมอ องค์ประกอบในบ้านทุกส่วนจึงต้องมีคุณภาพสูงเพียงพอ ที่จะสร้างความมั่นใจให้เราได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เช่นเดียวกับที่ TOSTEM เองก็ใส่ใจและให้ความสำคัญในทุกกระบวนการผลิตอะลูมิเนียม เพื่อมอบประตู-หน้าต่างคุณภาพพรีเมียมให้กับบ้านทุกหลัง ตามมาตรฐาน JIS (Japanese Industrial Standards) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตจากญี่ปุ่นที่มีความเข้มงวดสูง จนได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก ควบคู่กับมาตรฐาน ASTM (American Society for Testing and Materials) วันนี้เราจะมาแนะนำ 6 กระบวนการผลิต ก่อนจะมาเป็นประตูและหน้าต่าง TOSTEM ที่ส่งตรงถึงบ้านของทุกคนกัน

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

01 Casting Section การหล่อบิลเล็ตอะลูมิเนียม

ขั้นตอนแรกเริ่มจากการคัดสรรอะลูมิเนียมบริสุทธิ์ที่ได้มาตรฐาน TOSTEM นำมาเป็นสารตั้งต้นในการผลิต เติมด้วยส่วนผสมสำคัญชนิดอื่น เช่น แมกนีเซียม, ซิลิคอน และโลหะต่างๆ แล้วหลอมรวมกันออกมาเป็นน้ำอะลูมิเนียมอัลลอยที่มีคุณภาพสูงตามค่ามาตรฐานที่ต้องการ หลังจากนั้นนำน้ำอะลูมิเนียมอัลลอยที่ได้มาหล่อขึ้นรูปเป็นแท่งทรงกระบอก หรือเรียกว่าบิลเล็ต (Billet) ซึ่งโรงงาน TOSTEM มีแท่นหล่อแท่งบิลเล็ตทั้งหมด 6 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพื่อความเหมาะสมกับเครื่องจักรและผลิตภัณฑ์แต่ละแบบ ได้แก่ขนาด 5 นิ้ว,  6 นิ้ว, 7 นิ้ว, 8.5 นิ้ว, 10 นิ้ว, และ 12 นิ้ว หลังจากการหล่อขึ้นรูปเสร็จแล้ว บิลเล็ตจะถูกนำไปอบด้วยความร้อนสูงเพื่อรักษารูปทรง และนำไปจัดเก็บเพื่อรอการแรรูปในขั้นตอนต่อไป

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

02 Extrusion Section การรีดขึ้นรูปอะลูมิเนียมเส้น

หลังจากที่ผ่านกระบวนการแรกเรียบร้อยแล้ว แท่งบิลเล็ตจะถูกนำเข้าอบความร้อน และตัดสั้นตามปริมาณการใช้แต่ละครั้งเพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการรีดขึ้นรูปผ่านแม่พิมพ์ จากนั้นแท่งบิลเล็ตร้อนจะถูกวางบนราง เลื่อนเข้าสู่การบีบอัดผ่านแม่พิมพ์ที่ผ่านการอบความร้อนรูปทรงต่างๆ ให้เป็นอะลูมิเนียมเส้น พักไว้ให้เย็นลง และดึงเส้นให้ตึงด้วยเครื่องจักร หลังจากนั้นนำอะลูมิเนียมเส้น มาตัดตามความยาวที่ต้องการ และนำไปอบความร้อนอีกครั้งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอะลูมิเนียม และนำไปจัดเก็บรอสำหรับขั้นตอนถัดไป สำหรับเศษอะลูมิเนียมที่เหลือจากถูกตัดจะถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการหลอมรวมใหม่อีกครั้ง เพื่อลดการเกิดเศษขยะจากกระบวนการผลิต

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

03 Surfacing Treatment Section การชุบสีและเคลือบผิวอะลูมิเนียม

หนึ่งในนวัตกรรมจดสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์ TOSTEM คือ กระบวนการชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า หรือ การอะโนไดซ์ (Anodize) พร้อมชั้นเคลือบพิเศษ TEXGUARD ซึ่งมีข้อดีคือทำให้สีอะลูมิเนียมดูสวยงามอย่างมีมิติ ผิวสัมผัสเรียบเนียน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศและมลภาวะ ไม่ซีดจางและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

โดยขั้นตอนแรกจะเริ่มจากการเตรียมผิวอะลูมิเนียมให้พร้อมด้วยสารละลายเคมี และเข้าสู่ขั้นตอนการชุบสีอะโนไดซ์ด้วยปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีทำให้ผิวอะลูมิเนียมเกิดเป็นรูพรุนขนาดเล็ก และทำปฎิกิริยาให้เกิดการติดสีในรูพรุน จากนั้นทำการเคลือบผิวอะลูมิเนียมอีกชั้นด้วยชั้นฟิล์ม TEXGUARD แล้วนำเข้าอบความร้อนเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อทำให้สีมีความทนทานยิ่งขึ้นพร้อมสำหรับการใช้งานจริง

