fbpx

Tag: ประตู

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

โดยทั่วไปแล้วเรามักทราบกันว่าต้นไม้ล้วนต้องการแสง น้ำ และอาหารที่เพียงพอ แต่บางครั้งพื้นที่ภายในบ้านหรือคอนโดมิเนียมกลับไม่เป็นใจต่อการปลูกต้นไม้เอาเสียเลย โดยเฉพาะพื้นที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง และอากาศถ่ายเทไม่เพียงพอ ที่ทำให้ต้นไม้ตายง่าย หรือเจริญเติบโตไม่สวยงาม วันนี้เราจึงมาแนะนำ 10 ต้นไม้ใบประดับเติบโตได้ไม่ง้อแดด ที่จะมาเปลี่ยนทุกมุมอับของบ้าน ให้กลายเป็นมุมโปรดสุดร่มรื่นของทุกคนกัน 

01 เดหลี (Peace lily)

ไม้ประดับที่สวยงามทั้งใบและดอก โดยใบมีลักษณะรูปรี, สีเขียวเข้ม, แผ่นใบเรียบและเป็นมันวาว ดอกเดหลีจะประกอบด้วยใบประดับสีขาวนวล, มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ, ปลายใบเรียวแหลมสวยงามและมาพร้อมกับช่อดอกเป็นแท่งทรงกระบอกตรงกลาง ซึ่งสามารถส่งกลิ่นอ่อนๆ เมื่อดอกบาน เดหลีชอบพื้นที่ชุ่มชื้นและแสงแดดรำไร หากโดนแสงแดดมากเกินไปจะทำให้ใบไหม้ได้ จึงเหมาะกับการปลูกภายในอาคารอย่างมาก หากต้องการปลูกในสวน ควรปลูกในพื้นที่ที่มีร่มเงา หรือปลูกในบริเวณที่มีความชื้นสูง อย่างสวนริมน้ำตก, บ่อปลาคาร์ฟ หรือข้างสระว่ายน้ำเป็นต้น

02 ฟิโลเดนดรอน ซานาดู (Philodendron xanadu)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

ไม้ใบประดับตระกูลฟิโลเดนดรอน ที่มีรูปร่างโดดเด่น ชวนสะดุดตา น่านำมาจับคู่กับกระถางสวยๆ สักใบ วางประดับไว้บริเวณมุมห้องหรือริมหน้าต่าง ด้วยลักษณะแตกออกเป็นแฉกลึกเกือบถึงกลางใบ มีก้านใบยาวแตกเป็นกอสวยงาม คล้ายฟิโลเดนดรอนใบมะละกอ ฟิโลเดนดรอนซานาดูชอบแสงแดดรำไร ชอบความชื้นปานกลาง แต่ไม่ควรรดน้ำจนดินแฉะเกินไป เพราะจะทำให้ต้นไม้รากเน่าตายได้ นอกจากจะนิยมปลูกในกระถางแล้ว ฟิโลเดนดรอนซานาดูยังเหมาะกับการปลูกริมทางเดิน หรือพื้นที่ริมรั้วที่มีแสงแดดไม่จัดอีกด้วย

03 เฟิร์นบอสตัน (Boston fern)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

เฟิร์นบอสตันหรือเฟินดาบ เป็นพืชที่หลายคนนิยมนำมาตกแต่งในสวนสไตล์ทรอปิคอลอย่างมาก ไม่ว่าจะนำมาปลูกในกระถางตั้งพื้น ปลูกเป็นไม้กระถางแขวน หรือปลูกลงดินเป็นแนวพุ่มก็ได้ เฟิร์นบอสตันคุณสมบัติฟอกอากาศ สามารถดูดสารพิษได้มากโดยเฉพาะสารฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เป็นพืชที่ชอบแสงแดดค่อนข้างมาก-รำไร สามารถปลูกได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพียงแต่ต้องการความชุ่มชื้นสูง จึงควรหมั่นรดน้ำหรือฉีดพ่นละอองน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาใบให้มีสีเขียวสดตลอดเวลา

04 คล้าซิการ์ (Cigar calathea)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

พืชล้มลุกที่นิยมปลูกในสวนเป็นอย่างมาก เนื่องจากปลูกได้ดีในสภาพอากาศเขตร้อน มีลักษณะใบเป็นรูปไข่ เรียงสลับระนาบเดียวกัน แผ่นใบด้านบนมีสีเขียวเข้ม มีความมันวาว เห็นเส้นใบชัดเจน มาพร้อมกับก้านใบเรียวยาวสวยงาม มีสีเขียวอ่อน-เหลือง สูงได้ถึง 2-5 เมตร โดยทั่วไปแล้วมักถูกปลูกใกล้บ่อน้ำหรือบริเวณที่มีความชื้น เนื่องจากคล้าซิการ์เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก และยังเป็นที่นิยมปลูกประดับตามแนวรั้วเช่นกัน 

05 บัวดอย (Cast-iron plant)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

อีกหนึ่งชนิดไม้ล้มลุกที่น่าสนใจ แม้จะไม่มีสีสันและลวดลายหลากหลายก็ตาม โดยจุดเด่นของบัวดอย คือมีลักษณะใบเดี่ยว รูปรี มีก้านใบยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร แตกเป็นกอสวยงาม เป็นพืชที่ขึ้นชื่อเรื่องความอึด เนื่องจากสามารถทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ทั้งร้อนจัดและเย็นจัด ไม่ต้องดูแลบ่อยมากนัก เพียงรดน้ำเพียงเล็กน้อยประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น บัวดอยเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดรำไร-แสงน้อย มีคุณสมบัติสามารถปล่อยออกซิเจนออกมาได้มาก เนื่องจากมีใบขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงช่วยสร้างความสดชื่นให้กับบรรยากาศภายในบ้านได้ดี  

06 สาวน้อยประแป้ง (Dumb canes)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

เป็นไม้ใบประดับที่คนไทยคงคุ้นเคยกันอย่างดี เพราะเป็นที่นิยมนำมาตกแต่งทั้งภายนอกและภายในอาคารมานาน ด้วยลักษณะใบที่มีขนาดใหญ่ มีลวดลายจุดประสีขาวกระจายทั่วใบ ซึ่งบางสายพันธุ์อาจจะมีจุดสีชมพูปะปนอยู่ด้วย โดยทั่วไปแล้วพืชชนิดนี้เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดรำไร มีความชื้นสูง ในขณะเดียวกันก็ทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยในการฟอกอากาศได้ แต่มีข้อระวังสำคัญคือ ทุกส่วนของใบและลำต้นมีสารแคลเซียมออกซาเลต เมื่อสัมผัสน้ำยางจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยง 

07 ลิ้นมังกร (Snake plant)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

อีกหนึ่งต้นไม้ที่เราพบเห็นกันบ่อย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภายในอาคาร สวนบ้าน หรือสวนสาธารณะ เนื่องจากเป็นพืชที่โตง่าย ชอบแสงแดดปานกลาง-รำไร และทนต่ออากาศร้อนได้ดี จึงเหมาะกับเมืองไทยอย่างมาก โดยลิ้นมังกรจะมีลักษณะใบเรียวยาว ปลายใบแหลม มีหลากหลายสีสันและลวดลายตามสายพันธุ์ เช่น ลิ้นมังกรโกลเด้น, ลิ้นมังกรไหมไทย, ลิ้นมังกรงาช้าง เป็นต้น มากกว่านั้นลิ้นมังกรยังมีคุณสมบัติเด่นอีกอย่างคือ สามารถฟอกอากาศได้ และคายก๊าซออกซิเจนในเวลากลางคืนแทนช่วงกลางวัน จึงเหมาะกับการปลูกในห้องนอนอย่างมาก ทั้งนี้ควรเลือกสายพันธุ์ที่ไม่มีหนาม เพื่อป้องกันอันตรายหรืออุบัติเหตุจากการสัมผัส

08 เศรษฐีเรือนใน (Spider plant)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

พืชล้มลุกใบประดับ สูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร มีลักษณะใบเรียวยาว ปลายใบแหลม มีสีสันสวยงาม โดยด้านนอกริมขอบใบจะเป็นแถบสีเขียว และตรงกลางใบจะมีแถบสีเหลืองอ่อน สามารถปลูกได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ที่มีแสงแดดรำไร โดยทั่วไปแล้วเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตไว้ ทนแล้งได้ดี ไม่ต้องรดน้ำบ่อย สามารถรดน้ำเพียง 1 ครั้งต่ออาทิตย์ หรือรดเมื่อหน้าดินแห้ง หลายคนนิยมปลูกพืชชนิดนี้ในกระถางใบเล็กๆ วางตั้งบนโต๊ะและชั้นวางของ หรือจะปลูกเป็นไม้กระถางแขวนริมหน้าต่างก็ได้เช่นกัน

09 กวักมรกต (ZZ plant)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

เป็นต้นไม้ที่เหมาะกับมือใหม่หัดปลูกหรือคนที่ไม่มีเวลาดูแลอย่างมาก เพราะกวักมรกตเจริญเติบโตง่าย โตไว ทนแล้งได้ดีและไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงมารบกวน จึงไม่ต้องรดน้ำหรือใส่ปุ๋ยบ่อยมากนัก เพียงรดน้ำ 1 ครั้งต่ออาทิตย์และใส่ปุ๋ย 1 ครั้งต่อเดือนก็ถือว่าเพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถฟอกอากาศได้ดี เหมาะกับนำมาประดับบนโต๊ะทำงาน ห้องนอน หรือวางตามมุมห้องต่างๆ ภายในบ้าน แต่อาจไม่เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง เพราะมีสารแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งก่อให้เกิดอาการระคายเคืองเช่นเดียวกับต้นสาวน้อยประแป้ง

10 เสน่ห์จันทร์แดง (King of heart)

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

เนื่องจากเป็นพืชจากเขตร้อนชื้น จึงสามารถเติบโตในไทยได้ดี โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความชื้นสูงและมีแสงแดดรำไร-น้อยมาก เสน่ห์จันทร์แดงมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาก ด้วยลักษณะใบเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่ เส้นใบเห็นเป็นร่องชัดเจน และมีก้านสีแดงเลือดหมู มีคุณสมบัติดูดสารพิษในอากาศได้ โดยเฉพาะสารจำพวกแอมโมเนีย สามารถนำมาประดับตกแต่งได้หลากหลาย ทั้งการนำมาปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในอาคาร และการปลูกลงดินเป็นแนวพุ่มไม้ในสวน

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

นอกจากความสดชื่นและความผ่อนคลายที่ได้รับจากเหล่าต้นไม้นานาชนิดแล้ว การเลือกประตู-หน้าต่างที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนบรรยากาศภายในบ้านให้อยู่สบายยิ่งขึ้น เพราะการมีบานประตู-หน้าต่างที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปิดรับแสงแดดและสายลมธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้าน ทั้งในเรื่องการควบคุมปริมาณแสงที่เหมาะสม, ช่วยระบายอากาศ, ขับไล่ความอับชื้นและความร้อนสะสมออกไป และคืนความปลอดโปร่ง โล่งสบายให้กับตัวบ้าน ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังทำให้ต้นไม้ภายในบ้านเจริญเติบโตได้สวยงามเช่นกัน

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

บานกรอบประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่ตอบโจทย์เรื่องการควบคุมแสงและอากาศภายในบ้านได้ดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จาก TOSTEM ที่ได้คัดสรรอะลูมิเนียมบริสุทธิ์ นำมาผลิตเป็นประตู-หน้าต่างคุณภาพสูง ตามมาตรฐาน JIS จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งโดดเด่นด้วยคุณสมบัติความแข็งแกร่ง ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ช่วยป้องกันอันตรายและสิ่งรบกวนจากรอบบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพายุฝน, ลมกระโชกแรง, แสงแดดจัดจ้า, ฝุ่นและมลภาวะทางอากาศ, เสียงรบกวนจากรอบข้าง หรือสัตว์แมลงต่างๆ เพื่อให้เราสามารถดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ธรรมชาติได้ทุกช่วงเวลา ไม่มีหวั่นแม้วันอากาศไม่เป็นใจ

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

ที่สำคัญแบรนด์ TOSTEM ยังมีซีรีส์ผลิตภัณฑ์หลากหลายดีไซน์ให้เลือกสรรตามความชอบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้ครบถ้วน  

GRANTS SERIES ประตู-หน้าต่างซีรีส์เรือธงของ TOSTEM ที่เน้นดีไซน์พื้นที่กระจกกว้าง เพื่อเปิดรับวิวทิวทัศน์อย่างเต็มที่ มาพร้อมระบบป้องกันน้ำรั่วซึมภายในวงกบถึง 2 ชั้น
ดูรายละเอียดสินค้าได้ที่ https://bit.ly/43W10JC 

ATIS SERIES สร้างการเชื่อมต่อให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ด้วยประตู-หน้าต่างดีไซน์เรียบหรู ซ่อนเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไว้ภายในบานกรอบ
ดูรายละเอียดสินค้าได้ที่ https://bit.ly/3rjY0Jk 

WE SERIES ประตู-หน้าต่างที่ใช้งานง่าย เข้าได้กับอาคารทุกรูปแบบ และสามารถติดตั้งช่องระบายอากาศพิเศษ AIRFLOW SLOT ได้ในรุ่น WE PLUS และ WE 70
ดูรายละเอียดสินค้า WE 70 ได้ที่ https://bit.ly/3pVBupH
ดูรายละเอียดสินค้าWE PLUS ได้ที่ https://bit.ly/3QvL3a0  