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

04 Fabrication Section การตัดเจาะและประกอบเป็นชิ้นส่วนประตู-หน้าต่าง

เส้นอะลูมิเนียมที่ชุบสีเรียบร้อยแล้วแต่ละแบบจะถูกนำมาตัดตามขนาดตามคำสั่งผลิต เจาะและประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ตัวล็อก มือจับ ลูกล้อ บานพับ อย่างครบถ้วนเป็นประตู-หน้าต่างตามมาตรฐานของแต่ละดีไซน์ จากนั้นสินค้าจะถูกตรวจสอบเพื่อยืนยันคุณภาพ นำบรรจุหีบห่อและจัดส่งไปติดตั้งที่หน้างานของลูกค้าต่อไป

ปัจจุบันสินค้าประเภทประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมของ TOSTEM มีทั้งหมด 4 ซีรีส์ ได้แก่ GRANTS, ATIS, WE และ INTERIOR พร้อมด้วยซีรี่ส์ประตูเหล็กลายไม้ GIESTA และ ซีรี่ส์ประตูรั้ว ALUMINUN FENCE & GATE ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าแต่ละดีไซน์ตามขนาดความกว้างและความสูงที่ต้องการได้ตามรายละเอียดในแค็ตตาล็อก หรือสั่งขนาดใหญ่พิเศษอย่างซีรี่ส์ GRANTS ที่รองรับขนาดความสูงได้ถึง 4.5 เมตรเลยทีเดียว

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

05 Testing Section การทดสอบคุณภาพ

เพราะคุณภาพและการรักษามาตรฐานเป็นหัวใจสำคัญของ TOSTEM เราจึงทำการทดสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นอย่างละเอียดและเข้มงวดตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อย่าง JIS (Japanese Industrial Standard) และ ASTM (American Society for Testing and Materials) ก่อนที่จะเริ่มเปิดสายการผลิตเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าได้

ศูนย์ทดสอบของ TOSTEM ดำเนินการทดสอบคุณภาพและประสิทธิภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่การทดสอบการป้องกันน้ำฝนรั่วซึม, ทดสอบการต้านทานแรงลม, ทดสอบการป้องกันอากาศรั่วไหล, ทดสอบการป้องกันเสียง, ทดสอบความทนทานต่อสภาพอากาศทั้งความร้อน แสงแดด และรังสียูวี, ทดสอบความทนทานต่อการกัดกร่อนจากกรดและด่าง, ทดสอบความทนทานต่อการเปิด-ปิด ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าได้เกิดความมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ด้วยความสะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

06 Delivery and Installation by Dealer จัดส่งและติดตั้งโดยตัวแทนจำหน่าย

การจัดส่งผลิตภัณฑ์และการติดตั้งทั่วประเทศไทยดำเนินการโดยตัวแทนจำหน่ายของ TOSTEM ที่ได้รับการฝึกอบรมตามมาตรฐานจาก TOSTEM มีความเป็นมืออาชีพ พร้อมให้การแนะนำและคำปรึกษาแก่ลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับบ้านและอาคารของลูกค้า, การเตรียมช่องเปิดสำหรับติดตั้งประตู-หน้าต่างและวัดขนาดเพื่อสั่งผลิต, การประกอบกระจกและติดตั้ง, การตรวจคุณภาพประตู-หน้าต่างและงานติดตั้งก่อนส่งมอบงาน ไปจนถึงงานบริการหลังการขาย

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

รู้หรือไม่ ? TOSTEM มีระบบ Pre-Engineered ด้วยนะ !

บางครั้งข้อจำกัดของไซต์ก่อสร้างก็เป็นโจทย์อันน่าท้าทายสำหรับงานประตูหน้าต่าง ไม่ว่าจะด้วยระยะเวลาในการทำงานที่ถูกจำกัดด้วยลำดับการส่งมอบงานของแต่ละวัสดุและสภาพฝนฟ้าอากาศ หรือ พื้นที่ในการทำงานและจำนวนช่างฝีมือที่จำกัด ด้วยเหตุนี้ TOSTEM จึงมีระบบ Pre-Engineered เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าอีกหนึ่งรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อประตู-หน้าต่างตามแบบ สี ขนาด และจำนวนที่ต้องการ จากนั้นทาง TOSTEM จะผลิตประตู-หน้าต่างเสร็จทั้งหมดภายในโรงงาน ตรวจสอบคุณภาพและแพคลงกล่องหรือห่อวัสดุป้องกันอย่างเป็นระเบียบ เพื่อปกป้องสินค้าให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สะดวกต่อการขนส่งเคลื่อนย้ายและการจัดวางที่หน้างาน ช่วยให้การทำงานที่หน้างานเป็นไปอย่างรวดเร็วและตัวแทนจำหน่ายสามารถติดตั้งได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยยังคงรักษามาตรฐานและคุณภาพอันดีเยี่ยมของ TOSTEM อย่างสม่ำเสมอให้กับประตู-หน้าต่างทุกบาน