10 ต้นไม้ใบสวย ดูแลง่าย ไม่ง้อแดด

ผลิตภัณฑ์ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ถูกออกแบบเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด เป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัยและธรรมชาติทั้งภายในและภายนอกอาคาร พร้อมมอบบรรยากาศสดชื่น ผ่อนคลาย ช่วยเสริมพลังงานบวกในทุกๆ วัน


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

นอกจากสีสัน ความเงางาม และความเรียบเนียนของผิวอะลูมิเนียมแล้ว หากใครสังเกตผลิตภัณฑ์จาก TOSTEM จะพบว่าอีกจุดเด่นของประตู-หน้าต่างของ TOSTEM คือการมีดีไซน์บานกรอบ แข็งแรง ให้ความรู้สึกมั่นคงยาวนาน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความตั้งใจในการออกแบบของแบรนด์ ที่ผ่านการคิดค้นและทดสอบมาอย่างดีแล้วว่า เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม โดยยึดหลักการออกแบบเพื่อยกระดับคุณภาพที่อยู่อาศัยที่ทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของบ้านสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆและรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับทุกคน ซึ่งประกอบด้วยทั้งหมด 5 แนวคิดดังนี้    

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

01 High Duration แข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ

ด้วยวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันโหดร้ายตลอดปี ทั้งร้อนจัด หนาวจัด หรือพายุหนัก ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์จาก TOSTEM จึงถูกออกแบบให้ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้อย่างแข็งแกร่ง ยาวนาน โดยสามารถรับมือกับแรงลมในระดับรุนแรงเทียบเท่ากับพายุโซนร้อนได้อย่างอยู่หมัด ด้วยค่าความต้านทานแรงลม (Wind loading Resistance) ตั้งแต่ 500-2000 Pascal ซึ่งตอบโจทย์กับบ้านและอาคารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านตากอากาศบนเขา, รีสอร์ทริมทะเล หรืออาคารสูงใจกลางเมือง

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

มากกว่านั้นบานกรอบอะลูมิเนียมยังตอบโจทย์สำหรับเมืองไทย ที่มีลมมรสุมประกอบกับฝนตกชุกได้อย่างดี ด้วยดีไซน์บานกรอบโปร์ไฟล์ล่าง ที่ซ่อนระบบป้องกันน้ำฝนไว้ภายในบานกรอบ มาพร้อมกับวาล์วระบายน้ำพิเศษ และซีลป้องกันน้ำตามรอยต่อบานกรอบ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลรั่วซึมเข้ามาภายในบ้าน โดยทั้งหมดนี้ล้วนผ่านการทดสอบการจำลองเหตุการณ์พายุฝนอย่างเข้มงวด เพื่อการันตีถึงประสิทธิภาพการต้านทานน้ำฝนที่เกิดจากแรงดันลม (Water Tightness) ตามมาตรฐาน JIS (Japanese Industrial Standard) ของญี่ปุ่น

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

02 Airflow System เพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศจากเทคโนโลยีเฉพาะ

สุขภาพที่ดีสามารถเริ่มต้นสร้างได้ภายในบ้าน เพราะการไหลเวียนของอากาศที่ดีมีส่วนช่วยทำให้บ้านเย็นสบาย สามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างสบายตัว ซึ่ง TOSTEM ก็ได้มีการคิดค้นนวัตกรรม TOSTEM Airflow System ที่จะช่วยถ่ายเทอากาศโดยไม่ใช้พลังงาน ปรับคุณภาพของอากาศภายในบ้านที่ดีขึ้น ปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์และแหล่งสะสมของเชื้อรา ดังนั้นจึงทำให้ประตู-บานกรอบมีความหนาเพื่อรองรับฟังก์ชันเสริมเหล่านี้

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

นวัตกรรม TOSTEM Airflow System ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 3 รุ่น ได้แก่

  • GIESTA ประตูเหล็กลายไม้ ที่มีดีไซน์ช่องหน้าต่างสำหรับระบายอากาศในตัว สามารถปิด-เปิดกระจกด้านในเพื่อควบคุมการระบายอากาศ,
  • Airflow Door ประตูระบายอากาศ ที่สามารถสไลด์กระจกบานเลื่อนด้านในได้หลายระดับ โดยไม่ต้องเปิดประตูออกไป ช่วยระบายอากาศได้ตลอดทั้งวันแม้ในเวลาที่ไม่อยู่บ้าน
  •  Airflow Slot ช่องระบายอากาศพิเศษ ที่ช่วยลดอุณหภูมิระหว่างวัน สามารถติดตั้งเข้าชุดกับหน้าต่างทุกดีไซน์ในรุ่น WE PLUS และ WE 70

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM


5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

03 Safety เสริมความปลอดภัย ลดอันตรายจากภายนอกบ้าน

อีกข้อดีของการมีบานกรอบหนาก็คือ เรื่องความปลอดภัย เพราะอุบัติเหตุและภัยอันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับประตู-หน้าต่างที่เราใช้งานในทุกวัน ดังนั้น TOSTEM จึงมีการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งานคลอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันอุบัติเหตุรุนแรงจากประตู-หน้าต่างหนีบ ด้วยซีลยางหนา 35-55 มิลลิเมตรรอบตัววงกบในผลิตภัณฑ์ TOSTEM ทุกรุ่น และฟังก์ชันตัวหยุดนิรภัย (Save Stopper) สำหรับหน้าต่างบานยก Tilt & Slide ในรุ่น ATIS

สำหรับปัญหาฝุ่นควัน, มลภาวะทางอากาศ, ยุงและแมลง ก็สามารถป้องกันได้ด้วยมุ้งลวดจีบภายในวงกบ ที่ใช้งานง่าย เข้ากันกับดีไซน์ประตู-หน้าต่างได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะเทคโนโลยีมุ้งกันแมลงล่องหน (Smart Insect Screen) ในซีรีส์หน้าต่างรุ่น ATIS ที่มีเส้นตาข่ายเล็กกว่าขนาดเส้นไนลอนในมุ้งทั่วไปถึง 40% ทำให้มองเห็นวิวข้างนอกชัดเจนยิ่งขึ้น ป้องกันยุงและแมลงได้ดีขึ้น ทั้งยังให้ลมสามารถลอดผ่านได้มากกว่ามุ้งลวดแบบทั่วไป

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

04 Comfortable สร้างสภาวะอยู่สบาย ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต

นอกจากสภาวะน่าสบายจะเกิดจากอุณหภูมิและความชื้นในอากาศแล้ว ยังสามารถเกิดจากการได้ยินเสียงเช่นกัน ซึ่งหากมีเสียงรบกวนจากรอบข้างเป็นประจำ อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจและความอยู่สบายของผู้อยู่อาศัยในระยะยาวได้ ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผลิตภัณฑ์จาก TOSTEM มีซีลยางรอบวงกบและบานกรอบประตู-หน้าต่างที่แน่นหนา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการอยู่อาศัย โดยมีการการันตีประสิทธิภาพการป้องกันเสียง ผ่านการทดสอบปล่อยเสียงที่ความดัง 100 เดซิเบล และพบว่าประตู-หน้าต่าง TOSTEM สามารถลดความดังของเสียงได้ถึง 25 เดซิเบล

อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น คือ หลักการออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบผลิตภัณฑ์จาก TOSTEM อย่างมือจับ L-FIT แบบมือจับและแบบก้านโยก ที่มีดีไซน์เหมาะสมกับการใช้งาน มาพร้อมอุปกรณ์เสริมลิมิตอาร์ม ช่วยบังคับทิศทางองศาการเปิด-ปิดหน้าต่าง, ฝาครอบรางแบบเรียบ อุปกรณ์เสริมสำหรับรางบานเลื่อน ที่ช่วยให้เดินผ่านได้อย่างไม่มีสะดุด เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงวัย และผู้ใช้รถเข็น, บานพับและโช้คคุณภาพสูง ที่ช่วยลดการออกแรงเปิด-ปิดบานประตู


5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM

05 Energy Saving ประหยัดการใช้พลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แม้ภาวะโลกรวน จะส่งผลให้บ้านและอาคารมีการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีวิธีควบคุมให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักจนเกินไปเช่นกัน ด้วยคุณสมบัติการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) จากผลิตภัณฑ์ TOSTEM จะทำให้สามารถรักษาสมดุลของอุณหภูมิภายในที่อยู่อาศัย ช่วยลดการแผ่รังสียูวีและความร้อนจากแสงแดด รวมถึงช่วยลดการรั่วไหลของความเย็นจากเครื่องปรับอากาศออกสู่ข้างห้อง นอกจากนี้บานกรอบอะลูมิเนียม TOSTEM ยังผลิตจากอะลูมิเนียมคุณภาพสูง จึงทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานยาวนาน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ  ซึ่งช่วยลดการเกิดขยะที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

+ Universal Design ออกแบบเพื่อทุกคน

ดีไซน์บานกรอบอะลูมิเนียม TOSTEM ผ่านการคิดทุกรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ทั้งในแง่ความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อรังสรรค์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย และสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยาวนาน หากใครสนใจประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ทุกรุ่นสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

5 แนวคิดที่นำมาสู่ดีไซน์สุดโดดเด่นของประตูหน้าต่าง TOSTEM


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

6 กระบวนการผลิต ก่อนมาเป็นประตูและหน้าต่างทอสเท็ม

ความปลอดภัยและความอยู่สบาย คือสิ่งที่อยู่คู่กับบ้านเสมอ องค์ประกอบในบ้านทุกส่วนจึงต้องมีคุณภาพสูงเพียงพอ ที่จะสร้างความมั่นใจให้เราได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เช่นเดียวกับที่ TOSTEM เองก็ใส่ใจและให้ความสำคัญในทุกกระบวนการผลิตอะลูมิเนียม เพื่อมอบประตู-หน้าต่างคุณภาพพรีเมียมให้กับบ้านทุกหลัง ตามมาตรฐาน JIS (Japanese Industrial Standards) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตจากญี่ปุ่นที่มีความเข้มงวดสูง จนได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก ควบคู่กับมาตรฐาน ASTM (American Society for Testing and Materials) วันนี้เราจะมาแนะนำ 6 กระบวนการผลิต ก่อนจะมาเป็นประตูและหน้าต่าง TOSTEM ที่ส่งตรงถึงบ้านของทุกคนกัน

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

01 Casting Section การหล่อบิลเล็ตอะลูมิเนียม

ขั้นตอนแรกเริ่มจากการคัดสรรอะลูมิเนียมบริสุทธิ์ที่ได้มาตรฐาน TOSTEM นำมาเป็นสารตั้งต้นในการผลิต เติมด้วยส่วนผสมสำคัญชนิดอื่น เช่น แมกนีเซียม, ซิลิคอน และโลหะต่างๆ แล้วหลอมรวมกันออกมาเป็นน้ำอะลูมิเนียมอัลลอยที่มีคุณภาพสูงตามค่ามาตรฐานที่ต้องการ หลังจากนั้นนำน้ำอะลูมิเนียมอัลลอยที่ได้มาหล่อขึ้นรูปเป็นแท่งทรงกระบอก หรือเรียกว่าบิลเล็ต (Billet) ซึ่งโรงงาน TOSTEM มีแท่นหล่อแท่งบิลเล็ตทั้งหมด 6 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพื่อความเหมาะสมกับเครื่องจักรและผลิตภัณฑ์แต่ละแบบ ได้แก่ขนาด 5 นิ้ว,  6 นิ้ว, 7 นิ้ว, 8.5 นิ้ว, 10 นิ้ว, และ 12 นิ้ว หลังจากการหล่อขึ้นรูปเสร็จแล้ว บิลเล็ตจะถูกนำไปอบด้วยความร้อนสูงเพื่อรักษารูปทรง และนำไปจัดเก็บเพื่อรอการแรรูปในขั้นตอนต่อไป

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

02 Extrusion Section การรีดขึ้นรูปอะลูมิเนียมเส้น

หลังจากที่ผ่านกระบวนการแรกเรียบร้อยแล้ว แท่งบิลเล็ตจะถูกนำเข้าอบความร้อน และตัดสั้นตามปริมาณการใช้แต่ละครั้งเพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการรีดขึ้นรูปผ่านแม่พิมพ์ จากนั้นแท่งบิลเล็ตร้อนจะถูกวางบนราง เลื่อนเข้าสู่การบีบอัดผ่านแม่พิมพ์ที่ผ่านการอบความร้อนรูปทรงต่างๆ ให้เป็นอะลูมิเนียมเส้น พักไว้ให้เย็นลง และดึงเส้นให้ตึงด้วยเครื่องจักร หลังจากนั้นนำอะลูมิเนียมเส้น มาตัดตามความยาวที่ต้องการ และนำไปอบความร้อนอีกครั้งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอะลูมิเนียม และนำไปจัดเก็บรอสำหรับขั้นตอนถัดไป สำหรับเศษอะลูมิเนียมที่เหลือจากถูกตัดจะถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการหลอมรวมใหม่อีกครั้ง เพื่อลดการเกิดเศษขยะจากกระบวนการผลิต