ทั้งหมดนี้เป็น 6 กระบวนการผลิตของ TOSTEM ที่มีการควบคุมการผลิตด้วยระบบ Quality Assurance (การประกันคุุณภาพ) และ Quality Control (การควบคุมคุณภาพ) ทุกกระบวนการ และรักษามาตรฐานเดียวกันกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เพื่อสร้างความมั่นใจในแบรนด์ TOSTEM ให้กับลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและอยู่สบาย ท่ามกลางสภาพอากาศแดดจัด ฝนตกชุกตลอดทั้งปี


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ทิศทางและการออกแบบ

ทิศทางและการออกแบบ

ถ้าคุณกำลังจะสร้างหรือต่อเติมบ้านอย่าลืมเรื่องทิศ! เพราะทิศและการออกแบบบ้านคือศาสตร์ที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด เราจำเป็นต้องรู้ทิศเพื่อจะได้ออกแบบการไหลถ่ายเทของลมเข้าตัวบ้าน การสาดส่องของแดด หรือเป็นกันสาดเวลาฝนตก การวางผังบ้านให้เหมาะกับทิศของอากาศจึงสำคัญต่อการพักอาศัยในบ้าน

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

ทิศของสภาพอากาศที่เราต้องคำนึงถึง ได้แก่

  • ทิศแดด
  • ทิศลมและทิศฝน

ทิศทางและการออกแบบ

ทิศแดด

  • ช่วงเดือน กันยายน – เมษายน ดวงอาทิตย์จะโคจรไปอยู่บริเวณทางทิศใต้
  • ช่วงเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม ดวงอาทิตย์จะโคจรไปบริเวณทิศเหนือ ทำให้ทิศใต้เป็นทิศที่รับแดดมากที่สุด อยู่ที่ประมาณแปดเดือน แต่ทิศที่ร้อนที่สุดคือทิศตะวันตก เพราะรับแสงแดดโดยตรงในช่วงบ่าย

ห้องนอนควรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เพื่อรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า ส่วนห้องรับแขกและห้องทำงานจึงควรตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับแสงแดดในช่วงเช้า ตกบ่ายแสงแดดก็ไม่สาดเข้ามา

ทิศทางและการออกแบบ

ทิศลมและทิศฝน

ทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเป็นทิศที่มีฝนสาดเข้าบ้านมากที่สุด เพราะเป็นฤดูฝน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

  • ช่วงกลางเดือนตุลาคม-กลางเดือนกุมภาพันธ์ มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดพาอากาศหนาวมา
  • ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงลมเปลี่ยนทิศจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
  • ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดพาฝนและความชื้นมา

พื้นที่ทางเข้าหน้าบ้านควรอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยให้ลมพัดผ่านเข้าบ้านเป็นลมเย็น ส่วนห้องรับประทานอาหารและห้องครัวควรตั้งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรับลมจากทิศใต้สำหรับการระบายอากาศ

สรุป

การวางผังบ้านให้เหมาะกับทิศของสภาพอากาศจึงสำคัญต่อการพักอาศัยในบ้าน โดยตำแหน่งของห้องต่างๆ ภายในบ้านที่เหมาะสมกับทิศของสภาพอากาศ มีดังนี้

  • ห้องนอน ควรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เพื่อรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า
  • ห้องรับแขกและห้องทำงาน จึงควรตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับแสงแดดในช่วงเช้า ตกบ่ายแสงแดดก็ไม่สาดเข้ามา
  • พื้นที่ทางเข้าหน้าบ้าน ควรอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยให้ลมพัดผ่านเข้าบ้านเป็นลมเย็น
  • ห้องรับประทานอาหารและห้องครัว ควรตั้งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรับลมจากทิศใต้สำหรับการระบายอากาศ

บ้านที่ใช้ประตู+หน้าต่าง+ทอสเท็ม+TOSTEM

ขอบคุณข้อมูลจาก www.baanlaesuan.com


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

เมื่อกล่าวถึงเอกลักษณ์ของบ้านโมเดิร์นในปัจจุบัน นอกจากหน้าตาอาคารที่เน้นความเรียบหรู มินิมอลแล้ว โถง Double Volume Space ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของพื้นที่ภายใน ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม หรืออาคารสูงอื่นๆ วันนี้เราขอพาทุกคนมาไขข้อสงสัยกันว่า โถงนี้มีข้อดีอย่างไร… ทำไมจึงเป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่กัน?