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

03 Surfacing Treatment Section การชุบสีและเคลือบผิวอะลูมิเนียม

หนึ่งในนวัตกรรมจดสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์ TOSTEM คือ กระบวนการชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า หรือ การอะโนไดซ์ (Anodize) พร้อมชั้นเคลือบพิเศษ TEXGUARD ซึ่งมีข้อดีคือทำให้สีอะลูมิเนียมดูสวยงามอย่างมีมิติ ผิวสัมผัสเรียบเนียน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศและมลภาวะ ไม่ซีดจางและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

โดยขั้นตอนแรกจะเริ่มจากการเตรียมผิวอะลูมิเนียมให้พร้อมด้วยสารละลายเคมี และเข้าสู่ขั้นตอนการชุบสีอะโนไดซ์ด้วยปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีทำให้ผิวอะลูมิเนียมเกิดเป็นรูพรุนขนาดเล็ก และทำปฎิกิริยาให้เกิดการติดสีในรูพรุน จากนั้นทำการเคลือบผิวอะลูมิเนียมอีกชั้นด้วยชั้นฟิล์ม TEXGUARD แล้วนำเข้าอบความร้อนเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อทำให้สีมีความทนทานยิ่งขึ้นพร้อมสำหรับการใช้งานจริง

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

04 Fabrication Section การตัดเจาะและประกอบเป็นชิ้นส่วนประตู-หน้าต่าง

เส้นอะลูมิเนียมที่ชุบสีเรียบร้อยแล้วแต่ละแบบจะถูกนำมาตัดตามขนาดตามคำสั่งผลิต เจาะและประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ตัวล็อก มือจับ ลูกล้อ บานพับ อย่างครบถ้วนเป็นประตู-หน้าต่างตามมาตรฐานของแต่ละดีไซน์ จากนั้นสินค้าจะถูกตรวจสอบเพื่อยืนยันคุณภาพ นำบรรจุหีบห่อและจัดส่งไปติดตั้งที่หน้างานของลูกค้าต่อไป

ปัจจุบันสินค้าประเภทประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมของ TOSTEM มีทั้งหมด 4 ซีรีส์ ได้แก่ GRANTS, ATIS, WE และ INTERIOR พร้อมด้วยซีรี่ส์ประตูเหล็กลายไม้ GIESTA และ ซีรี่ส์ประตูรั้ว ALUMINUN FENCE & GATE ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าแต่ละดีไซน์ตามขนาดความกว้างและความสูงที่ต้องการได้ตามรายละเอียดในแค็ตตาล็อก หรือสั่งขนาดใหญ่พิเศษอย่างซีรี่ส์ GRANTS ที่รองรับขนาดความสูงได้ถึง 4.5 เมตรเลยทีเดียว

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

05 Testing Section การทดสอบคุณภาพ

เพราะคุณภาพและการรักษามาตรฐานเป็นหัวใจสำคัญของ TOSTEM เราจึงทำการทดสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นอย่างละเอียดและเข้มงวดตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อย่าง JIS (Japanese Industrial Standard) และ ASTM (American Society for Testing and Materials) ก่อนที่จะเริ่มเปิดสายการผลิตเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าได้

ศูนย์ทดสอบของ TOSTEM ดำเนินการทดสอบคุณภาพและประสิทธิภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่การทดสอบการป้องกันน้ำฝนรั่วซึม, ทดสอบการต้านทานแรงลม, ทดสอบการป้องกันอากาศรั่วไหล, ทดสอบการป้องกันเสียง, ทดสอบความทนทานต่อสภาพอากาศทั้งความร้อน แสงแดด และรังสียูวี, ทดสอบความทนทานต่อการกัดกร่อนจากกรดและด่าง, ทดสอบความทนทานต่อการเปิด-ปิด ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าได้เกิดความมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ TOSTEM ด้วยความสะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

06 Delivery and Installation by Dealer จัดส่งและติดตั้งโดยตัวแทนจำหน่าย

การจัดส่งผลิตภัณฑ์และการติดตั้งทั่วประเทศไทยดำเนินการโดยตัวแทนจำหน่ายของ TOSTEM ที่ได้รับการฝึกอบรมตามมาตรฐานจาก TOSTEM มีความเป็นมืออาชีพ พร้อมให้การแนะนำและคำปรึกษาแก่ลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับบ้านและอาคารของลูกค้า, การเตรียมช่องเปิดสำหรับติดตั้งประตู-หน้าต่างและวัดขนาดเพื่อสั่งผลิต, การประกอบกระจกและติดตั้ง, การตรวจคุณภาพประตู-หน้าต่างและงานติดตั้งก่อนส่งมอบงาน ไปจนถึงงานบริการหลังการขาย

ประตูหน้าต่างทอสเท็ม ผลิตด้วยกระบวนการ 6 ขั้นตอน มาตรฐานญี่ปุ่น มั่นใจคุณภาพ ทนทานทุกสภาพอากาศ

รู้หรือไม่ ? TOSTEM มีระบบ Pre-Engineered ด้วยนะ !

บางครั้งข้อจำกัดของไซต์ก่อสร้างก็เป็นโจทย์อันน่าท้าทายสำหรับงานประตูหน้าต่าง ไม่ว่าจะด้วยระยะเวลาในการทำงานที่ถูกจำกัดด้วยลำดับการส่งมอบงานของแต่ละวัสดุและสภาพฝนฟ้าอากาศ หรือ พื้นที่ในการทำงานและจำนวนช่างฝีมือที่จำกัด ด้วยเหตุนี้ TOSTEM จึงมีระบบ Pre-Engineered เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าอีกหนึ่งรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อประตู-หน้าต่างตามแบบ สี ขนาด และจำนวนที่ต้องการ จากนั้นทาง TOSTEM จะผลิตประตู-หน้าต่างเสร็จทั้งหมดภายในโรงงาน ตรวจสอบคุณภาพและแพคลงกล่องหรือห่อวัสดุป้องกันอย่างเป็นระเบียบ เพื่อปกป้องสินค้าให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สะดวกต่อการขนส่งเคลื่อนย้ายและการจัดวางที่หน้างาน ช่วยให้การทำงานที่หน้างานเป็นไปอย่างรวดเร็วและตัวแทนจำหน่ายสามารถติดตั้งได้อย่างถูกต้องแม่นยำโดยยังคงรักษามาตรฐานและคุณภาพอันดีเยี่ยมของ TOSTEM อย่างสม่ำเสมอให้กับประตู-หน้าต่างทุกบาน

ทั้งหมดนี้เป็น 6 กระบวนการผลิตของ TOSTEM ที่มีการควบคุมการผลิตด้วยระบบ Quality Assurance (การประกันคุุณภาพ) และ Quality Control (การควบคุมคุณภาพ) ทุกกระบวนการ และรักษามาตรฐานเดียวกันกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น เพื่อสร้างความมั่นใจในแบรนด์ TOSTEM ให้กับลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและอยู่สบาย ท่ามกลางสภาพอากาศแดดจัด ฝนตกชุกตลอดทั้งปี