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

01 เพิ่มถ่ายเทอากาศอย่างปลอดโปร่ง

หากเราสังเกตเรือนไทยในสมัยก่อน จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วโครงสร้างของเรือนไทย มักทำเป็นหลังคาจั่วสูงและไม่ปิดฝ้า ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากหลักการถ่ายเทอากาศ เพราะโดยทั่วไปแล้วความร้อนจะลอยตัวขึ้นด้านบน แต่ความเย็นจะลอยตัวต่ำอยู่ด้านล่าง ดังนั้นจึงต้องมีพื้นที่ว่างใต้หลังคาให้ความร้อนลอยตัวขึ้น และระบายออกตามช่องว่างของหลังคาได้อย่างสะดวก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป บ้านส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาปิดฝ้าเพดานมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์กับรูปลักษณ์ และความสวยงามของสไตล์โมเดิร์น รวมถึงสามารถซ่อนงานระบบต่างๆ ได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ส่งผลทำให้มีการสะสมความร้อนภายในตัวบ้านมากขึ้นตาม

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

การออกแบบ Double Volume Space จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้อากาศถ่ายเทได้อย่างปลอดโปร่ง ด้วยความสูงของผนังจากพื้นถึงฝ้าที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว (ประมาณ 4-5 เมตร) จึงทำให้มีพื้นที่ให้ความร้อนได้ลอยตัวสูงขึ้น และหากต้องการหมุนเวียนอากาศให้ถ่ายเทอย่างต่อเนื่อง ควรมีการออกแบบช่องหน้าต่างหลายด้าน ทั้งส่วนด้านล่างและด้านบนของผนัง Double Volume Space เพื่อให้ความร้อนที่ลอยตัวสูง ได้ระบายออกไปข้างนอก พร้อมกับเปิดรับลมเย็นเข้ามาแทน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

02 สร้างความโปร่งโล่งภายในพื้นที่จำกัด

หลายคนมักเข้าใจว่าบ้านที่โปร่งโล่ง จะต้องมีขนาดกว้างขวาง แต่ในความจริงแล้วอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะความสูงของฝ้าเพดาน ประกอบกับการได้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างความโปร่งโล่งได้ แม้มีขนาดพื้นที่จำกัด  ดังนั้นเราจึงเห็นว่าพื้นที่ Double Volume Space มักมาพร้อมกับการติดตั้งหน้าต่างบานกระจกต่อกันทั้งผนัง โดยอาจจะติดตั้งบานที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ ทั้งชุดด้านบนและด้านล่าง หรือจะติดตั้งหน้าต่างชุดด้านบนเป็นบานปิดตาย เพื่อทำหน้าที่เป็นช่องแสงก็ได้

นอกจากแสงธรรมชาติจะช่วยสร้างบรรยากาศโปร่ง โล่ง สบายแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานการเปิดไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย แต่สำหรับใครที่กังวลว่าความร้อนจากแสงแดด จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก ก็สามารถเลือกใช้ชนิดกระจกที่ช่วยปกป้องความร้อน และเลือกใช้บานกรอบหน้าต่างคุณภาพสูง ที่มีตัวล็อกแน่นหนา ทำให้สามารถปิดหน้าต่างได้สนิท และป้องกันอากาศรั่วไหลได้ดี เพียงเท่านี้ก็จะสามารถประหยัดการใช้พลังงาน จากไฟส่องสว่างและเครื่องปรับอากาศได้พร้อมๆ กัน

03 ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน

ด้วยลักษณะของโถงที่มีความโอ่อ่า หรูหราในตัว ทำให้ Double Volume Space ถูกนำมาใช้กับพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร หรือโถงต้อนรับ ที่เป็นเหมือนพระเอกของบ้าน และมีการเสริมองค์ประกอบที่ทำให้บ้านมีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้านยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า (Chandelier) หลากหลายรูปแบบ, การกรุผนังด้วยวัสดุพิเศษ หรือบานกรอบประตู-หน้าต่าง ที่มีสีสันและลวดลายผิวสัมผัสของวัสดุสวยงาม เข้ากับสไตล์ของบ้าน ซึ่งเราสามารถเลือกสีบานกรอบ ที่มีโทนสว่าง กลมกลืนไปกับสีของผนัง เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูเบา สบาย หรือจะเลือกสีโทนเข้ม ตัดกับผนัง เพื่อเน้นดีไซน์ของหน้าต่าง รวมถึงเสริมหน้าตาภายนอกของบ้านให้ดูโดดเด่นขึ้นก็ได้