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

ทิศทางและการออกแบบ

ทิศทางและการออกแบบ

ถ้าคุณกำลังจะสร้างหรือต่อเติมบ้านอย่าลืมเรื่องทิศ! เพราะทิศและการออกแบบบ้านคือศาสตร์ที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด เราจำเป็นต้องรู้ทิศเพื่อจะได้ออกแบบการไหลถ่ายเทของลมเข้าตัวบ้าน การสาดส่องของแดด หรือเป็นกันสาดเวลาฝนตก การวางผังบ้านให้เหมาะกับทิศของอากาศจึงสำคัญต่อการพักอาศัยในบ้าน

5 Design บ้านที่ใช้ประตูหน้าต่างสี Natural Black_1

ทิศของสภาพอากาศที่เราต้องคำนึงถึง ได้แก่

  • ทิศแดด
  • ทิศลมและทิศฝน

ทิศทางและการออกแบบ

ทิศแดด

  • ช่วงเดือน กันยายน – เมษายน ดวงอาทิตย์จะโคจรไปอยู่บริเวณทางทิศใต้
  • ช่วงเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม ดวงอาทิตย์จะโคจรไปบริเวณทิศเหนือ ทำให้ทิศใต้เป็นทิศที่รับแดดมากที่สุด อยู่ที่ประมาณแปดเดือน แต่ทิศที่ร้อนที่สุดคือทิศตะวันตก เพราะรับแสงแดดโดยตรงในช่วงบ่าย

ห้องนอนควรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เพื่อรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า ส่วนห้องรับแขกและห้องทำงานจึงควรตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับแสงแดดในช่วงเช้า ตกบ่ายแสงแดดก็ไม่สาดเข้ามา

ทิศทางและการออกแบบ

ทิศลมและทิศฝน

ทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเป็นทิศที่มีฝนสาดเข้าบ้านมากที่สุด เพราะเป็นฤดูฝน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

  • ช่วงกลางเดือนตุลาคม-กลางเดือนกุมภาพันธ์ มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดพาอากาศหนาวมา
  • ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงลมเปลี่ยนทิศจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
  • ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดพาฝนและความชื้นมา

พื้นที่ทางเข้าหน้าบ้านควรอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยให้ลมพัดผ่านเข้าบ้านเป็นลมเย็น ส่วนห้องรับประทานอาหารและห้องครัวควรตั้งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรับลมจากทิศใต้สำหรับการระบายอากาศ

สรุป

การวางผังบ้านให้เหมาะกับทิศของสภาพอากาศจึงสำคัญต่อการพักอาศัยในบ้าน โดยตำแหน่งของห้องต่างๆ ภายในบ้านที่เหมาะสมกับทิศของสภาพอากาศ มีดังนี้

  • ห้องนอน ควรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เพื่อรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า
  • ห้องรับแขกและห้องทำงาน จึงควรตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับแสงแดดในช่วงเช้า ตกบ่ายแสงแดดก็ไม่สาดเข้ามา
  • พื้นที่ทางเข้าหน้าบ้าน ควรอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยให้ลมพัดผ่านเข้าบ้านเป็นลมเย็น
  • ห้องรับประทานอาหารและห้องครัว ควรตั้งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรับลมจากทิศใต้สำหรับการระบายอากาศ

บ้านที่ใช้ประตู+หน้าต่าง+ทอสเท็ม+TOSTEM

ขอบคุณข้อมูลจาก www.baanlaesuan.com


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

เมื่อกล่าวถึงเอกลักษณ์ของบ้านโมเดิร์นในปัจจุบัน นอกจากหน้าตาอาคารที่เน้นความเรียบหรู มินิมอลแล้ว โถง Double Volume Space ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของพื้นที่ภายใน ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม หรืออาคารสูงอื่นๆ วันนี้เราขอพาทุกคนมาไขข้อสงสัยกันว่า โถงนี้มีข้อดีอย่างไร… ทำไมจึงเป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่กัน?

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

01 เพิ่มถ่ายเทอากาศอย่างปลอดโปร่ง

หากเราสังเกตเรือนไทยในสมัยก่อน จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วโครงสร้างของเรือนไทย มักทำเป็นหลังคาจั่วสูงและไม่ปิดฝ้า ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากหลักการถ่ายเทอากาศ เพราะโดยทั่วไปแล้วความร้อนจะลอยตัวขึ้นด้านบน แต่ความเย็นจะลอยตัวต่ำอยู่ด้านล่าง ดังนั้นจึงต้องมีพื้นที่ว่างใต้หลังคาให้ความร้อนลอยตัวขึ้น และระบายออกตามช่องว่างของหลังคาได้อย่างสะดวก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป บ้านส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาปิดฝ้าเพดานมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์กับรูปลักษณ์ และความสวยงามของสไตล์โมเดิร์น รวมถึงสามารถซ่อนงานระบบต่างๆ ได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ส่งผลทำให้มีการสะสมความร้อนภายในตัวบ้านมากขึ้นตาม

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

การออกแบบ Double Volume Space จึงเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้อากาศถ่ายเทได้อย่างปลอดโปร่ง ด้วยความสูงของผนังจากพื้นถึงฝ้าที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว (ประมาณ 4-5 เมตร) จึงทำให้มีพื้นที่ให้ความร้อนได้ลอยตัวสูงขึ้น และหากต้องการหมุนเวียนอากาศให้ถ่ายเทอย่างต่อเนื่อง ควรมีการออกแบบช่องหน้าต่างหลายด้าน ทั้งส่วนด้านล่างและด้านบนของผนัง Double Volume Space เพื่อให้ความร้อนที่ลอยตัวสูง ได้ระบายออกไปข้างนอก พร้อมกับเปิดรับลมเย็นเข้ามาแทน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

02 สร้างความโปร่งโล่งภายในพื้นที่จำกัด

หลายคนมักเข้าใจว่าบ้านที่โปร่งโล่ง จะต้องมีขนาดกว้างขวาง แต่ในความจริงแล้วอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะความสูงของฝ้าเพดาน ประกอบกับการได้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างความโปร่งโล่งได้ แม้มีขนาดพื้นที่จำกัด  ดังนั้นเราจึงเห็นว่าพื้นที่ Double Volume Space มักมาพร้อมกับการติดตั้งหน้าต่างบานกระจกต่อกันทั้งผนัง โดยอาจจะติดตั้งบานที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ ทั้งชุดด้านบนและด้านล่าง หรือจะติดตั้งหน้าต่างชุดด้านบนเป็นบานปิดตาย เพื่อทำหน้าที่เป็นช่องแสงก็ได้