04 เชื่อมต่อความรู้สึกคนในบ้านผ่านการมองเห็น

นอกจากการจัดแปลนแบบ Open Space ที่เชื่อมต่อพื้นที่ฟังก์ชันในแนวนอนแล้ว ยังมี Double Volume Space ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อในแนวตั้งอีกเช่นกัน ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้คนในบ้านรู้สึกเชื่อมต่อกันได้ แม้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเราสามารถออกแบบพื้นที่ชั้นบนให้เป็นระเบียงทางเดิน หรือพื้นที่นั่งเล่น ที่เปิดโล่ง เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการมองเห็น การใช้งาน และการไหลเวียนอากาศ หรือจะออกแบบให้เป็นห้องนอน หรือห้องทำงาน ที่ถูกกั้นด้วยบานหน้าต่างกระจก เพื่อรักษาความส่วนตัว แต่ยังสามารถมองเห็นโถงด้านล่างได้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลในเรื่อง การเชื่อมต่อความรู้สึกแล้ว ยังทำให้คนในบ้านสามารถมองเห็นได้ เมื่อมีแขกมาเยือน หรือหากมีผู้บุกรุกเข้ามาในบ้าน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

05 เปิดมุมมองทิวทัศน์ธรรมชาติรอบบ้านให้กว้างขึ้น

โถง Double Volume Space ไม่แค่เพียงการเชื่อมต่อการมองเห็นภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยเปิดมุมมองทิวทัศน์ให้กว้างขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพสวนของเรา บริบทรอบข้างบ้าน และท้องฟ้าสดใสได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการที่มีทัศนียภาพที่ดี จะส่งผลทำให้บรรยากาศบ้านของเราดูมีชีวิตชีวา ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นการเสริมให้บ้านดูหรูหราได้อีกทางหนึ่ง อย่างบ้านหรืออาคารในเมือง ที่มีทัศนียภาพพาโนรามาของตึกรอบๆ

เมื่อเปิดรับธรรมชาติแล้ว ในขณะเดียวกันก็ควรมีการป้องกันจากความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเช่นกัน โดยเฉพาะวันที่ฝนตก ฟ้าร้อง หรือพายุเข้า ดังนั้นบานประตู-หน้าต่างจึงต้องมีกลไกที่ช่วยรับมือได้ทุกสภาพอากาศ อย่างผลิตภัณฑ์ของ TOSTEM ที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถต้านแรงลมได้สูงถึง 2,000 Pascal ตอบโจทย์ทั้งบ้านและอาคารสูง มาพร้อมกับกลไกป้องกันน้ำฝนในโปรไฟล์กรอบล่างหลายชั้น และมีวาล์วระบายน้ำ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำที่เอ่อล้นไหลย้อนกลับเข้ามาภายในบ้าน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

ที่สำคัญบานประตู-หน้าต่างของ TOSTEM ยังสามารถสั่งทำขนาดพิเศษ ที่มีความสูงถึง 3 เมตร ต่างจากปกติที่สูงเพียง 2 เมตรเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์กับดีไซน์ Double Volume Space ของบ้านและอาคารสูง โดยยังคงประสิทธิภาพความทนทานในทุกๆ ด้าน ตามมาตรฐาน JIS หรือ Japanese Industrial Standards ควบคู่กับมาตรฐาน ASTM จากสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

อย่างที่รู้กันว่าอากาศร้อนกับเมืองไทยเป็นของคู่กันเสมอ แต่ด้วยเทรนด์อาคารโมเดิร์นในปัจจุบัน ที่มักใช้ประตู-หน้าต่างกระจกเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ยากต่อการหลีกเลี่ยงความร้อน ที่จะเข้ามาสะสมในตัวบ้าน ซึ่งการเลือกชนิดกระจกที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดความร้อนจากแสงแดดได้ วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกระจก 4 ประเภท เพื่อให้คุณสามารถเลือกกระจก ที่จะช่วยตอบโจทย์ในการป้องกันความร้อนได้อย่างดีที่สุด    

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกโฟลต (Float Glass)

กระจกโฟลต เป็นกระจกที่คล้ายกับกระจกแผ่นทั่วไป แต่มีฟองอากาศน้อยกว่า ทำให้ผิวเรียบสนิททั้งสองด้าน มีความโปร่งแสงสูง ทำให้ความร้อนผ่านได้ง่าย สามารถมองทะลุผ่านได้อย่างชัดเจน และแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กระจกใส และกระจกสี ซึ่งกระจกสีมีคุณสมบัติช่วยลดทอนแสงแดดได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติดูดความร้อนมากกว่ากระจกใส ทำให้ความร้อนยังสามารถแผ่เข้าสู่ตัวอาคารได้ง่ายเช่นเดิม

แม้กระจกโฟลตจะมีความแข็งแรงเพียงพอ สำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร แต่ควรหลีกเลี่ยงใช้ในทิศที่หันเข้าหาแดดจัด หรือได้รับความร้อนทั้งวัน นอกจากนี้ยังควรเพิ่มเกราะป้องกันความร้อนเสริมอีกชั้น ด้วยระแนง หรือ Double Skin Façade เพื่อช่วยกรองแสงให้กับพื้นที่ภายในอาคาร และเป็นการรักษากระจกให้มีอายุการใช้งานยาวนาน

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกนิรภัย (Laminated Glass)

กระจกนิรภัย หรือกระจกลามิเนต เป็นการนำกระจกธรรมดาหรือกระจกเทมเปอร์ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไป มาประกบกัน และคั่นตรงกลางด้วยแผ่นฟิล์ม PVB (Poly Vinyl Butyral) หรือ EVA (Ethylene Vinyl Acetate) ซึ่งแผ่นฟิล์มจะทำหน้าที่ยึดเศษกระจก ไม่ให้ร่วงหล่นจากกรอบบานเมื่อแตก ทำให้กระจกลามิเนตทนทานต่อแรงกระแทกและแรงดันสูง มีความปลอดภัยมากกว่าชนิดอื่นๆ ช่วยป้องกันเสียงรบกวนและเก็บเสียงได้ดี

ที่สำคัญยังช่วยป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้มากถึง 90% จึงเหมาะกับการใช้ในทุกๆ ส่วนของบ้าน สามารถออกแบบให้เป็นทั้งประตู-หน้าต่าง, พื้นทางเดิน, บันได, ราวกันตก , Skylight และ Facade แต่กระจกลามิเนตยังมีข้อจำกัดในเรื่องของแผ่นฟิล์ม เพราะหากอยู่ในสภาวะที่มีความชื้นสูง แผ่นฟิล์มจะดูดความชื้น และส่งผลให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะของกระจกเสื่อมลง

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกฉนวนกันความร้อน (Insulated Glass)

กระจกฉนวนกันความร้อน หรือกระจกอินซูเลท เป็นกระจกที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความร้อนเป็นพิเศษ เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาคารสูง ที่นิยมติดกระจกรอบอาคาร และมีโอกาสรับแสงแดดมากกว่าบ้านหรืออาคารขนาดเล็ก

มีวิธีการทำโดยนำกระจกชนิดใดก็ได้ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกัน คล้ายหลักการทำกระจกลามิเนต แต่จะเว้นช่องตรงกลางสำหรับติดตั้งเฟรมอะลูมิเนียม และถูกบรรจุด้วยอากาศแห้งหรือก๊าซเฉื่อย เพื่อทำหน้าที่ป้องกันแสงแดดและลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร รวมถึงยังช่วยสะท้อนแสงแดดออกไปได้มากกว่า 95%-98% ทำให้สามารถลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ รักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้คงที่ และลดการใช้ไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวัน เป็นทางเลือกการประหยัดพลังงานภายในอาคารที่น่าสนใจเลยทีเดียว

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจก Low-E (Low-Emission Glass)

กระจก Low-E เป็นกระจกที่ถูกนำมาเคลือบสารโลหะ เพื่อลดการแผ่รังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร ในขณะที่มีการสะท้อนแสงค่อนข้างต่ำ ทำให้แสงแดดยังคงสามารถส่องเข้ามาได้มาก ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในอาคารสูง หรืออาคารทั่วไปที่ต้องการประหยัดพลังงาน แต่ต้องการแสงธรรมชาติเทียบเท่าเดิม โดยกระจก Low-E แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กระจก Low-E แบบผิวเคลือบผิวแข็ง (Hard Coat Low-E) และกระจก Low-E แบบผิวเคลือบผิวแข็ง (Soft Coat Low-E)

กระจก Hard Coat Low-E ลดการแผ่รังสีความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคารได้น้อย ทำให้กักเก็บความร้อนภายในอาคารได้ดี จึงเหมาะกับการใช้ในเมืองหนาวมากกว่า ทำให้กระจก Soft Coat Low-E จึงเป็นที่นิยมใช้มากกว่าในเมืองร้อนอย่างไทยเรา แต่กระจก Soft Coat Low-E ไม่ควรใช้บานเดี่ยวเนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยด่างจากสภาพอากาศ จึงนำมาประกบ 2 ชั้น และบรรจุอากาศตรงกลาง เหมือนกับกระจกอินซูเลท ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพการป้องกันความร้อนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