นอกจากแสงธรรมชาติจะช่วยสร้างบรรยากาศโปร่ง โล่ง สบายแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานการเปิดไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย แต่สำหรับใครที่กังวลว่าความร้อนจากแสงแดด จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก ก็สามารถเลือกใช้ชนิดกระจกที่ช่วยปกป้องความร้อน และเลือกใช้บานกรอบหน้าต่างคุณภาพสูง ที่มีตัวล็อกแน่นหนา ทำให้สามารถปิดหน้าต่างได้สนิท และป้องกันอากาศรั่วไหลได้ดี เพียงเท่านี้ก็จะสามารถประหยัดการใช้พลังงาน จากไฟส่องสว่างและเครื่องปรับอากาศได้พร้อมๆ กัน

03 ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้าน

ด้วยลักษณะของโถงที่มีความโอ่อ่า หรูหราในตัว ทำให้ Double Volume Space ถูกนำมาใช้กับพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร หรือโถงต้อนรับ ที่เป็นเหมือนพระเอกของบ้าน และมีการเสริมองค์ประกอบที่ทำให้บ้านมีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้านยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า (Chandelier) หลากหลายรูปแบบ, การกรุผนังด้วยวัสดุพิเศษ หรือบานกรอบประตู-หน้าต่าง ที่มีสีสันและลวดลายผิวสัมผัสของวัสดุสวยงาม เข้ากับสไตล์ของบ้าน ซึ่งเราสามารถเลือกสีบานกรอบ ที่มีโทนสว่าง กลมกลืนไปกับสีของผนัง เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูเบา สบาย หรือจะเลือกสีโทนเข้ม ตัดกับผนัง เพื่อเน้นดีไซน์ของหน้าต่าง รวมถึงเสริมหน้าตาภายนอกของบ้านให้ดูโดดเด่นขึ้นก็ได้

04 เชื่อมต่อความรู้สึกคนในบ้านผ่านการมองเห็น

นอกจากการจัดแปลนแบบ Open Space ที่เชื่อมต่อพื้นที่ฟังก์ชันในแนวนอนแล้ว ยังมี Double Volume Space ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อในแนวตั้งอีกเช่นกัน ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้คนในบ้านรู้สึกเชื่อมต่อกันได้ แม้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเราสามารถออกแบบพื้นที่ชั้นบนให้เป็นระเบียงทางเดิน หรือพื้นที่นั่งเล่น ที่เปิดโล่ง เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการมองเห็น การใช้งาน และการไหลเวียนอากาศ หรือจะออกแบบให้เป็นห้องนอน หรือห้องทำงาน ที่ถูกกั้นด้วยบานหน้าต่างกระจก เพื่อรักษาความส่วนตัว แต่ยังสามารถมองเห็นโถงด้านล่างได้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลในเรื่อง การเชื่อมต่อความรู้สึกแล้ว ยังทำให้คนในบ้านสามารถมองเห็นได้ เมื่อมีแขกมาเยือน หรือหากมีผู้บุกรุกเข้ามาในบ้าน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

05 เปิดมุมมองทิวทัศน์ธรรมชาติรอบบ้านให้กว้างขึ้น

โถง Double Volume Space ไม่แค่เพียงการเชื่อมต่อการมองเห็นภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยเปิดมุมมองทิวทัศน์ให้กว้างขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพสวนของเรา บริบทรอบข้างบ้าน และท้องฟ้าสดใสได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการที่มีทัศนียภาพที่ดี จะส่งผลทำให้บรรยากาศบ้านของเราดูมีชีวิตชีวา ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นการเสริมให้บ้านดูหรูหราได้อีกทางหนึ่ง อย่างบ้านหรืออาคารในเมือง ที่มีทัศนียภาพพาโนรามาของตึกรอบๆ

เมื่อเปิดรับธรรมชาติแล้ว ในขณะเดียวกันก็ควรมีการป้องกันจากความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเช่นกัน โดยเฉพาะวันที่ฝนตก ฟ้าร้อง หรือพายุเข้า ดังนั้นบานประตู-หน้าต่างจึงต้องมีกลไกที่ช่วยรับมือได้ทุกสภาพอากาศ อย่างผลิตภัณฑ์ของ TOSTEM ที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถต้านแรงลมได้สูงถึง 2,000 Pascal ตอบโจทย์ทั้งบ้านและอาคารสูง มาพร้อมกับกลไกป้องกันน้ำฝนในโปรไฟล์กรอบล่างหลายชั้น และมีวาล์วระบายน้ำ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำที่เอ่อล้นไหลย้อนกลับเข้ามาภายในบ้าน

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่

ที่สำคัญบานประตู-หน้าต่างของ TOSTEM ยังสามารถสั่งทำขนาดพิเศษ ที่มีความสูงถึง 3 เมตร ต่างจากปกติที่สูงเพียง 2 เมตรเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์กับดีไซน์ Double Volume Space ของบ้านและอาคารสูง โดยยังคงประสิทธิภาพความทนทานในทุกๆ ด้าน ตามมาตรฐาน JIS หรือ Japanese Industrial Standards ควบคู่กับมาตรฐาน ASTM จากสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมระดับโลก และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี

5 เหตุผลที่ทำให้ Double Volume Space เป็นที่นิยมในบ้านยุคใหม่


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

อย่างที่รู้กันว่าอากาศร้อนกับเมืองไทยเป็นของคู่กันเสมอ แต่ด้วยเทรนด์อาคารโมเดิร์นในปัจจุบัน ที่มักใช้ประตู-หน้าต่างกระจกเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้ยากต่อการหลีกเลี่ยงความร้อน ที่จะเข้ามาสะสมในตัวบ้าน ซึ่งการเลือกชนิดกระจกที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดความร้อนจากแสงแดดได้ วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกระจก 4 ประเภท เพื่อให้คุณสามารถเลือกกระจก ที่จะช่วยตอบโจทย์ในการป้องกันความร้อนได้อย่างดีที่สุด    

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกโฟลต (Float Glass)

กระจกโฟลต เป็นกระจกที่คล้ายกับกระจกแผ่นทั่วไป แต่มีฟองอากาศน้อยกว่า ทำให้ผิวเรียบสนิททั้งสองด้าน มีความโปร่งแสงสูง ทำให้ความร้อนผ่านได้ง่าย สามารถมองทะลุผ่านได้อย่างชัดเจน และแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กระจกใส และกระจกสี ซึ่งกระจกสีมีคุณสมบัติช่วยลดทอนแสงแดดได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติดูดความร้อนมากกว่ากระจกใส ทำให้ความร้อนยังสามารถแผ่เข้าสู่ตัวอาคารได้ง่ายเช่นเดิม