นอกจากการเลือกกระจกป้องกันความร้อนได้ดีแล้ว ก็ต้องมีควบคู่กันคือบานกรอบประตู-หน้าต่าง ที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำ จะทำให้บานกรอบแตกหักได้ง่าย เมื่อผ่านสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน รวมถึงทำให้ยาแนวเสื่อมสภาพหรือเสียหายเร็ว ซึ่งส่งผลต่อการรั่วซึมของอากาศและน้ำฝน ที่สามารถเข้าสู่ช่องว่างระหว่างกระจกได้ โดยเฉพาะกระจกอินซูเลท และกระจก Low-E ที่มีช่องว่างของก๊าสเฉื่อยตรงกลาง

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมของ TOSTEM มีการทดสอบประสิทธิภาพความทนทานต่อรังสีอินฟาเรดและรังสียูวีเข้มข้น เพื่อการันตีคุณภาพได้ว่า วงกบและกรอบบานอะลูมิเนียม รวมถึงอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะไม่เปลี่ยนรูป ไม่บิดงอ ไม่มีรอยแตกร้าวเสียหาย หลังจากการเผชิญกับความร้อนและแสงแดดรุนแรง ที่สำคัญนวัตกรรมการชุบ สีอะโนไดซ์ของ TOSTEM ยังทำให้สีติดทนนาน ไม่หลุดร่อน ไม่ซีดจาง เนื่องจากเป็นการนำอะลูมิเนียมไปชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า จนเกิดเป็นชั้นฟิล์มอะลูมิเนียมออกไซด์ ที่มีผิวเรียบเนียน และมีเฉดสีที่เข้ากับงานออกแบบหลากหลายสไตล์ พร้อมเคลือบด้วย TEXGUARD เสริมความทนทานอีกชั้น ซึ่งต่างจากวิธี Powder Coated ทั่วไป ที่เป็นการใช้สีฝุ่นพ่นลงบนพื้นผิวอะลูมิเนียม ทำให้สีซีดจางลงได้ง่ายเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

เมื่อกล่าวถึงบ้านจัดสรร หลายคนมักนึกถึงกลุ่มบ้านที่มีดีไซน์หน้าตาคล้ายกัน เรียงติดกันเป็นแถว แถมยังไม่ค่อยมีพื้นที่นอกตัวบ้านให้ตกแต่งพื้นที่บริเวณสวนมากนัก จนทำให้บางคนเลือกที่จะนำบ้านจัดสรรหน้าตาเดิมนำมารีโนเวทใหม่ ให้กลายเป็นบ้านที่ใช่ ตามสไตล์ที่ชอบมากขึ้น เช่นเดียวกันกับ Baan Ladprao บ้านโฉมใหม่ของคุณอาย วราพร เธียรปรีชา ที่ซ่อนห้องนั่งเล่นเรือนกระจกสุดร่มรื่นไว้ใจกลางบ้าน

“เราไปดูตัวอย่างที่โชว์รูมของ TOSTEM แล้วก็รู้สึกประทับใจ ตรงที่สีโอเค ความหนาของบานกรอบ กระจกก็โอเค การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ถือว่าคุ้มค่า เพราะเป็นบานประตู หน้าต่างอะลูมิเนียม สามารถเปิดเห็นสวนได้เต็มที่ ทำให้บ้านดูสวยขึ้นเยอะมาก”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล
คุณอาย วราพร เธียรปรีชา (เจ้าของบ้าน)
จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จุดเริ่มต้นของบ้านแห่งนี้ มาจากความชอบของเจ้าของบ้าน ที่ต้องการอยู่อาศัยในบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่มีรูปทรงสวยงาม ทันสมัย ท่ามกลางบรรยากาศสวนธรรมชาติรอบบ้านในทุกๆ วัน จนเป็นที่มาของบ้านรูปทรงกล่องสีขาว ที่ถูกจัดวางสอดประสานกันอย่างลงตัว บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร 

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

สร้างความโปร่งโล่ง ภายใต้ความเป็นส่วนตัว

สถาปนิกเลือกที่จะรักษาพื้นที่ฟังก์ชันภายในไว้คงเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายนอกอาคารใหม่ ให้มีความโปร่ง โล่ง สบาย แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย โดยนำโรงจอดรถที่มีดีไซน์สอดคล้องกับตัวบ้าน วางไว้ด้านหน้าทางเข้า เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และเชื่อมต่อกับระเบียงทางเดิน Semi-Outdoor ก่อนเข้าสู่พื้นที่ฟังก์ชันอื่นๆ ภายในบ้าน ซึ่งข้อดีของการออกแบบทางเดินให้เป็น Semi-Outdoor แทนทางเดินภายในบ้านตามทั่วไป คือ ทำให้แสงและลม สามารถไหลเวียนถ่ายเทได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้บรรยากาศของบ้านไม่น่าเบื่อ และยังสามารถสอดแทรกกะบะต้นไม้ หรือสวนเล็กๆ ระหว่างทาง ตามความต้องการของเจ้าของบ้านได้

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

นอกจากการออกแบบในเชิงฟังก์ชันแล้ว รูปแบบและโทนสีวัสดุ ยังสามารถส่งผลต่อความอยู่สบายของบ้านเช่นกัน อย่างการนำหลักการสะท้อนแสงของวัสดุสีขาว มาช่วยลดทอนความทึบตันของอาคาร และช่วยพรางตาทำให้พื้นที่ดูกว้างขวางกว่าความเป็นจริง รวมถึงมีการเลือกใช้ประตู-หน้าต่าง ที่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน มีเส้นกรอบของอะลูมิเนียม ช่วยขับเน้นสัดส่วนอาคารให้ดูสูงโปร่งขึ้น พร้อมกับเปิดรับแสงและลมธรรมชาติเข้ามาสู่ตัวบ้าน และสำหรับฟังก์ชันที่อยู่ในด้านหันออกนอกตัวบ้าน อย่างห้องนอนและห้องน้ำ สถาปนิกก็ได้ออกแบบฟาซาดระแนงสีขาวเข้ากับตัวบ้าน มาทำหน้าที่กรองแสงแดด และอำพรางสายตา เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

Glass House ห้องนั่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติ

Glass House เป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกต่อเติมขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในบ้าน และชานไม้ที่ยื่นออกไปในสวนน้ำตกจำลอง ซึ่งสถาปนิกตั้งใจออกแบบพื้นที่นี้ ให้คล้ายกับเรือนกระจก โดยมีการติดตั้งบานกระจกอะลูมิเนียมรอบด้าน เพื่อเปิดรับมุมมองทัศนียภาพในหลากหลายมิติ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับรู้ถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

อยู่สบาย ปลอดภัย รับมือได้ทุกสภาพอากาศ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศได้ไม่มีสะดุด คือ การสร้างความปลอดภัยในขณะใช้งาน ซึ่งหน้าต่างบานสไลด์ รุ่น GRANTS สี Natural White จาก TOSTEM ก็สามารถตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี เนื่องจากเป็นบานกรอบอะลูมิเนียมที่ถูกออกแบบพิเศษ สามารถต้านทานแรงลมได้สูง มาพร้อมกับระบบป้องกันน้ำ 2 ชั้น ซ่อนอยู่ภายในตัวกรอบบานล่าง ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกจากขอบหน้าต่าง ช่วยลดปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าสู่ตัวบ้านได้ ในขณะเดียวกันบานกรอบอะลูมิเนียม TOSTEM ก็มีความแข็งแรง ทนทานต่อแสงแดดและรังสียูวีได้สูง ไม่แตกหักง่าย และการทำสีอะลูมิเนียมแบบอะโนไดซ์ ยังช่วยทำให้สีไม่หลุดลอกหรือซีดจาง แม้ต้องเจอกับแสงแดดจ้า หรือผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน

จากบ้านจัดสรรธรรมดา สู่บ้านโมเดิร์นที่ซ่อน Glass House ไว้ท่ามกลางสวนทรอปิคอล

“บ้านก็เย็นขึ้นจากก่อนรีโนเวท สีอะลูมิเนียมข้างนอกที่โดนฝน โดนแดด ก็ไม่ซีด ตอนติดตั้งทาง TOSTEM ก็มีการประสานงานกับผู้รับเหมาได้ดี เพราะว่าบ้านเรามีการติดตั้งผ้าม่าน มุ้งจีบ และระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีการเดินสาย เซนเซอร์ประกบประตู-หน้าต่างทุกบาน ดังนั้นงานติดตั้งจึงมีความซับซ้อน แต่ TOSTEM ก็ได้ให้คำแนะนำ คำปรึกษาอย่างดี จนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ”

จากบ้านจัดสรรธรรมดา ก็สามารถแปลงโฉมให้เป็นบ้านในฝันได้ หากมีการออกแบบตัวอาคารที่ดี ควบคู่กับการเลือกวัสดุอย่างเหมาะสม สำหรับใครที่สนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพให้กับบ้านและการอยู่อาศัย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ขอขอบคุณ

Owner : คุณอาย วราพร เธียรปรีชา และครอบครัว