แม้กระจกโฟลตจะมีความแข็งแรงเพียงพอ สำหรับการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร แต่ควรหลีกเลี่ยงใช้ในทิศที่หันเข้าหาแดดจัด หรือได้รับความร้อนทั้งวัน นอกจากนี้ยังควรเพิ่มเกราะป้องกันความร้อนเสริมอีกชั้น ด้วยระแนง หรือ Double Skin Façade เพื่อช่วยกรองแสงให้กับพื้นที่ภายในอาคาร และเป็นการรักษากระจกให้มีอายุการใช้งานยาวนาน

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกนิรภัย (Laminated Glass)

กระจกนิรภัย หรือกระจกลามิเนต เป็นการนำกระจกธรรมดาหรือกระจกเทมเปอร์ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไป มาประกบกัน และคั่นตรงกลางด้วยแผ่นฟิล์ม PVB (Poly Vinyl Butyral) หรือ EVA (Ethylene Vinyl Acetate) ซึ่งแผ่นฟิล์มจะทำหน้าที่ยึดเศษกระจก ไม่ให้ร่วงหล่นจากกรอบบานเมื่อแตก ทำให้กระจกลามิเนตทนทานต่อแรงกระแทกและแรงดันสูง มีความปลอดภัยมากกว่าชนิดอื่นๆ ช่วยป้องกันเสียงรบกวนและเก็บเสียงได้ดี

ที่สำคัญยังช่วยป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้มากถึง 90% จึงเหมาะกับการใช้ในทุกๆ ส่วนของบ้าน สามารถออกแบบให้เป็นทั้งประตู-หน้าต่าง, พื้นทางเดิน, บันได, ราวกันตก , Skylight และ Facade แต่กระจกลามิเนตยังมีข้อจำกัดในเรื่องของแผ่นฟิล์ม เพราะหากอยู่ในสภาวะที่มีความชื้นสูง แผ่นฟิล์มจะดูดความชื้น และส่งผลให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะของกระจกเสื่อมลง

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจกฉนวนกันความร้อน (Insulated Glass)

กระจกฉนวนกันความร้อน หรือกระจกอินซูเลท เป็นกระจกที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความร้อนเป็นพิเศษ เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาคารสูง ที่นิยมติดกระจกรอบอาคาร และมีโอกาสรับแสงแดดมากกว่าบ้านหรืออาคารขนาดเล็ก

มีวิธีการทำโดยนำกระจกชนิดใดก็ได้ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกัน คล้ายหลักการทำกระจกลามิเนต แต่จะเว้นช่องตรงกลางสำหรับติดตั้งเฟรมอะลูมิเนียม และถูกบรรจุด้วยอากาศแห้งหรือก๊าซเฉื่อย เพื่อทำหน้าที่ป้องกันแสงแดดและลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร รวมถึงยังช่วยสะท้อนแสงแดดออกไปได้มากกว่า 95%-98% ทำให้สามารถลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ รักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้คงที่ และลดการใช้ไฟส่องสว่างในช่วงเวลากลางวัน เป็นทางเลือกการประหยัดพลังงานภายในอาคารที่น่าสนใจเลยทีเดียว

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

กระจก Low-E (Low-Emission Glass)

กระจก Low-E เป็นกระจกที่ถูกนำมาเคลือบสารโลหะ เพื่อลดการแผ่รังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร ในขณะที่มีการสะท้อนแสงค่อนข้างต่ำ ทำให้แสงแดดยังคงสามารถส่องเข้ามาได้มาก ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในอาคารสูง หรืออาคารทั่วไปที่ต้องการประหยัดพลังงาน แต่ต้องการแสงธรรมชาติเทียบเท่าเดิม โดยกระจก Low-E แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กระจก Low-E แบบผิวเคลือบผิวแข็ง (Hard Coat Low-E) และกระจก Low-E แบบผิวเคลือบผิวแข็ง (Soft Coat Low-E)

กระจก Hard Coat Low-E ลดการแผ่รังสีความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคารได้น้อย ทำให้กักเก็บความร้อนภายในอาคารได้ดี จึงเหมาะกับการใช้ในเมืองหนาวมากกว่า ทำให้กระจก Soft Coat Low-E จึงเป็นที่นิยมใช้มากกว่าในเมืองร้อนอย่างไทยเรา แต่กระจก Soft Coat Low-E ไม่ควรใช้บานเดี่ยวเนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยด่างจากสภาพอากาศ จึงนำมาประกบ 2 ชั้น และบรรจุอากาศตรงกลาง เหมือนกับกระจกอินซูเลท ซึ่งส่งผลให้มีประสิทธิภาพการป้องกันความร้อนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

นอกจากการเลือกกระจกป้องกันความร้อนได้ดีแล้ว ก็ต้องมีควบคู่กันคือบานกรอบประตู-หน้าต่าง ที่เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำ จะทำให้บานกรอบแตกหักได้ง่าย เมื่อผ่านสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน รวมถึงทำให้ยาแนวเสื่อมสภาพหรือเสียหายเร็ว ซึ่งส่งผลต่อการรั่วซึมของอากาศและน้ำฝน ที่สามารถเข้าสู่ช่องว่างระหว่างกระจกได้ โดยเฉพาะกระจกอินซูเลท และกระจก Low-E ที่มีช่องว่างของก๊าสเฉื่อยตรงกลาง

กระจกประเภทไหนช่วยป้องกันความร้อนได้ดีที่สุด ?

ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมของ TOSTEM มีการทดสอบประสิทธิภาพความทนทานต่อรังสีอินฟาเรดและรังสียูวีเข้มข้น เพื่อการันตีคุณภาพได้ว่า วงกบและกรอบบานอะลูมิเนียม รวมถึงอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะไม่เปลี่ยนรูป ไม่บิดงอ ไม่มีรอยแตกร้าวเสียหาย หลังจากการเผชิญกับความร้อนและแสงแดดรุนแรง ที่สำคัญนวัตกรรมการชุบ สีอะโนไดซ์ของ TOSTEM ยังทำให้สีติดทนนาน ไม่หลุดร่อน ไม่ซีดจาง เนื่องจากเป็นการนำอะลูมิเนียมไปชุบสีด้วยประจุไฟฟ้า จนเกิดเป็นชั้นฟิล์มอะลูมิเนียมออกไซด์ ที่มีผิวเรียบเนียน และมีเฉดสีที่เข้ากับงานออกแบบหลากหลายสไตล์ พร้อมเคลือบด้วย TEXGUARD เสริมความทนทานอีกชั้น ซึ่งต่างจากวิธี Powder Coated ทั่วไป ที่เป็นการใช้สีฝุ่นพ่นลงบนพื้นผิวอะลูมิเนียม ทำให้สีซีดจางลงได้ง่ายเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน


หากสนใจสินค้าประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมจาก TOSTEM ที่ช่วยปกป้องบ้านจากความร้อน ทนทานต่อทุกสภาพอากาศได้ดี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลย